รัฐบาลมีความพยายามที่จะเปิดประเทศ เพื่อกระตุ้นภาวะซบเซาทางเศรษฐกิจในช่วง 3 เดือนหลังของปี 64 โดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กำลังตีปี๊บ! เรื่องการส่งออกที่ได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทอ่อนตัวไปอยู่ประมาณ 32.70 บาท/ดอลลาร์

ทางด้าน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ยืนยันว่าวันที่ 1 ต.ค.นี้ จะเปิดให้มีการท่องเที่ยวใน 5 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ ชลบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และเชียงใหม่ ส่วนอีก 21 จังหวัดจะเดินตามแผนให้เปิดท่องเที่ยวได้ในวันที่ 15 ต.ค.64

วันก่อน “พยัคฆ์น้อย” คุยกับผู้บริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ บอกว่าตอนนี้ธุรกิจบ้านจัดสรร คอนโดฯ เหนื่อยมาก อาจจะมีหวือหวาอยู่บ้างไม่กี่บริษัท แต่ภาพรวมส่วนใหญ่ชะลอการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการกันไว้ก่อน เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศไม่ดีเลย โดยเฉพาะสินค้าคอนโดฯ เหลือกันเพียบ!

ถ้าธุรกิจอสังหาฯ ซึมยาวไปเรื่อย ๆ จะส่งผลกระทบลามไปหลายภาคส่วนธุรกิจ เช่น สถาบันการเงิน รับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง ตกแต่งบ้าน-สวน และแรงงาน

ตอนนี้ผู้บริหารบริษัทอสังหาฯ นั่งนินทาโครงการ“อีอีซี” ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ขนาดมีการออกกฎหมายเอื้อให้ต่างชาติสามารถเช่าที่ดินได้ยาวนานถึง 99 ปี และถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดได้ 100% ของเนื้อที่ในอาคารชุด แต่ยังไม่มีใครมา แล้วโครงการอสังหาฯ ที่อยู่นอก “อีอีซี” จะไปรอดหรือ?

ปัจจัยหลักของเศรษฐกิจประเทศ ณ เวลานี้ คือรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องมีเมกะโปรเจคท์เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศตั้งแต่ระดับรากหญ้าขึ้นมา พูดง่าย ๆ ว่าต้องสร้าง “วงจรเศรษฐกิจ” ให้กับชาวบ้าน ภายใต้กรอบวินัยทางการเงินการคลัง

มองย้อนไปดูรัฐบาลในอดีต ทั้งรัฐบาลประชาธิปัตย์ซึ่งมีโครงการไทยเข้มแข็ง มูลค่า 4 แสนล้านบาท เป็นเมกะโปรเจคท์ ขณะที่รัฐบาลเพื่อไทยมีโครงการรับจำนำข้าว ในกรอบวงเงิน 5 แสนล้านบาท

โครงการลักษณะดังกล่าวช่วยกระตุ้นกำลังซื้ออย่างได้น้ำได้เนื้อมากกว่าการแจกเงินแบบเบี้ยหัวแตก 1,500-3,000 บาท ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แจกเงินไปกี่ครั้งก็ละลายหายไป ไม่ได้ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ ไม่ได้ปลุกให้ “จีดีพี” ผงกหัวขึ้น

แต่ขณะเดียวกันทำให้ “หนี้สาธารณะ” ของประเทศสูงชนเพดาน ส่วนหนี้ครัวเรือนทะลุไปกว่า 90% ของจีดีพี นั่นเป็นเพราะรัฐบาลถนัด “กู้เงิน” มาสร้างวงจรหนี้ โดยในวงรอบปีกว่า ๆ รัฐบาลขอกู้ฉุกเฉิน 2 ครั้ง รวม 1.5 ล้านล้านบาท

แต่ชีวิตคนไทยยังไร้อนาคต เนื่องจากต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แบบไขว้กันอยู่ ด้วยวัคซีนที่ได้รับบริจาคจากต่างประเทศ ส่วนคนต่างจังหวัดก็ไม่มีโอกาสที่จะเลือกวัคซีนมากนัก 

คาดว่าเงินกู้ 1.5 ล้านล้านบาท คงใกล้หมด! จึงมีนักการเงินการคลังในซีกของรัฐบาลแนะนำให้กู้อีก 1 ล้านล้านบาท มาปลุกเศรษฐกิจและกระตุ้นการจ้างงาน แต่สุดท้ายเชื่อว่าคงกู้เงินมาแจกให้ไปท่องเที่ยวผ่านโครงการต่าง ๆ มากกว่า

ปัจจุบันลำพังแค่ปัจจัย 4 (ที่อยู่อาศัย-อาหาร-เสื้อผ้า-ยารักษาโรค) ซึ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของคนส่วนใหญ่ยังเหนื่อยเลย! แล้วใครอยากจะไปเที่ยวในช่วงที่ชีวิตกำลังยากจน! ถ้าไปเที่ยวก็ต้องควักเงินในกระเป๋าของตัวเองเพิ่มอยู่ดี          

ดังนั้นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์อย่าเพลิดเพลินกับการกู้เงินมาแจกให้ไปเที่ยว แต่ควรใช้เงินกู้เพื่อสร้างโอกาสให้ชาวบ้านสามารถยืนอยู่ได้ด้วยลำแข้งตัวเอง ถ้าประชาชนมีโอกาสลืมตาอ้าปากและมองเห็นอนาคต เดี๋ยวเขาไปเที่ยวกันเอง

——————–
พยัคฆ์น้อย