วันนี้ “คอลัมน์ตรวจการบ้าน” จึงต้องมาสนทนากับ “รังสิมันต์ โรม” สส.บัญชีรายชื่อ ผู้มีดีเอ็นเอก้าวไกลเต็มเปี่ยม ถึงสิ่งที่พรรคก้าวไกลจะหาทางฝ่าวิกฤตครั้งนี้อย่างไร   

โดย “โรม” เปิดประเด็น ถึงสถานการณ์พรรคก้าวไกลตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงขาลงหรือไม่ ว่า ผมว่าพรรคการเมืองทุกพรรค ก็จะมีช่วงเวลาที่มีวิกฤต ซึ่งมีทั้งรอยยิ้มและคราบน้ำตา มีทั้งสถานการณ์ที่ท้าทาย ในความเป็นพรรคการเมืองเราก็กำลังเจอกับปัญหาที่หลายคนอาจจะเป็นกังวล ในเรื่องประเด็นข่าวที่ออกมาว่า มีคนของก้าวไกลที่อาจจะไปคุกคามทางเพศต่าง ๆ การที่เราเจอปัญหาแบบนี้ด้านหนึ่ง ก็เป็นบทพิสูจน์ว่า เราให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมกันทางเพศ และเราก็จะใช้จุดนี้พิสูจน์ให้สังคมเห็น ว่า การที่พรรคให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ไม่ได้เป็นแค่เพียงการให้ความสำคัญเฉพาะในเรื่องของบทบัญญัติที่อยู่ในข้อบังคับ หรือการพูดแต่ปากเท่านั้น แต่เราต้องทำให้เห็นได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคม

ในความเป็นพรรคการเมืองที่มีขนาดใหญ่ขึ้น พรรคมีสมาชิกพรรคจำนวน 6-7 หมื่นคน ก็ต้องยอมรับว่าในการทำให้ทิศทางหรือการสร้างความเข้าใจกันทั้งหมดเป็นสิ่งที่ท้าทาย จึงต้องใช้โอกาสนี้ในการสร้างความเข้าใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องทำนองนี้ในอนาคตและเป็นสิ่งที่เราต้องทำให้ได้

“ส่วนตัวผมๆ มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด จะเป็นขาลงหรือไม่ มันอยู่ที่ตัวเรา มันอยู่ที่ว่าสุดท้ายเราจะนำไปสู่บทสรุปอย่างไร คงยังพูดไม่ได้ว่าตอนนี้ขาลงหรือไม่ขาลง มันอยู่ที่ว่าบรรทัดสุดท้ายของคำตอบว่าเราเขียนอย่างไร”

@ กรณีที่เกิดขึ้นจะส่งผลระยะยาวต่อความนิยมของพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่

ผมคิดว่าคงมีบางส่วนที่อาจจะเรียกว่าคู่แข่งทางการเมือง หรือแม้กระทั่งคนทั่วๆ ไปก็อาจจะมี ที่จะเอาเรื่องนี้มาใช้ในการเป็นมาตรวัดทางการเมืองต่อเรา ส่วนตัวผมเชื่อมั่นว่าเรามีทั้ง สส.และสมาชิกพรรค ที่ให้ความสำคัญในเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ ดังนั้นจึงค่อนข้างเชื่อมั่นว่าสุดท้ายเราจะสามารถฝ่าวิกฤตนี้ได้  เราจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ เพราะจุดยืนของพรรคก้าวไกลที่เป็นมาตลอดคือเราไม่ยืนในการปกป้องผู้กระทำความผิด ถ้าสุดท้ายเขากระทำความผิดจริง มีการคุกคามทางเพศจริง เราก็พร้อมยืนอยู่เคียงข้างผู้ที่ได้รับความเสียหาย ผู้ที่อาจจะเป็นเหยื่อของการคุกคามทางเพศนั้น ไม่ว่ามันจะส่งผลในเชิงทางการเมืองอย่างไรก็แล้วแต่ 

ในเมื่อเรายืนอยู่บนคุณค่าแบบนี้ ผมก็มั่นใจว่าสุดท้ายเราจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนได้ เพราะเรามีเจตจำนงในการแก้ปัญหานี้ และหวังว่ามันจะเป็นตัวอย่างที่ดีของการสร้างสังคมที่เท่าเทียมกันทางเพศให้เกิดขึ้นให้ได้  อย่างไรก็ตามเราก็มีความท้าทายในแง่ของขนาดองค์กรที่ใหญ่ขึ้น และต้องให้น้ำหนักในการสร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นต่อเรื่องนี้ให้ได้ ถ้าเราทำสำเร็จผมคิดว่าในระยะยาวเราจะผ่านวิฤตในเรื่องนี้ได้

