“การเป็นพ่อแม่อาจเป็นเรื่องยาก แต่จำไว้เสมอว่า ไม่มีใครทำได้ดีไปกว่าคุณแล้ว…ความรักทั่วไปอาจมีวันหมด แต่รักลูกไม่มีคำว่าลด สำหรับคนเป็นพ่อแม่”

ทุกวันนี้เชื่อว่า “ความเครียด” มันเข้าไปปกคลุมสังคมไทยแทบจะทั่วหองระแหง ไหนจะต้องทำมาหากิน ไหนจะต้องเก็บเงิน แล้วยังต้องมาคอยระวังพวกมิจฉาชีพกับพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีก ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีอีก 2 ความหลอกลวงที่ทำให้บรรดาผู้เสียหายเพิ่มความเครียดมากขึ้นไปอีก

เหตุหลอกลวงเรื่องแรกเกิดขึ้นเมื่อ กลุ่มผู้เสียหายเดินทางเข้าร้อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้ช่วยเหลือหลังถูก นายเอ เจ้าของแฟรนไชส์ร้านปิ้งย่างชื่อดัง ที่มีสาขาจำนวนมาก ฉ้อโกงหลอกให้ลงทุน แต่กลับไม่ยอมจ่ายเงินค่าปันผล และไม่ยอมให้ถอนหุ้น

ในขณะที่อีกฝ่ายก็ยังคงออกเดินสายออกรายการทีวีและสื่อ ทำให้มีผู้เสียหายหลงเชื่อเพิ่มมากขึ้น หากใครสอบถามเรื่องเงินปันผล ก็จะถูกลบออกจากกลุ่มไลน์ในทันที

ทั้งนี้ ผู้เสียหายที่ลงทุน พากันเข้าไปตรวจสอบจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า ธุรกิจมีการจดทะเบียน อีกทั้งเจ้าของแบรนด์ไม่ได้มีการจดชื่อผู้เสียหายบางรายเข้าไปในรายชื่อผู้ถือหุ้นตามที่ได้ตกลงกันไว้ ปัจจุบันเจ้าของแบรนด์ได้ปิดเฟซบุ๊กส่วนตัวและปิดเพจธุรกิจไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถติดต่อได้


จากการรวบรวมกลุ่มผู้เสียหายตอนนี้มีอยู่ประมาณ 13 คน ที่หลงเชื่อคำโฆษณานี้และเข้าร่วมลงทุน ยอดความเสียหายมากกว่า 4 ล้านบาท เฉลี่ยรายละตั้งแต่ 2 แสนถึง 1 ล้านบาท และคาดว่าอาจจะมีผู้เสียหายเพิ่มขึ้นอีก

ผู้เสียหายที่เสียเงินมากที่สุดคือ 1 ล้านบาท เล่าให้ฟังว่า เจ้าของแบรนด์หลอกว่ามีหุ้นอยู่ 20 ตัว ตัวละ 2 แสนบาท จึงได้ร่วมลงทุนไป 5 ตัว เป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาท โดยเจ้าของแบรนด์ได้มีการกล่าวอ้างว่าลงทุนแค่ 7,000 บาท ก็สามารถปลดหนี้ 10 ล้านบาท ได้ภายใน 6 เดือน และคืนทุนได้ภายใน 1 เดือน

เมื่อเวลาผ่านไป 6 เดือนก็ยังไม่ได้รับเงินใดๆ โดยเจ้าของธุรกิจอ้างว่าติดช่วงโควิด-19 จึงไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ จึงรอไปเรื่อยๆ และยังมีการเชิญชวนให้ลงทุนเพิ่มเติมในบริษัทลูกอีก อ้างว่ามีบริษัทน้ำดื่มยักษ์ใหญ่รายหนึ่ง เข้ามาร่วมลงทุนด้วยจึงจะได้เงินปันผล

