20 สโมสรพรีเมียร์ลีก ใช้เงินรวมกัน 1,100 ล้านปอนด์ ในตลาดนักเตะช่วงหน้าร้อน ปีค.ศ. 2021 ระหว่าง 9 มิ.ย. – 31 ส.ค. 64 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงจากซัมเมอร์ที่แล้ว ซึ่งใช้เงินไป 1,300 ล้านปอนด์ ถึง 11% และลดลงกว่าซัมเมอร์ 2019 ถึง 9%

เอาเข้าจริง ตัวเลขจาก Deloitte ระบุว่า นี่คือยอดการใช้จ่ายที่น้อยที่สุดของพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ปีค.ศ. 2015 ด้วยซ้ำ และเปิดเผยตัวเลขที่น่าสนใจหลายอย่างเช่น

 

ในวันสุดท้ายของตลาด ทีมพรีเมียร์ลีกใช้เงินรวมกัน 150 ล้านปอนด์ ทำให้ยอดรวมเกิน 1,000 ล้านเป็นซัมเมอร์ที่ 6 ติดต่อกัน, ซัมเมอร์นี้ พรีเมียร์ลีกเซ็นสัญญานักเตะ 148 คน เทียบกับ 132 คน ในซัมเมอร์ 2020 และ 128 คน ในซัมเมอร์ 2019

มีผู้เล่น “ฟรีเอย่นต์” ที่เซ็นสัญญาแบบไม่มีค่าตัวถึง 22% เพิ่มจากปีก่อน 20% และมีเพียง 4 สโมสร ที่ไม่ได้เซ็นสัญญานักเตะแบบไม่มีค่าตัว เทียบกับซัมเมอร์ก่อน 8 สโมสร

“บุนเดสลีกา” ของเยอรมนี คือลีกเดียวใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรป ที่มียอดช้อปปิ้งสูงขึ้น

แต่นักวิจารณ์ และแฟนบอลหลายคน บอกว่า นี่คือซัมเมอร์ที่ดีที่สุดปีหนึ่ง เพราะมันเกิด “ดีล” ที่ฮือฮา และไม่น่าเชื่อมากมาย แต่ขณะเดียวกัน ก็ไม่เกิดดีลที่คิดว่าน่าจะเกิดไม่น้อย

               โรนัลโด” รีเทิร์นผี – “เมสซี” ลา บาร์ซา

แน่นอนที่สุดว่า การย้ายทีมที่เป็นที่ฮือฮาที่สุดในตลาดรอบนี้ก็คือ 2 ซูเปอร์สตาร์อย่าง คริสเตียโน โรนัลโด ที่ย้ายกลับมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด และ ลิโอเนล เมสซี ที่อำลา บาร์เซโลนา ไปอยู่กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เพราะปัญหาการเงิน

เมสซี แทบจะเป็นสัญลักษณ์ของ บาร์ซา เขาอยู่กับทีมมา 21 ปี ไม่มีใครเคยคิดว่าเขาจะย้ายไปไหน แม้แต่เจ้าตัวเองก็พร้อมจะต่อสัญญา ถึงจะต้องลดค่าเหนื่อยก็ตาม แต่เพราะหนี้สินมโหฬาร และกฎควบคุมการเงินของลา ลีกา ทำให้เขาต้องจำใจลา

จุดหมาย หลายคนรู้อยู่แล้วว่าหนีไม่พ้นทีมเงินถังทั้งหลาย และสุดท้าย เปแอสเช ก็ได้ชิ้นปลามันไปครอง พร้อมมูลค่าการตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นหลายเท่า และขุมกำลังที่ทำให้พวกเขามีลุ้นจริงจังในแชมเปี้ยนส์ ลีก และทุกรายการ

กรณีของ โรนัลโด ถือว่าเหลือเชื่อพอกัน ใครจะเชื่อว่าเขาจะกลับมาโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เพราะแทบไม่มีวี่แววจะย้ายจาก ยูเวนตุส แต่พอมีข่าวจะย้าย ทีมแรกที่จ่อได้คือ แมนฯ ซิตี ติดที่เรือใบสีฟ้าไม่ยอมจ่ายค่าตัว พอ แมนฯ ยูไนเต็ด ยอมจ่ายเบื้องต้นแค่ 12.9 ล้านปอนด์ ฉากต่อมาจึงเหมือนฝัน และพี่โด้ก็จะกลับมาสร้างตำนานอีกครั้ง หลังเคยซัดไป 118 ลูก จาก 292 เกม ระหว่างปีค.ศ. 2003-2009 ในวัย 36 ปี กลับมาครั้งนี้จะยิ่งใหญ่ขนาดไหน น่าสนใจอย่างยิ่ง!

               กรีซมันน์-ซาอูล” ดีลช็อกส่งท้าย

แม้วันสุดท้ายของตลาดจะเกิดการย้ายทีมไม่เยอะนัก แต่ถือว่า “เดือด” ใช้ได้ เพราะมีดีลสุดเซอร์ไพร้ส์มากมาย ในจำนวนนี้ รวมถึง อองตวน กรีซมันน์ ที่ย้ายกลับไป แอตเลติโก มาดริด และ ซาอูล ญีเกซ ที่ยืมตัวมา เชลซี

กรีซมันน์ ย้ายจากตราหมีไปบาร์ซา เมื่อซัมเมอร์ 2019 ด้วยค่าตัวถึง 120 ล้านยูโร แต่ 2 ปีที่ไม่ประสบความสำเร็จ (นัก) และค่าเหนื่อยก้อนโต ทำให้ บาร์ซา ยอมปล่อยเขากลับมาให้แอตเลติโก ด้วยสัญญายืมตัว โดยมีเงื่อนไขซื้อขาด 40 ล้านยูโร

