พร้อมกับเปิดโปงขบวนการส่วยประเภทต่างๆ รายวันระหว่างรอรัฐบาลเป็นรูปเป็นร่าง วันนี้ “คอลัมน์ตรวจการบ้าน” ต้องมาติดตามมุมองของ “วิโรจน์” ว่าจะมีแนวทางทลายส่วยให้สิ้นซากจากประเทศไทยอย่างไร 

โดย “วิโรจน์”  เปิดประเด็นถึงการทำเรื่องนี้ ว่า เราไม่มีการเรียงลำดับ ทุกคนอาจจะคิดว่าเรามีโผหรือผังอยู่ในไฟล์หรืออยู่ในกล่องแล้วเราเลือกออกมาทีละชิ้นๆ ในความเป็นจริงไม่ใช่เลย ตอนนี้คือ มันน่ากลัวขนาดที่ว่าเราแตะไปที่ตรงไหนมันก็เจอ เหมือนกับว่าเราเดินบนกองขยะที่เอาพรมแดงมาปู เลิกไปตรงไหนก็เจอตรงนั้น หลายคนก็ตั้งคำถามว่า “วิโรจน์” ต้องใช้ทักษะในการแกะข้อมูลอะไรไหม ต้องการมีทีมงานพิเศษในการไปเจาะข้อมูลอะไรหรือไม่ ไปสืบไปเสาะอย่างไร ถึงได้ข้อมูลการทุจริตออกมา ปรากฏว่าไม่ต้องไปแกะรอยหรือไปเจาะอะไรเลย แค่แตะตั้งคำถามแล้วใช้สามัญสำนึกขั้นพื้นฐานของปุถุชนคนหนึ่งก็พบสิ่งผิดปกติโดยทันที

 หลายคนคอมเมนต์ด้วยซ้ำไปว่าคุณเปิดศึกจากการคอร์รัปชั่นรอบด้านอย่างนี้จะเป็นอุปสรรคต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรือเปล่า คำถามคือ คุณเจอคอร์รัปชั่นไม่ว่าทางไหน คุณปล่อยได้หรือ ถ้าอย่างนั้นคุณก็เป็นการเลือกปฏิบัติ คอร์รัปชั่นผมเจอทางไหนก็ต้องล่อทางนั้น เจอทุกทางก็ต้องล่อทุกทาง เราปล่อยวางไม่ได้ เพราะว่าทั้งหมดทั้งมวลเป็นความเสียหายต่อประเทศและประชาชน  ส่วนทำไมการคอร์รัปชันจึงยังมีอยู่เยอะ ผมเพิ่งค้นพบและได้คำตอบว่า ทั้งหมดทั้งมวลมาจากการซื้อขายตำแหน่ง มาจากระบบตั๋ว มาจากสปอนเซอร์ที่เป็นมาเฟียสีเทา มาเฟียจีน ที่มันเบ่งบานตลอด ปีที่ผ่านมา  

@นอกจากตำรวจยังมีวงการหรือหน่วยงานอื่นที่มีปัญหาส่วยหรือไม่  

เรียกว่าทุกอณู ทุกกระทรวง ทบวง กรม อย่าบอกว่าเริ่มจากกระทรวงไหนแตะไปก็เจอ 1.คือการขอใบอนุญาต 2.การต่อทะเบียน ทุกครั้งที่มีการจดทะเบียนมีระบบใต้โต๊ะทั้งนั้น ส่วนมีหน่วยงานใดบ้างที่น่าจับตาในเรื่องนี้เป็นพิเศษนั้น ผมคิดว่า เช่น กรมศุลกากร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กรมสรรพสามิต ซึ่งล่าสุดเพิ่งมีการตรวจรถบรรทุกขนน้ำมันเถื่อน 1.5 หมื่นลิตร หรือแม้กระทั่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ก็มีเบาะแสเกี่ยวกับเรื่องของการทุจริตเงินทอนวัด ที่กลับมาอีกครั้ง คือมันบาปหนามาก คือคุณทำให้พระผู้ใหญ่ที่มีจริยวัตรปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาตลอดต้องมลทินจากการกระทำอันบาปช้าของคุณด้วย สุดท้ายผมอนุโมทนาที่พระคุณเจ้าต่างๆ ได้รับความเป็นธรรม แต่มันเรียกคืนความเป็นธรรมกลับมาตั้งแต่ต้นทางไม่ได้ แม้มีข้าราชการถูกดำเนินคดีไปแล้ว แต่ก็ยังไม่เข็ด สำนักงานพระพุทธฯ มีคนระดับผอ. ต้องคดีหลายคน จนต้องเอามือทาบอก บอกว่ามันควรจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นในสำนักงานพระพุทธฯ หรือไม่  

ล่าสุดมีเบาะแสมาอีกเป็นเรื่องใหญ่มาก คือ อาจจะมีข้าราชการของกรมบัญชีกลางบางกลุ่มบางคน ขายข้อมูลการประมูลจัดซื้อจัดจ้าง คือ เอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับเหมาบางรายในการประมูลจัดซื้อจัดจ้างให้ได้งาน เมื่อฮั้วประมูลไม่ได้แต่อยากจะรู้ข้อมูลของผู้แข่งขันก็ต้องซื้อข้อมูล เรามีเบาะแสทั้งในเรื่องการวิ่งเต้นต่างๆ แต่เราก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการที่ดี  

