ผมไปถึงก็ชอบตั้งแต่เห็นป้ายร้านเป็นรูปหม้อกับข้าว..น่ารักดีครับ แต่ด้วยความที่ไม่รู้เวลา ผมไปถึงเกือบจะบ่าย 3 แล้ว ซึ่งเป็นเวลาที่ร้านจะปิด โชคดีที่พบกับเจ้าของร้าน คุณวรรณ-จารุวรรณ เมืองมูล ที่อนุญาตให้ผมนั่งรับประทานอาหารต่อได้ จึงมีโอกาสพูดคุย

คุณวรรณ เล่าว่า เธอทำร้านอาหารกับน้องชายชื่อ กัสโต้ไซต์ อยู่ที่เชียงใหม่นี่แหละ แต่พอเกิดสถานการณ์โควิด ต้องปิดห้างปิดร้าน ร้านของเธอต้องปิดไปด้วย แม้จะมีช่วงอนุญาตให้เปิดได้ แต่ต้องเป็นร้านที่ไม่เปิดแอร์ มีอากาศถ่ายเทสะดวก ซึ่งร้านกัสโต้ไซต์ก็ยังเปิดไม่ได้อยู่ดี พอดีคุณวรรณได้ที่มาจากผู้ใหญ่ที่เคารพ จึงคิดทำร้านที่โล่ง ๆ โปร่ง ๆ เพื่อช่วยพยุงให้น้อง ๆ พนักงานจากร้านเดิมมีงานทำ จึงทำร้าน “บ้าน บ้าน” ขายข้าวแกงขึ้นมาในช่วงโควิด เน้นที่ราคาเข้าถึงง่าย (ข้าวราดแกงเริ่มต้นที่ 35 บาท สองอย่าง 45 บาท)

แม่ครัวและพนักงานต่างมาช่วยกันที่ร้านใหม่ ทำแล้วกลายเป็นขายดี เมื่อพ้นวิกฤติการณ์โควิดไปแล้ว คุณวรรณจึงเปิดร้านต่อไป แถมมีร้านสาขาที่ 2 เพิ่มขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้วที่ อ.สันทราย อีกด้วย เมื่อเล่าถึงตรงนี้ พนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟ สารพัดกับข้าว ได้แก่ แกงเขียวหวานไก่ พะแนงหมู กุ้งฝอยผัดไข่ แกงเทโพหมูสามชั้น น้ำพริกกะปิ ลาบหมูคั่ว ผัดเผ็ดปลาดุก และจอผักกาด

ผมไล่ชิมครบทุกเมนู อาหารทั้งหมดอร่อยได้มาตรฐาน รสชาติเหมือนกับคนภาคกลางกิน แกงเขียวหวานไก่ไม่หวาน แกงเทโพ น้ำแกงรสเข้มข้น หมูสามชั้นนุ่มดี แต่ที่ชอบมากคือ กุ้งฝอยผัดไข่ กินง่ายเพลิน ๆ ลาบหมูคั่ว ผมทักว่าอันนี้เป็นอาหารเหนือนี่นา คุณวรรณบอกว่าใช่ ที่ร้านจะมีเมนูทางเหนือแทรกบ้าง 2-3 เมนูจาก 20 เมนู อีกเมนูที่ผมได้ชิมคือ “จอผักกาด” ผมไม่เคยกินและชอบน้ำซุปมาก รสกลมกล่อมอมเปรี้ยวเค็มนิด ๆ กินแล้วคล้ายต้มจับฉ่าย แต่ใส่เฉพาะผักกาดเท่านั้น คุณวรรณเล่าให้ฟังว่า ทุกเมนูจะเป็นอาหารที่คุณวรรณเคยกินตั้งแต่เด็ก ๆ และจำรสชาติได้แม่นว่ารสมือแม่ทำให้กินแบบนี้ มีเมนู “แกงขนุน” อีกเมนูที่อยากให้ลอง แต่ขายหมดไปแล้ว

ด้วยความที่ผมไปช่วงคาบเกี่ยวระหว่างปิดร้านกลางวันและเปิดร้านเย็น คุณวรรณจึงให้พนักงานทำเมนู “ตับทอดกระเทียม” มาให้ชิม บอกได้เลยครับว่าต้องมาลองเมนูนี้ ตับชิ้นหนาแต่นุ่มเด้ง เหมาะเป็นกับแกล้มมาก คุณวรรณบอกว่า มื้อเย็น ร้านจะปรับเป็น “บ้าน บ้าน ยามเย็น” จะเปิดห้าโมงเย็นถึงเที่ยงคืน อาหารจะเป็นคนละเมนูกับมื้อกลางวัน เดิมจะเปิดร้านข้าวแกงตั้งแต่เช้าถึงบ่าย 3 แต่ลูกค้าเชียร์ให้เปิดมื้อเย็นด้วย ทำให้ต้องมีอีกทีมมาทำอาหารเย็น โดยเฉพาะบรรยากาศยามเย็นที่นี่จะสบาย ๆ ดูพระอาทิตย์ตกดิน มีทุ่งนา และลมเย็นตลอด

คุณวรรณอยากให้ผมชิม “แจ่วฮ้อนเนื้อ” ราคา 199 บาทเท่านั้น (หมู 159 บาท) มีเนื้อหมักพิเศษ 1 จาน ตอกไข่มาด้วย ผักอีกหนึ่งกระบะ วุ้นเส้น น้ำจิ้ม และทีเด็ดคือ น้ำซุป ผมชิมแล้วแซ่บ!! คุณวรรณบอกว่าแจ่วฮ้อนร้านเธอต้องแซ่บ เพราะมี hashtag ว่า #จัดจ้านย่านสันกำแพง คุณวรรณน่ารักมาก ลุกขึ้นคีบเนื้อแล้วนำลงไปจุ่มน้ำเดือด ตักขึ้นมาแล้วให้ผมชิมและลองวิจารณ์หน่อย “นุ่มมากกกก” เป็นคำแรกที่ผมบอกไปและถามต่อว่าร้านใช้เนื้อนอกเหรอครับ คุณวรรณบอกว่าเนื้อไทยนี่แหละ แต่มีวิธีหมักพิเศษของทางร้านทำให้เนื้อนุ่ม หมักหลายชั่วโมงเลยกว่าจะได้แบบนี้ ผมมาลองชิมแล้วตามที่เพื่อนแนะนำ ร้าน “บ้าน บ้าน” อร่อยระดับคฤหาสน์ไปเลยครับ ถ้ามีโอกาสอยากกลับมาช่วงยามเย็น เพราะบรรยากาศดี มีที่นั่งด้านนอกใต้ต้นไม้ น่าจะชิลมากเลยครับ https://web.facebook.com/BaanBaanCM ก่อนกลับ ผมแนะนำให้ซื้อขนมไทยกลับไปด้วย เช่น ขนมกล้วย (เป็นกล้วยมากกว่าแป้ง หนึบแน่นมาก) ขนมตาลเบาหน่อย และขนมใส่ไส้ ไส้ทะลักมากครับ คุ้มสุด ๆ ครับ.

………………………………………..
คอลัมน์ : ก้อนเมฆเล่าเรื่อง
โดย “น้าเมฆ”
https://facebook.com/cloudbookfanpage