แต่หลังจากตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมและสืบทราบว่า พบว่าเจ้าของแบรนด์ได้มีการเปิดบริษัทที่สองและนำไปขายให้กับบริษัทชื่อดังต่ออีกที เพื่อให้เป็นการรับช่วงทำแบรนด์ต่อจากเจ้าของเดิม ไม่ใช่การทำแบรนด์บริษัทลูก อย่างที่กล่าวอ้างกับผู้เสียหาย พอผ่านไป 2 ปี ก็ยังไม่ได้รับเงินปันผลแม้แต่บาทเดียว

ขณะที่เหตุหลอกลวงที่สองเกิดขึ้นเมื่อ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาผู้เสียหายกว่า 10 ราย นำหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ บก.ปคบ. ให้ดำเนินคดีกับเจ้าของบริษัททัวร์ชื่อดังใน จ.ปราจีนบุรี ในข้อหา “…ฉ้อโกงประชาชนและการทำผิดนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์…” หลังก่อเหตุหลอกขายทัวร์พาเที่ยวต่างประเทศ

หนึ่งในผู้เสียหาย บอกว่า เห็นเพจเฟซบุ๊กของบริษัททัวร์ดังกล่าวโฆษณาขายโปรแกรมพาเที่ยว “โตเกียว-ฟูจิคาว่า” ประเทศญี่ปุ่น เพื่อดูหิมะและชมซากุระบาน ระหว่างวันที่ 15-19 มี.ค. 66 ในราคาคนละ 35,888 บาท ตนกับเพื่อนรวม 7 คน จึงชักชวนกันซื้อเพราะเห็นว่าราคาประหยัดกว่าบริษัทอื่น

จากนั้นได้โอนเงินเข้าบัญชีเจ้าของบริษัท แต่เมื่อถึงวันเดินทางกลับไม่ถูกลอยแพทิ้งไว้สนามบิน ไม่สามารถเดินทางไปญี่ปุ่นได้ สอบถามบริษัททัวร์ก็บ่ายเบี่ยง จึงต้องเข้ามาแจ้งตำรวจให้ช่วยดำเนินคดีกับบริษัททัวร์ดังกล่าว

ด้านผู้เสียหายอีกราย เล่าว่า ตนกับเพื่อน 18 คน ซื้อทัวร์ไปเที่ยวหลวงพระบาง สปป.ลาว ในราคาคนละ 10,000 บาท เดินทางวันที่ 5-7 เม.ย. แต่เมื่อเช็กที่พักและสายการบิน ปรากฏว่าไม่มีการจองไว้ จึงเชื่อว่าถูกหลอก ส่วนเพจเฟซบุ๊กของบริษัททัวร์ก็ยังเปิดให้จองท่องเที่ยวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อยากให้หน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ ไม่อยากให้บริษัทไปเที่ยวหลอกลวงคนอื่นอีก

นี่เป็นข่าวหลอกลวงที่เกิดขึ้นภายในแค่สัปดาห์เดียว เชื่อว่ายังมีอีกหลายเหตุการณ์เพียงแต่มันยังไม่เป็นข่าว หรือยังไม่มีการร้องเรียนเท่านั้น เอาแค่คอยระวังพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาดูดเงินก็ว่าหนักพออยู่แล้ว พอมีเรื่องหลอกทัวร์หลอกลงทุนแฟรนไชส์เข้ามาอีก เฮ้อ..สังคมยุคหลอกลวงจริงๆ.

ข่าวสารตำรวจ

ระดมกวาดล้าง
พ.ต.อ.ปราโมทย์ สัจจวณิชย์ รอง ผบก.ภ.จว.นครพนม สั่งการให้ พ.ต.ท.ศรายุทธ ศรีมัญจาบุรี สวญ.สภ.หนองฮี จ.นครพนม นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองฮี นำโดย พ.ต.ต.ธนกฤต จีระมงคลกุล สว.สส.สภ.หนองฮี พร้อมชุดสืบสวน สภ.หนองฮี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ อส.ฝ่ายปกครองอำเภอปลาปาก ร่วมกันระดมออกกวาดล้างจับกุมยาเสพติด อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ในพื้นที่ตามนโยบายของ ผบช.ภ.4 และ ผบก.ภ.จว.นครพนม ผลการจับกุมสามารถตรวจยึดยาเสพติดอาวุธมีด และอาวุธปืนได้หลายรายการ ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งบำบัดฟื้นฟูยาเสพติดและดำเนินคดีตามกฎหมาย

