สร้างความฮือฮา และเซอร์ไพร้ส์ไม่น้อย เมื่อสโมสรฟุตบอลอย่างทอตแแนม ฮอตสเปอร์ กับ การแข่งขันรถสูตรหนึ่งฟอร์มูลาวัน ประกาศความร่วมมือกันอย่างเป็นทางการ เมื่อช่วงปลายเดือนก.พ. ที่ผ่านมา

ทันทีที่ได้ยินข่าว เชื่อว่าทุกคนคงสงสัยเหมือนกันว่า มันเป็นไปได้ยังไง และจะร่วมมือกันยังไง?

อันดับแรก อธิบายที่มาที่ไปกันก่อน…

ทอตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดี้ยม นั้น แม้ว่าโดยหลัก และตามที่คนทั่วไปเข้าใจ จะเป็นสนามฟุตบอล

แต่ความจริง สเปอร์ส ต้องการสร้างให้เป็นสถานที่เอนกประสงค์ที่ใช้จัดได้หลายอย่างทั้งกีฬา, บันเทิง หรืออีเวนต์ และงานกิจกรรมต่างๆ

ทอตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดี้ยม ใช้งบประมาณในการสร้างถึง 1 พันล้านปอนด์ จุดผู้ชมได้ 62,850 ที่นั่ง เปิดใช้จัดเกมพรีเมียร์ลีกนัดแรก เมื่อเดือนเม.ย. 2019

ไม่นับเกมฟุตบอลนัดเหย้าของ สเปอร์ส ก่อนหน้านี้ เคยใช้จัดคอนเสิร์ตของศิลปินระดับโลก, การแข่งขันชกมวยไฟต์สำคัญ, อเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอล และรักบี้ เป็นประจำ

แดเนียล เลวี ประธานสโมสรสเปอร์ส บอกว่า นับตั้งแต่เริ่มต้นสร้างสนาม ความทะเยอทะยานของสโมสรคือการทำลาย “กำแพง” และจะเป็น “ประสบการณ์ระดับโลก” ที่ดึงดูดให้ทุกคนมาที่นี่

ฟังแบบนี้ น่าจะเริ่มนึกออกมากขึ้นว่า ฟุตบอล กับ เอฟวัน จะมารวมกันได้ยังไง

คำถามต่อไปคือจะรวม หรือภาษาสมัยนี้ต้องเรียกว่า “collab” กันแบบไหน ?

สเปอร์ส และเอฟวัน ระบุเอาไว้ว่า ถึงเป้าหมายหลักของการร่วมมือกันครั้งนี้คือ การเฟ้นหานักแข่งชั้นยอดขึ้นมาประดับวงการทั้งระดับ F1, F2 และ F3

ถามว่า มาร่วมกับ สโมสรฟุตบอลจะเฟ้นหานักแข่งรถได้ยังไง ?

คำตอบก็คือ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดี้ยม กำลังจะสร้างสนามรถแข่งโก-คาร์ท อยู่ใต้อัฒจันทร์ฝั่งเซาธ์ สแตน นั่นเอง

สนามแข่งโก-คาร์ท แห่งนี้ จะเป็นสนามที่ทันสมัยที่สุดในยุโรป มีแทร็คเป็นสนามรถไฟฟ้าแห่งแรกของโลก และเป็นสนามในร่มที่ยาวที่สุดในโลก มีกำหนดเปิดใช้งานปลายปีนี้

ตัวสนามจะแยกกันของเด็ก และผู้ใหญ่ ที่สำคัญมันยังได้รับการรับรองมาตรฐานจากสมาคมรถคาร์ทนานาชาติ (National Karting Association) จึงสามารถใช้จัดการแข่งขันได้ทุกระดับในโลก

ฟอร์มูลาวัน และสเปอร์ส ยังจะร่วมกันพัฒนาหลักสูตรสำหรับนักขับ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้เยาชนได้เร็วขึ้น และสร้างสุดยอดนักแข่งขึ้นมาประดับวงการด้วย

ความร่วมมือครั้งนี้มีระยะเวลายาวนานถึง 15 ปี

ดูไปดูมา ให้นึกถึงโมเดลของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในไทยลีกบ้านเราอยู่เหมือนกัน

เพราะใกล้ๆสนามฟุตบอลอย่าง ช้าง อารีนา ก็มีสนามแข่งรถอย่าง ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต อยู่เช่นกัน

บุรีรัมย์ แสดงให้เห็นแล้วว่า ฟุตบอล กับ รถแข่ง ไปด้วยกันได้ สร้างรายได้มหาศาล และสนับส่งเสริมให้ทั้งเกมลูกหนัง และวงการรถแข่ง ให้แข็งแกร่งขึ้นได้จริงๆ

จึงน่าสนใจว่า เมื่อทุกอย่างเป็นรูปเป็นร่างแล้ว โครงการนี้จะสร้างความฮือฮาได้แค่ไหน และจะช่วยเฟ้นหาสุดยอดนักแข่งได้จริงหรือไม่

แต่ด้วยดีกรีระดับ ฟอร์มูลาวัน และพรีเมียร์ลีก ถ้าไม่มั่นใจจริงๆคงไม่ทำถึงขนาดนี้

ทั้งแฟนบอล และแฟนรถแข่งจึงรอ “ว้าว” กันได้เลย !