อย่างไรก็ตามคนในนั่นเองที่เก็บหลักฐานไว้เยอะที่สุด  ที่ให้เราสาวได้ถึงต้นตอ จึงต้องมีกฎหมายที่ออกมาคุ้มครองปกป้องผู้เปิดโปง หรือผู้ให้เบาะแสการทุจริต กฎหมายนี้จะคุมไม่ให้การทุจริตคอร์รัปชั่นเบ่งบานจนกลายเป็นมาเฟีย เพราะเป็นมาเฟียเมื่อไรมันก็แก้ปัญหายากแล้ว เพราะพวกนี้ไม่กลัวตำรวจ ป... หรือรัฐมนตรี มันมีเครือข่ายจีนที่ทำผิดกฎหมาย ที่มีเงินเป็นหมื่นล้านบาทเข้านอกออกในจ่ายเงินคนนั้นคนนี้ ไม่กลัวแม้กระทั่งรัฐมนตรีหรือนายกฯ ถ้ามีแบบนี้ขึ้นมาก็เป็นเรื่องลำบากแล้ว รวมทั้งเอาเรื่องกฎหมายและเทคโนโลยีมาใช้ในการแก้ปัญหาต่อไป  

@การออกมาท้าชนส่วยหรือคอร์รัปชั่นจะทำให้เกิดแรงต้านจากข้าราชการ หรือคนมีสี ที่อาจจะคิดว่าพรรคก้าวไกลกำลังมาแก้แค้น  

คุณกลัวคนชั่วต้านหรือไม่ ผมว่ารัฐบาลก็ต้องมีภูมิคุ้มกัน  เราไม่เคยกลัวคนชั่วต้านเลย  เป็นเรื่องดี ถ้ากล้าต้านๆ เลย ก็จะได้ไม่ต้องเสียเวลาสแกนหา ส่วนถ้าเป็นการล้างแค้นก็ต้องมีการจับผิด แต่นี่คือเราดูจากกระบวนการปกติ สังเกตจากเรื่องส่วยผมไม่ได้สาวคนนั้นคนนี้ เพราะเราไม่ได้ต้องการแก้แค้นแต่เราต้องการทำให้ทุกอย่างอยู่ในระบบปกติเสียที ถามว่าสิ่งที่พรรคก้าวไกลหรือผมกำลังพยายามทำอยู่นี้  โอเค ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของการปราบ แต่อีกส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของการปราม กำลังบอกกับข้าราชการที่ดีเสียด้วยซ้ำไปว่าต่อไปนี้โอกาสในการเจริญก้าวหน้าของคนที่ตั้งใจทำงาน

เราไม่ได้แก้แค้น แต่เรากำลังส่งสัญญาณปรามว่าใครที่หลงผิด ให้เลิกซะ ผมเชื่อว่าเราต้องแยกปลาออกจากน้ำ คนที่หลงผิดเพราะจำใจ เพราะอยู่กับนายเฮงซวย ไม่ทำก็จะกลายเป็นแกะดำ ภัยจะมาถึงตัว เขาจะได้หาทางเลิกหาทางเพลาและเตรียมให้ข้อมูลกับเราเพราะเดี๋ยวเกิดมีพ... การปกป้องผู้เปิดโปงการทุจริต พวกคุณจะกลายเป็นกำลังสำคัญในการจัดการกับปัญหาทุจริตในประเทศไทย  ทุกวันนี้ 60 % ของข้อมูลที่ผมได้รับมา มาจากข้าราชการ ผมเลยมั่นใจ 40 % มาจากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน แต่ข้อมูลเชิงลึกมาจาก ข้าราชการทั้งนั้น”  

ทั้งนี้จุดอ่อนของเผด็จการคือความไม่ไว้วางใจใคร เผด็จการกลัวการเช็คบิล เพราะมันนั่งทับขี้เยอะมาก 9 ปี และปกปิดกลิ่นเหม็นไว้ไม่ได้ แสดงว่าที่ผ่านมามันเป็นเครือข่ายอุปถัมภ์ใหญ่โตจนกลไกในการตรวจสอบหรือปราบปรามคอร์รัปชั่นทำไม่ได้ ทำไปก็แตะเจอคนมีเส้น คนมีสีหมด คำถาม คือ เราจะปล่อยให้เรื่องแบบนี้อยู่ต่อไปหรือ  ในยุคสมัยของเครือข่ายทุนจีนผิดกฎหมาย กับเบ่งบานกลายเป็นสปอนเซอร์หลักที่พร้อมจ่าย ติดสินบน ข้าราชการทุกระดับ เรื่องนี้คุณอย่าไปโทษสถานทูตจีนและต้องให้ความเป็นธรรมกับสถานทูตจีนด้วย เพราะเขาก็ตามล่าคนพวกนี้อยู่เหมือนกัน แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะได้สัญชาติไทยแล้ว.