เนื่องจากเป็นเขตเลือกตั้งที่พรรคประชาธิปัตย์มีปัญหาไม่ได้ ส.ส.มาตั้งแต่การเลือกตั้งในปี 2562 เพราะพรรคได้ส่ง “เจือ ราชสีห์” อดีต ส.ส. 4 สมัย ไปอยู่ใน ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือ “ปาร์ตี้ลิสต์” และส่ง “สรรเพชญ บุญญามณี” ลงสมัครในเขตเลือกตั้งที่ 1 แทน และ “พ่ายแพ้” ให้กับ “วันชัย ปริญญาศิริ” จากพรรคพลังประชารัฐ อย่างชนิด “หักปากกาเซียน”

เลือกตั้งครั้งนี้ เขตเลือกตั้งที่ 1 ไม่มี ส.ส.เจ้าถิ่น เนื่องจาก “วันชัย ปริญญาศิริ” ลาออกจากการเป็น ส.ส.ก่อนการยุบสภา เพื่อสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่ง “นายกเทศมนตรีเทศบาลนครสงขลา” และได้เป็นนักการเมืองท้องถิ่นตามความต้องการโดยที่ “รัฐบาล” ไม่ได้จัดให้มีการเลือกตั้งซ่อม เพราะใกล้วาระที่ “รัฐบาล” กำลังหมดเวลา การเลือกตั้งครั้งนี้เขตเลือกตั้งที่ 1 มีผู้สมัครลงรับเลือกตั้งหลายพรรคการเมือง แต่ผู้สมัครที่ “โดดเด่น” และเป็นผู้แข่งขันในสนามเลือกตั้งเขต 1 สงขลา มีเพียง 3 คน จาก 3 พรรคการเมืองเท่านั้น หมายเลข 1 นายเจือ ราชสีห์  อดีต ส.ส. 4 สมัย ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ครั้งนี้ลงสมัครในพรรครวมไทยสร้างชาติ หมายเลข 4 นายสรรเพชญ บุญญามณี ผู้สมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ และหมายเลข 2 คือ นายประสงค์ บริรักษ์ ผู้สมัครในนามพรรคภูมิใจไทย อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลา และ “เจือ ราชสีห์” อดีต ส.ส. 4 สมัย ของ “ประชาธิปัตย์” ซึ่งครั้งนี้ย้ายมาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ กลายเป็นประเด็นที่มีประชาชนให้ความสนใจของการย้ายพรรค เพราะเป็นอดีต ส.ส.ของประชาธิปัตย์ถึง 4 สมัยติดต่อกัน และล่าสุดเป็น ส.ส. “ปาร์ตี้ลิสต์” ของประชาธิปัตย์ก่อนการยุบสภา และลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์มา “สวมเสื้อ” ของ “รวมไทยสร้างชาติ” เดินหาเสียงด้วยการให้ประชาชน สนับสนุนให้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรักษาการ เป็น “นายกรัฐมนตรี” อีกครั้ง

ซึ่ง “เจือ ราชสีห์” ได้เปิดเผยกับประชาชนในการหาเสียงว่า ไม่ต้องการทิ้งประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 1 และไม่ต้องการย้ายพรรค แต่ที่ต้องย้ายพรรคเพราะมีปัญหาในการลงสมัคร ส.ส.เขต 1 สงขลา ตั้งแต่ปี 2562 ที่ได้แจ้งความจำนงในการลงสมัคร ส.ส.เขต แต่ผู้บริหารพรรคแจ้งว่ามีผู้สมัครมากกว่า 1 คน จึงต้องทำ “ไพรมารีโหวต” และคะแนนที่ออกมาได้น้อยกว่าผู้สมัครอีกคน เพราะเป็นการทำไพรมารีโหวต ที่ตนเองไม่มีส่วนรับรู้ และพรรคได้ให้ตนเป็นผู้สมัคร ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ หมายเลข 29

นี่คือสาเหตุที่ “เจือ ราชสีห์” ได้แจ้งกับประชาชนเขต 1 ในการหาเสียงในประเด็นของการย้ายพรรค โดย “เจือ” กล่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บุคคลสำคัญของพรรครวมไทยสร้างชาติได้ให้เกียรติตนเอง และรับข้อเสนอ 2 ข้อของตนในการพัฒนาเมืองสงขลาเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน ในเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.สงขลา นั่นคือการ “ปรับปรุงโรงพยาบาลสงขลาเก่า” ให้ทันสมัยเป็นโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ของประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 1 เพื่อลดความแออัด ร่นระยะทางของการเดินทางไปยังโรงพยาบาลสงขลา, เรื่องที่ 2 ที่ได้ขอไว้กับ “พล.อ.ประยุทธ์” คือ การสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา บริเวณท่าแพขนานยนต์ฝั่งเทศบาลเมืองนครสงขลา ไปยังฝั่งหัวเขาแดง อ.สิงหนคร จ.สงขลา ซึ่งการใช้ “แพขนานยนต์” ทำให้เสียเวลา และไม่มีความสะดวกในการเดินทางของประชาชน ซึ่งตนได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และประชาชนที่ต้องใช้แพขนานยนต์ในการ “ข้ามฝั่ง” ต่างเห็นด้วยกับโครงการ “สะพานข้ามทะเลสาบ” แห่งนี้ และหลังจากที่ตนได้นำเสนอโครงการดังกล่าว ปรากฏว่า “พล.อ.ประยุทธ์” ได้นำคณะเดินทางมาดูปัญหาที่ท่าแพขนานยนต์ในทันที และ “เห็นชอบ” ซึ่งหากตนได้รับการเลือกจากประชาชนให้ทำหน้าที่เป็น “ผู้แทนฯ” และพรรครวมไทยสร้างชาติได้เป็นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็น “นายกรัฐมนตรี” โครงการปรับปรุงโรงพยาบาลเก่าของสงขลา เพื่อให้เป็นโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ของประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 1 และโครงการสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เพื่อใช้ในการสัญจรระหว่างฝั่งของเทศบาลนครสงขลากับฝั่ง อ.สิงหนคร จ.สงขลา โดยไม่ต้องใช้ 
“แพขนานยนต์”
 จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