เปิดอาคารหลังใหม่
เมื่อ 24 มีนาคม 2566 โดยพล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ภ.6 เป็นประธานในพิธีเปิดอาคารที่ทำการสถานีตำรวจภูธรเมืองสุโขทัย (หลังใหม่) เลขที่ 257 ถ.นิกรเกษม ต.ธานี อ.เมือง จ.สุโขทัย โดยมี นายดำรง มโนรถ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นายสิทธิเดช สิงห์บุระอุดม ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุโขทัย พล.ต.ต.อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ ผบก.ภ.จว.สุโขทัย ดร.มนู พุกประเสริฐ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย ข้าราชการตำรวจในสังกัด ภ.จว.สุโขทัย คณะแม่บ้านตำรวจ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมในพิธี

โดยมี พ.ต.อ.ไพบูลย์ กาศอุดม ผกก.สภ.เมืองสุโขทัย กล่าวรายงานว่า ตามที่อาคารที่ทำการสถานีตำรวจภูธรเมืองสุโขทัย (หลังเดิม) มีอายุการใช้งานมากว่า 40 ปี อยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม มีความคับแคบไม่สอดคล้องกับโครงสร้างของหน่วยงานระดับสถานีตำรวจขนาดใหญ่ เพื่อเป็นการรองรับและยกระดับการให้บริการประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 36,198,369 บาท

แสดงความยินดี
พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.ถาวร นาใจเย็น ผกก.สภ.พนัสนิคม สุรพงษ์ ญัตติณรงค์ กำนันตำบลหนองหงษ์ วรชัย พรหมชัย อดีตนายกสมาคมนักข่าวจัง หวัดชลบุรี ร่วมแสดงความยินดีกับ ภก.กรวัจน์สิทธิ์ ชัยปฏิวัติ บุตรชายของ พ.ต.อ.ชัยรัชช์กิตติ์ ชัยปฏิวัติ ผกก.สภ.พานทอง ในโอกาสเปิดร้านขายยา ต.เต่า ฟาร์มาซี ถนนโรงนา-คุ้มครอง อ.พานทอง เมื่อวันก่อน ซึ่งมีข้าราชการ ผู้นำท้องถิ่น/ท้องที่ นักธุรกิจ ร่วมยินดีอย่างมากมาย

อาชญากรรมช่วงสงกรานต์
พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผบก.ภ.จว.เพชรบุรีเป็นประธานพิธี ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2566 เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อประชาชน ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่น ศรัทธา และรักษาความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชน ภายใต้แผนยุทธการ “พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี” ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม – 10 เมษายน 2566 โดยมีนายปิยพงศ์ ชูวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี พ.ต.อ.โกศล ยามา รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พ.ต.อ.ธัญญะ ครุฑเผือก รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี นายประสูตร หอมบรรเทิง นายอำเภอเมืองเพชรบุรี พ.อ.เสริมพงศ์ วงศ์สิทธิโชค หน.กองยุทธการ มทบ.15 พ.อ.(พิเศษ) พล ทิมทอง หัวหน้าฝ่ายข่าว กลุ่มงานนโยบายแผนและการข่าว (กอ.รมน.ฝ่ายทหาร) รองนายแพทย์พงศ์พิสิทธิ์ นานานุกูล รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี นายทวี เข็มกลัด รอง หน.ปภ.ฝ่ายนโยบายและแผน นายอภิสิทธิ์ ดาวเรือง หน.กลุ่มวิชาการขนส่งจังหวัดเพชรบุรี พร้อมด้วย หัวหน้า สภ.ในสังกัด, ตำรวจท่องเที่ยวเพชรบุรี, ตำรวจทางหลวงเพชรบุรี, ทหาร, ฝ่ายปกครอง, ขนส่งจังหวัดเพชรบุรี, อาสาสมัครตำรวจ, อปพร., ข้าราชการตำรวจในสังกัด ภ.จว.เพชรบุรี และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมปล่อยแถว ณ บริเวณลานจอด รถเคเบิ้ลคาร์ ต.ไร่ส้ม อ.เมือง จ.เพชรบุรี.