ขณะที่ ซาอูล ก็เป็นดีลที่แทบไม่มีใครคาด เพราะตอนแรกมีข่าวกับทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด และ เชลซี แต่ทำไปทำมา เหมือนจะไม่เกิดขึ้น ก่อนที่ เชลซี จะวิ่งเต็มที่ในวันสุดท้าย จนยืมตัวมาจาก แอตเลติโก สำเร็จ โดยจ่ายค่ายืม 5 ล้านยูโร และเงื่อนไขซื้อขาด 40 ล้านยูโร

ว่ากันว่า มิดฟิลด์วัย 26 ปี คือจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่ โธมัส ทูเคิล ต้องการ และจะเพิ่มความแข็งแกร่ง และลงตัวให้แดนกลาง เชลซี มากยิ่งขึ้น จนได้ลุ้นแชมป์เต็มตัว

               กลีลิช-ซานโช-ลูกากู” นำทัพบิ๊กดีล

ซัมเมอร์นี้ ยังเกิดดีลระดับ “บิ๊กบึ้ม” อีกมากมาย เอาที่ระดับซูเปอร์สตาร์ก็มีอย่างน้อย 4 คน ไล่ตั้งแต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ทุ่ม 73 ล้านปอนด์ กระชาก เจดอน ซานโช จาก ดอร์ตมุนด์ และ 34 ล้านปอนด์ คว้า ราฟาแอล วารา มาจาก รีล มาดริด

ส่วน เชลซี นอกจาก ซาอูล ยังได้ โรเมลู ลูกากู กลับมาล่าตาข่าย หลังจ่ายให้ อินเตอร์ มิลาน 97.5 ล้านปอนด์ ขณะที่ แมนฯ ซิตี ทุ่ม 100 ล้านปอนด์ กระชาก แจ๊ค กลีลิช มาจาก แอสตัน วิลลา และ ลิเวอร์พูล อาจจะซื้อคนเดียวคือ อิบราฮิมา โกนาเต จากไลป์ซิก 36 ล้านปอนด์ แต่ก็จับตัวหลักต่อสัญญาได้หลายคนก็ถือว่าประสบความสำเร็จ

แต่แชมป์ช้อปปิ้งซัมเมอร์นี้ ต้องยกให้ อาร์เซนอล ที่ใช้เงินรวมกันเกิน 150 ล้านปอนด์ แลกกับผู้เล่นมากมาย หลักๆคือ เบน ไวท์ 50 ล้าน, มาร์ติน โอเดการ์ด 30 ล้าน, อารอน แรมส์เดล 24 ล้าน และ ทาเคฮิโร โทมิยาสึ 19 ล้าน

               เคน-เอ็มบัปเป” รวมพลคนผิดหวัง

ซัมเมอร์นี้ยังอาจเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า “เงินซื้อทุกอย่างไม่ได้” เพราะไม่เกิดดีลที่เกือบจะเกิด และน่าจะเกิดหลายดีล โดยเฉพาะ คีเลียน เอ็มบัปเป และ แฮร์รี เคน ซึ่งชัดเจนว่า ต้องการย้ายทีม ถึงขั้นรู้เป้าหมายด้วยซ้ำว่าจะย้ายไปไหน แต่เมื่อสังกัดเก่า ไม่ขายเสียอย่าง พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้

เอ็มบัปเป ต้องการหนี เปแอสเช ที่เพิ่งได้ เมสซี ไปเป็น “เบอร์ 1” กับ รีล มาดริด ซึ่งทาง มาดริด ก็รับลูก และยื่นข้อเสนอครั้งแล้วครั้งเล่าจาก 160 เป็น 170 จนถึง 200 ล้านยูโร ซึ่งก็ถือว่าเยอะมากสำหรับนักเตะที่เหลือสัญญาปีเดียว แต่เมื่อ ปารีส ยืนยันว่า ไม่ปล่อย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ทีมชุดขาวก็ผิดหวังไปตามระเบียบ ถึงแม้แทบจะแน่นอนว่า พวกเขาจะได้ตัวกองหน้าฝรั่งเศส มาเสริมทัพแบบไม่มีค่าตัวในซัมเมอร์หน้าก็ตาม

ส่วน เคน ก็จ่อแล้วจ่ออีก ที่จะไป แมนฯ ซิตี ซึ่งเทียวไล้เทียวขื่อ ยื่นข้อเสนอให้ สเปอร์ ตั้งแต่เพิ่งปิดฤดูกาลด้วยซ้ำ และมั่นใจมากว่าจะสำเร็จ เพราะนักเตะอยากย้าย และค่าตัวที่ให้ก็ไม่น้อยสำหรับนักเตะอายุ 28 ปี (เกิน 100 ล้านปอนด์) แต่ประธานไก่เดือยทอง แดเนียล เลวี ก็ปฏิเสธท่าเดียว พร้อมยืนยันว่า ถ้าหากได้ไม่ถึง 150 ล้านปอนด์ ก็ไม่มีทางขาย ซึ่งเมื่อ ซิตี ยื่นมาไม่ถึง เลวี ก็ไม่ขายจริงๆ เพราะใจจริงแล้ว ก็ยังอยากเก็บไว้ใช้งานต่อ

พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่า ต่อให้เก่งแค่ไหน ก็ไม่มีใครใหญ่ไปกว่าสโมสร?