“เจือ ราชสีห์” ได้กล่าวกับประชาชนในการออกพบปะ “ปราศรัย” ในการหาเสียงครั้งนี้ โดยชูเรื่องความ “ซื่อสัตย์ สุจริต” ของ  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าเป็นผู้ที่เหมาะสมกับการเป็น “ผู้นำประเทศ” ขอให้ประชาชนในเขต 1 เลือกตนเองผู้สมัครหมายเลข 1 และเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ หมายเลข 22 ให้“ถล่มทลาย” เพื่อที่จะได้นำสิ่งใหม่ ๆ มาให้กับประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 1 ของจังหวัดสงขลา

ในการลงสมัครเพื่อรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.สงขลา ครั้งนี้ “เจือ ราชสีห์” ค่อนข้างมีความมั่นใจ เพราะมี “กระแส”  ตอบรับจาก “ประชาชน” ในพื้นที่รอบนอกเขตเทศบาลนครสงขลา เช่น เทศบาลเมืองพะวง ประชาชนใน ต.เกาะยอ ที่เป็น “มาตุภูมิ” รวมทั้งหน่วยงานราชการหลายหน่วยงานที่ตั้งอยู่ในเขตเลือกตั้งที่ 1 ที่มี “สายสัมพันธ์” กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บุคคลสำคัญของพรรครวมไทยสร้างชาติ

แต่เส้นทางในการเดินไปสู่ “จุดหมาย” คือการเป็น “ผู้แทนราษฎร” ของประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 1 ของ “เจือ ราชสีห์” ก็ไม่ได้ง่ายดาย ดังความต้องการเพราะยังมี “เด็กหนุ่ม” จากค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม แห่งพรรคประชาธิปัตย์ “สรรเพชญ บุญญามณี” ที่หลังการพ่ายคะแนนให้กับ “วันชัย ปริญญาศิริ” แห่งพรรคพลังประชารัฐ แถม “สรรเพชญ” ก็ขยันขันแข็งในการลงพื้นที่แบบเกาะติด ช่วยเหลือประชาชนที่ “ทุกข์ยาก” ได้รับความ “เดือดร้อน” ในเขตเทศบาลนครสงขลามาโดยตลอด  4 ปี ซึ่งเจ้าตัวเชื่อว่า “มากพอ” ที่จะส่งให้ได้เป็น ส.ส. ในครั้งนี้

และนอกจากนั้นยังมี “ประสงค์ บริรักษ์” ผู้สมัครของ “ค่ายใหญ่” ที่ทุกพรรค “หวั่นไหว” ในเรื่องของ “ท่อน้ำเลี้ยง” อย่างพรรคภูมิใจไทย ที่ถูกมองว่ามี “ฐานคะแนน” ในรอบนอกที่อาจจะทับซ้อนกับฐานคะแนนของ “เจือ ราชสีห์” ซึ่งวันนี้ “คะแนน” ของ  “ประสงค์ บริรักษ์” อาจจะยังตาม “เจือ” และ “สรรเพชญ” อยู่ แต่เวลาที่เหลืออยู่ “ประสงค์” และ “ภูมิใจไทย” อาจจะมีไม้เด็ดที่ประชาชนไม่ปฏิเสธ ในการ “วิ่งแรง” เพื่อ “แซงโค้ง” เข้าเส้นชัย ดังนั้น สนามเลือกตั้งเขต 1 จึงเป็นสนามการเลือกตั้งที่ “วัดบารมี” ระหว่าง “สิงห์หนุ่ม” ที่เรี่ยวแรงดีสายป่านยาว กับ “เสือเฒ่า” ที่ “กระดูกแข็งโป๊ก” และมากประสบการณ์ในการ “ต่อสู้” ทางการเมืองมายาวนาน ซึ่งไม่ว่าใครจะเข้าวินล้วนแต่เป็นประโยชน์กับประชาชนในเขต 1 ของ จ.สงขลา ทั้งสิ้น.

ศูนย์เดลินิวส์ภาคใต้ตอนล่าง