ระวังความปลอดภัย
ภายหลัง พ.ต.อ.กฤษณ์ มาสุข ขยับมานั่งในตำแหน่ง ผกก.สภ.โนนสัง ได้ไม่นานเริ่มปรับทัศนคติของข้าราชการตำรวจในสังกัดเพื่อปรับวิสัยทัศน์การทำงานประชาชนต้องมาก่อน จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.อิทธิวัตร มูลขุนทด รอง ผกก.ป.ฯ และ พ.ต.ท.สมคิด. ชื่นชม สวป.สภ.โนนสัง ให้เข้มข้นในการอำนวยความสะดวกการจราจรโดยเฉพาะถนนสายหลักหน้าธนาคารออมสิน สาขาโนนสัง ที่มีประชาชนเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้การจราจรคล่องตัว และการจราจรคับคั่งเห็นผู้สูงอายุเกรงงาจะไม่ปลอดภัยไม่กล้าเดินข้ามถนนขณะนั้น ด.ต.ประดิษฐ์ ศรีเพียแก้ว ผบ.หมู่(ป.)ฯ ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจรถยนต์ จึงได้อาสาพาประชาชนเดินข้ามถนนไปถึงฝั่งตรงข้ามอย่างปลอดภัย สมแล้วกับสโลแกนตำรวจโนนสัง พิทักษ์รับใช้ประชาชน

แก้ปัญหายาเสพติดครบวงจร
ที่ห้องประชุมโรงเรียนระยองวิทยาคม ตำรวจภูธรจังหวัดระยองเปิดโครงการฝึกอบรมวิทยากรต้นแบบชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยมีนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายสุพจน์ ต่ออาจหาญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายกำธร เวทน ปลัดจังหวัดระยอง พล.ต.ต.พงศ์พันธ์ วงษ์มณีเทศ ผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดระยอง พ.ต.อ.ปราโมทย์ งามประดิษฐ์ รองผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดระยอง อปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเข้าร่วมการฝึกอบรม

โครงการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลและเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายยาเสพติดที่เปลี่ยนกรอบแนวคิดปัญหายาเสพติด มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาผู้เสพและผู้ติดยาเสพติดด้วยวิธีการทางสาธารณสุข ยึดหลัก “ผู้เสพ คือ ผู้ป่วย” จากสถานการณ์ปัจจุบันพบว่าจำนวนผู้เสพและผู้ติดยาเสพติดเพิ่มขึ้น และเข้าไปเกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมในหลายคดี รวมถึงผู้ป่วยจิตเวชหรือผู้ที่มีอาการทางจิตจากการใช้ยาเสพติดที่ก่อเหตุรุนแรงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นวงกว้าง

ทั้งนี้ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินโครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร โดยมอบหมายให้ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดระยอง จัดทําโครงการฝึกอบรมวิทยากรต้นแบบชุมชนยั่งยืนขึ้น โดยมุ่งเน้นให้ชุดปฏิบัติการเกิดความรู้ ความเข้าใจในกระบวนการ สามารถถ่ายทอดความรู้ให้แก่ชุดปฏิบัติการที่ร่วมดำเนินงานเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับคนในชุมชน ให้ตระหนักในการเฝ้าระวัง ป้องกัน แก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกันอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน


****************************************
คอลัมน์ : สน.รอตรวจ
โดย : บิ๊กสลีป (ทุกวันศุกร์)