แม้สิงคโปร์จะอนุมัติการใช้เนื้อสัตว์จากห้องแล็บ สำหรับการบริโภคของมนุษย์มานานกว่า 2 ปี แต่การผลิตจำนวนมากยังไม่เริ่มขึ้นแต่อย่างใด ซึ่งความคืบหน้าที่ล่าช้านี้ มีสาเหตุหลักมาจากต้นทุนการผลิตที่สูง และเน้นย้ำถึงความท้าทายที่อุตสาหกรรมเกิดใหม่ต้องเผชิญ ทั้งที่พวกเขาต้องการตอบสนองความต้องการโปรตีนทางเลือก โดยไม่เป็นการทำร้ายสัตว์ หรือทำลายสิ่งแวดล้อม

สัญญาณในช่วงแรกแสดงให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์อาหารสามารถทำกำไรได้เร็วกว่าเนื้อสัตว์ทั่วไป เช่น เนื้อไก่ โดยในปี 2565 สิงคโปร์ดึงดูดบริษัทราว 30 แห่ง ที่ทำงานเกี่ยวกับโปรตีนทางเลือก เพื่อปรับปรุงความมั่งคงทางอาหาร ซึ่งประเทศนำเข้าอาหาร 90% และต้องการลดให้เหลือ 70% ภายในปี 2573

เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงได้มาจาก ตัวอย่างเซลล์ขนาดเล็กของปศุสัตว์ ซึ่งจากนั้นจะถูกให้สารอาหาร, เพาะเลี้ยงในภาชนะเหล็กขนาดมหึมาที่เรียกว่า “เครื่องปฏิกรณ์ชีวภาพ” และแปรรูปเป็นสิ่งที่มีลักษณะ และรสชาติเหมือนกับชิ้นเนื้อสัตว์ของจริง

GOOD Meat

อย่างไรก็ตาม บริษัทผลิตสเต๊กเนื้อวัวเพาะเลี้ยงแห่งหนึ่งในอิสราเอล กล่าวว่า อุปสรรคด้านเทคโนโลยี, กฎระเบียบ และมาตราส่วนในการเข้าถึงเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงนั้นสูงมาก เมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์ที่ทำจากพืช

บรรดาผู้บริหารอุตสาหกรรมกล่าวว่า ความก้าวหน้าในการผลิตช่วยให้หลายบริษัทลดต้นทุนการผลิตมากถึง 90% จากที่เริ่มต้นเมื่อหลายปีก่อน ดังเช่น “อีต จัสต์” บริษัทสตาร์ทอัพของสหรัฐ ที่กล่าวว่ามี “ความคืบหน้าอย่างมาก” ในการลดต้นทุนนักเก็ตไก่ แต่ไม่ได้บอกว่ามากเท่าใด

แม้ฮูเบอร์สจะขายอาหารที่ทำจากเนื้อไก่เพาะเลี้ยงของบริษัท อีต จัสต์ ในราคาประมาณ 19 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 500 บาท) แต่ต้นทุนยังคงสูงมากจน อีต จัสต์ ต้องเลื่อนการคาดการณ์สำหรับการทำกำไรไปเป็นช่วงสิ้นทศวรรษนี้ ซึ่งช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ถึง 9 ปี

ส่วน “เอสโก แอสเตอร์” บริษัทสตาร์ทอัพในสิงคโปร์ ซึ่งมีเครื่องปฏิกรณ์ชีวภาพขนาดเล็ก 2,000 ลิตร เป็นโรงงานเพียงแห่งเดียวที่ได้รับการอนุมัติในประเทศ และใช้ในการผลิตเนื้อไก่เพาะเลี้ยงของ อีต จัสต์ กล่าวว่า ทางบริษัทกำลังเตรียมระดมทุน 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,100 ล้านบาท) เพื่อสร้างอุปกรณ์ขนาด 50,000 ลิตร ตลอดจนร่วมมือกับบริษัทสตาร์ทอัพอื่น ๆ เพื่อผลิตเนื้อหมูและเนื้อวัวเพาะเลี้ยงด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ดี หลังจากการระดมทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 180,000 ล้านบาท) ตามข้อมูบลของกลุ่มวิจัย “สถาบันอาหารดี” (จีเอฟไอ) ภาคส่วนโปรตีนทางเลือกกลับเผชิญกับแนวโน้มการระดมทุนที่ยากลำบาก เพราะความต้องการเนื้อสัตว์จากพืชที่ลดลงอย่างมาก, สภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา และความสนใจที่น้อยนิดในการทำกำไรระยะสั้น กระนั้น บริษัทที่ประสบความสำเร็จ จะสร้างผลกระทบอย่างมากต่อระบบอาหารเลยทีเดียว.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : REUTERS