แมนฯ ซิตี และ ลิเวอร์พูล อยู่ในสถานการณ์ที่ “พลาดไม่ได้” ถ้าหากยังอยากจะไปถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ในฤดูกาลนี้

“เรือใบสีฟ้า” ตามหลัง อาร์เซนอล ถึง 8 แต้ม แม้มีเกมในมือ 1 นัด แต่ถ้าไม่ชนะนัดนี้ กับเกมที่เหลือน้อยลงทุกที ช่องว่างอาจจะห่างเกินไป เพราะ “ปืนใหญ่” ก็ไม่มีทีท่าว่าจะแผ่วลง

“หงส์แดง” ยิ่งหนัก ฟอร์มเอาแน่นอนไม่ได้ ทั้งที่เพิ่งถล่ม แมนฯ ยูไนเต็ด 7-0 แต่หลังจากนั้นกลับแพ้ 2 เกมรวด พบตัวเองอยู่แค่ที่ 6 ตามอันดับ 4 ถึง 7 แต้ม ถ้าพลาดโอกาสอาจปิดทันทีเช่นกัน

โคตรเกม” ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม ค่ำวันเสาร์นี้ จึงเป็นเกมที่สำคัญที่สุดนัดหนึ่งในฤดูกาลสำหรับทั้ง 2 ทีม (และทีมที่ลุ้นอยู่กับพวกเขา) เพราะผู้ชนะจะได้ไปต่อ แต่ผู้แพ้ต้องกลับบ้าน

แฟนบอลเองจึง “พลาดไม่ได้” ด้วยเช่นกัน

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แมนฯ ซิตี – ลิเวอร์พูล
วันที่ : เสาร์ที่ 1 เม.ย. 66
เวลา : 18.30 น.
สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม
ถ่ายทอดสด : ทรู พรีเมียร์ ฟุตบอล 1

แมนเขสเตอร์ ซิตี
“เรือใบสีฟ้า” กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มสุดยอด โดยชนะรวดมา 5 นัดในทุกรายการ ยิงรวม 19 ประตู ไม่เสียแม้แต่ลูกเดียว ล่าสุดก่อนเบรกทีมชาติ ถล่ม เบิร์นลีย์ 6-0 ในเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีม ก่อนหน้านั้น ไล่ยำ ไลป์ซิก 7-0 ในแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีม นัดที่ 2

ส่วนในลีก บุกไปเฉือน คริสตัล พาเลซ 1-0 ทำให้ชนะในลีก 3 เกมติด มี 61 คะแนน จาก 27 เกม อยู่ที่ 2 ตาม อาร์เซนอล 8 คะแนน แต่เตะน้อยกว่า 1 นัด ถ้ายังอยากลุ้นแชมป์ นัดนี้ต้องชนะเท่านั้น

เกมนี้ เปป กวาร์ดิโอลา จะไม่มี ฟิล โฟเดน ที่ผ่าตัดไส้เลื่อน และต้องเช็ก เออร์ลิง ฮาลันด์ ที่เจ็บจนต้องถอนทีมชาตินอร์เวย์ แต่ไม่น่ามีปัญหา และพร้อมจัดเต็มแน่นอน

ผู้รักษาประตูเป็น เอแดร์ซอน แผงหลังใช้ รูเบน ดิอาซ กับ จอห์น สโตนส์ เป็นเซ็นเตอร์ โดยมี ไคล์ วอล์คเกอร์ กับ ริโก ลูอิส เป็นแบ๊ก 2 ข้าง

แดนกลางวาง โรดรี ดูแลเกมรับ โดยมี เควิน เดอ บรอยน์ กับ อิลคาย กุนโดกัน ขับเคลื่อนเกม แล้วเกมรุกใส่ แจ๊ค กลีลิช กับ ริยาด มาห์เรซ ทำเกมริมเส้น โดยมี ฮาลันด์ เป็นหน้าเป้า

ลิเวอร์พูล
“หงส์แดง” ลงเล่นเกมล่าสุดตั้งแต่กลางเดือนมี.ค. โดยบุกไปแพ้ รีล มาดริด 0-1 ตกรอบ 16 ทีมแชมเปี้ยสส์ ลีก ก่อนหน้านั้นในลีกก็บุกแพ้ บอร์นมัธ 0-1 ทำให้แพ้ในลีกเป็นเกมที่ 8 ของฤดูกาล และมี 42 คะแนน จาก 26 เกม อยู่ที่ 6 ตามหลังอันดับ 4 สเปอร์ส 7 แต้ม แต่เตะน้อยกว่า 2 นัด

เกมนี้ เจอร์เกน คลอปป์ อาจได้ หลุยส์ ดิอาซ แกนรุกคนเก่งกลับมา หลังหายเจ็บยาว แต่เต็มที่ก็แค่สำรอง และต้องเช็ก ดาร์วิน นูนเญซ กับ คอสตาส ซิมิกาส ส่วนพวกที่เจ็บอย่าง คัลวิน แรมซีย์, สเตฟาน บายเซติช, ติอาโก อัลคันตารา และ โจ โกเมซ ยังไม่พร้อมทั้งหมด

การจัดทัพใช้ อลิสซอน เบคเกอร์ เฝ้าเสา แดนหลัง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, เวอร์จิล ฟาน ไดค์, อิบราฮิมา โกนาเต, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ประจำการ แดนกลางวาง ฟาบินโญ, จอร์แเดน เฮนเดอร์สัน และ ฮาวีย์ เอลเลียต ทำเกม โดยมี 3 เกมรุกเป็น โม ซาลาห์, โคดี กัคโป และดีโอโก โชตา

ความน่าจะเป็นของเกม
ฤดูกาลที่แล้วลุ้นแชมป์กันสนุกมาก ฤดูกาลนี้ก็เจอกันไปแล้วถึง 3 ครั้ง ลิเวอร์พูล ชนะ 3-1 ในคอมมิวนิตี ชิลด์ ก่อนเฉือน 1-0 ในลีก แต่ แมนฯ ซิตี ชนะในคาราบาว คัพ 3-2 จึงถือว่าสูสีสุดๆ

ไฮไลต์ของเกมคือการวัดกันของ “ฮาลันด์” ที่ยิงไปแล้ว 28 ลูกในลีก 42 ลูกในทุกรายการ กับ “ซาลาห์” ดาวซัลโวฤดูกาลที่แล้ว แถม ฮาลันด์ ยังต้องเจอกับ ฟาน ไดค์ ที่ตามประกบทั้งเกม นี่จึงเป็นเกมที่จะพิสูจน์ดาวยิงวัย 22 ปีอย่างแท้จริง

แต่เทียบทุกอย่างแล้ว ทั้งฟอร์ม, ผลงาน, ตัวเจ็บ, ความมั่นใจ ต้องถือว่าเรือใบดูดีกว่าพอสมควร เพราะ ลิเวอร์พูล นักเตะเจ็บก็เยอะ ฟอร์มก็ไม่นิ่ง ได้เปรียบตรงได้พักมานานกว่าแค่นั้น แถมต้องบุกไปเยือน ต่อให้ตัวเต็ม ฟอร์มดี ก็ใช่ว่าจะชนะง่ายๆ

นัดนี้ แมนฯ ซิตี จึงดูดีกว่า ถ้าหาก ลิเวอร์พูล ไม่ผีเข้าเหมือนวันถล่ม แมนฯ ยูไนเต็ด โอกาสมีแต้มยาก แต่เกมน่าจะสนุก และเจ้าถิ่นจะชนะแค่เฉือน

ผลที่คาด
แมนฯ ซิตี ชนะ ลิเวอร์พูล 3-2