เค้าว่าคิดนอกกรอบ คิดนอกลู่ อาจจะได้ผลงานใหม่ๆ ที่ดีเกินคาดหวัง แต่บางทีมันก็ก้ำกึ่งระหวาง ตั้งใจ “คิดนอกกรอบ” หรือคิดสับสน พัลวน คิดไม่ตก จนออกไปนอกลู่นอกทาง

ฟุตบอลไทย ก็มีอะไรแปลกๆ ไปอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์ที่ยุโรป ประกาศชัดๆ ตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ไม่มีใครทักท้วง ไม่มีใครแย้ง

สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ, บริษัท ไทยลีก จำกัด รู้กันอยู่ว่าเดินทางไกล ก็วางคิวเตะไทยลีกแบบแข็งๆ กันไป เว้นตามฟีฟ่าเดย์

พอใกล้ถึงวันแข่ง ผู้(ยิ่ง)ใหญ่วงการลูกหนังไทยตัวจริง เสียงจริง พูดทีเดียวว่า จะไม่ปล่อยนักเตะไป เพราะมีเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก จ่อหน้าจ่อหลัง แถมเตะไกล แล้วไปเตะกับทีมยุโรปทำไม เดี๋ยวคัดบอลโลก ก็ต้องมาเตะกับทีมเอเชีย

เออ ถ้าคิดแบบนี้ ก็ไม่ต้องนัดทีมนอกทวีปมาอุ่นเครื่องกันหรอก เพราะทีมชาติไทย คงไม่มีปัญญาไปเตะกับทีมนอกทวีป ในรายการทัวร์นาเมนท์สำคัญ

ข่าวลือ เป็นข่าวจริง ถึงเวลาประกาศตัว นักเตะหลักหายไปเพียบ จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ไม่มีเลย

“ฟีฟ่าเดย์” ไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์ใดๆ “ไทยสไตล์” ไม่ต้องเคารพกฎ ส่วน สมาคมบอลไทย ก็เหมือนแท่นหินแท่นหนึ่ง ไม่มีอำนาจใดๆ มาบังคับ…ครับๆ ได้เท่านี้ก็เท่านี้

แทนที่จะได้เตรียมทีมก่อนคัดบอลโลก เดือน พ.ย. น่าเสียดายโอกาส ที่ได้ดวลแข้งกับของแข็ง ของจริง พอชุด B ไปเตะ ความห่างชั้นมากเกินไป จนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย เพราะโดนขย่มข้างเดียว สิ่งที่ได้นอกจากเหงื่อซึมๆ คือการแจ้งเกิดของ กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล ที่เซฟจนมือแทบหัก 14 เซฟ จากเกมแพ้ จอร์เจีย 0-8

สมาคมบอลนิ่งๆ ไม่ว่าอะไร ส่วน “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ในฐานะผู้จัดการทีม ออกมาขอโทษ ยอมรับมีปัจจัยเยอะให้ตัวหลักไม่มา ตัวเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน

จินตนาการถึง สมาคมบอลไทย สมัยหน้า ถ้า มาดามแป้ง เป็นนายก ภาพความเกรงอก เกรงใจ กองหนุนเหมือนยุคนี้จะมีอีกไหม

แปลกดี ส่วนหัวแหวนของฟุตบอล น่าจะเป็นทีมชาติ แต่เราคิดนอกลู่ นอกทาง เอาสโมสรเป็นใหญ่ ทีมชาติไม่สำคัญเท่า จะโดนยิงยับเยิน ถูกตราหน้าว่าชุดที่เละเทะ ก็ไม่เป็นไรนี่

ก็ต้องชื่นชมทีมงาน นักเตะ ที่รวมพลัง ทำผลงานได้ดี กู้หน้าได้ในนัด 2 ที่เสมอ เอสโตเนีย

ย้อนไปไม่นานมานี้ เรื่องแปลกๆ ที่เปิดเผยกันในวัน 2 บิ๊กผลักดัน มาดามแป้ง ชิงนายกบอลไทย(ที่ เนวิน ชิดชอบ บอกว่าสโมสรต้องหนุนหลังทีมชาตินั่นแหละ)

นายเนวิน ประธานบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ส่ง มาซาทาดะ อิชิอิ ให้ “มาดามแป้ง” มานั่งประธานเทคนิคทีมชาติไทย ตำแหน่งที่ไม่ค่อยมีใครได้บิน เพราะเคยมีแต่ ประธานเทคนิคสมาคมฯ

หน้าฉากบอกหวังจะเอามาให้ร่วมวานกับ มาโน โพลกิง “คนเดียวหัวหาย 2 คนเพื่อนตาย” แต่ด้วยต่างคนต่างใหญ่ ไม่มีใครลงให้ใคร เข้ากันไม่ได้เลยสักนิด ทั้งความสัมพันธ์ฉันเพื่อน หรือในแง่การทำงาน อิชิอิ ส่งข้อมูลมา มาโน ก็ไม่ใช้

การคิดนอกลู่ ใช้ 2 โค้ชร่วมกัน ก็ตันอย่างรวดเร็วแค่คิงส์คัพ เพราะ กระแส มาโน มาแรงกว่า ผลงานคิงส์คัพโอเค นักบอลก็หนุนหลัง สุดท้าย อิชิอิ ก็ต้องไป

ต่อมา กุนซือซามูไร มาพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ก็ตกลงกันแล้วว่า จบคิงส์คัพ จะปลด มาโน แล้วเอา อิชิอิ แทน แต่ถึงเวลากลับเปลี่ยนใจ

ไม่ได้ให้มาช่วยกันจริงๆ แต่ตอนนั้นตั้งใจจะเอามาแทน มาโน

เป็นไอเดีย เอาโค้ชใหม่มาจ่อคอหอยโค้ชเก่า สุดท้ายจะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ก็ล้มแผนกันไป

หรือเอาอีกสักเรื่อง เมื่อปลายปีก่อน สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ มอบให้สโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รับสัมปทาน ทำทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 18 ปี

แนวทางฟังดูดี เพราะบุรีรัมย์ มีแหล่งเพาะพันธุ์นักบอลชั้นดี น่าจะช่วยพัฒนาระดับเยาวชนได้

แต่มาคิดๆดู ก็ย้อนไปถามว่า อ้าว แล้ว สมาคมบอลไทย ที่ควรมีศักยภาพ กลับไม่มีความสามารถสร้างเด็กได้เหรือ

แล้วตามแผนการ นักบอลเยาวชนทีมชาติต้องไปเก็บตัวระยะยาวที่บุรีรัมย์ นั่นก็หมายความว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็จะได้นักบอลยังเติร์กทั่วฟ้าเมืองไทย มารวมไว้ที่ทีมเดียวหรือเปล่า

จาก 2 ข้อแรก ที่พังไม่เป็นท่าไปแล้ว มาข้อหลังต้องดูระยะยาวว่าจะประสบผลอย่างไร กับการคิดนอกกรอบ นอกลู่ ของฟุตบอลไทย

ที่มีอะไรให้ฉงน และอาจส่งผลถึงขั้นหงุดหงิดใจได้เสมอ.

*** วุฒินล ***