@มองหรือไม่ว่ามีขบวนการคอยจับผิดโจมตีทางการเมือง หรือดิสเครดิตพรรคก้าวไกลโดยใช้โซเชียลย้อนศร 

ผมคิดว่าเรื่องนั้นมีหรือไม่มีมันก็ส่วนหนึ่ง แต่ส่วนที่เราควรให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือตัวเราเอง ผมคิดว่าเราคงต้องแยกก่อน แน่นอนไม่ว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่การวิพากษ์วิจารณ์โดยคู่แข่ง โดยคนที่ไม่ชอบเรามันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ผมให้ความสำคัญกับการที่เรากลับมามองตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่เราทำได้ อะไรคือสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ แต่ถ้าเราสามารถบรรลุเป้าหมายสร้างความเชื่อมั่นได้ ว่าพรรคก้าวไกลเอาจริง เอาจังกับเรื่องนี้ เราไม่ได้ดีแต่พูดนะ แต่เราทำจริงๆ ผมก็เชื่อว่าใครก็ตามที่จะวิพากษ์วิจารณ์เราก็จะเหลือความชอบธรรมในการวิพากษ์วิจารณ์ได้น้อยลง ผมให้ความสำคัญกับการจัดการตรงนี้มากที่สุด

@เวลานี้ดูเหมือนแฟนคลับพรรคหรือด้อมส้มจะสร้างปัญหาให้พรรคหรือไม่ เพราะคอยตอบโต้คนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์พรรค แม้กระทั่ง อ.ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ที่ปั้นพรรคมาก็ยังโดนถล่ม

ต้องยอมรับว่าเจ้าของพรรคก้าวไกลกับคนตั้งพรรคก้าวไกลอาจเป็นคนละส่วน เพราะเจ้าของพรรคก้าวไกลก็คือประชาชน เมื่อมีคำวิพากษ์วิจารณ์ต่อเราในรูปแบบไหนก็แล้วแต่ สิ่งที่ก้าวไกลเรามองได้ เราก็น้อมรับ แล้วก็มาพิจารณาว่าการวิพากษ์วิจารณ์นั้น เราเห็นด้วยหรือไม่ แล้วเราจะปรับปรุงแก้ไขอย่างไร เช่นเดียวกับที่ อ.ปิยบุตร วิพากษ์วิจารณ์เรา ๆ ก็ต้องน้อมรับ แล้วมาคิดพิจารณา คือเราพยายามสร้างพรรคที่เป็นประชาธิปไตย แล้วการสร้างพรรคที่เป็นประชาธิปไตยมันต้องอดทนกับคำบ่น คำวิจารณ์ให้ได้ สิ่งที่เราพยายามทำคือทำให้พรรคการเมืองนี้เป็นสถาบันทางการเมือง เป็นพรรคการเมืองที่เป็นของทุกคน สุดท้ายไม่ว่าเราเจอความท้าทายแบบไหนเราก็จะฝ่ามันไปได้ วันนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องการคุกคามทางเพศที่เราจะต้องเจอ เรายังต้องเจอกับอีกหลายด่านของความท้าทายสำหรับพรรคก้าวไกล ซึ่งหนทางมันพิสูจน์ม้ากาลเวลาพิสูจน์คน

@จะกู้วิกฤตศรัทธาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้อย่างไร เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นสีส้มทั้งแผ่นดิน

ต่อให้เราตัดสินใจไล่ออกทุกคน ถามว่ามีคำวิพากษ์วิจารณ์ไหม ก็มี ไม่ว่าตัดสินใจในรูปแบบไหนก็ยังต้องมีคำวิพากษ์วิจารณ์ แต่เมื่อเราตัดสินใจแล้ว เราก็ต้องหนักแน่นและพร้อมที่จะอธิบาย ซึ่งผมก็เชื่อมั่นว่าการตัดสินใจของเราจะเป็นการตัดสินใจจากสิ่งทีเราเชื่อว่าดีที่สุด ไม่ใช่ต่อตัวพรรคเอง แต่ต่อสถานการณ์ที่มันเกิดขึ้น ต่อความร้ายแรงที่มันเกิดขึ้น ดังนั้นเราก็คงต้องหาจุดที่มันพอดีที่สุด ให้มันได้สัดส่วนกับความร้ายแรงของการกระทำ และอัตราโทษที่เราจะมีต่อคนที่กระทำความผิด ผมยังคิดในแง่ดีว่าถ้าเราผ่านจุดนี้ไปได้ เราก็จะเป็นพรรคการเมืองที่พิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่าเราสามารถจัดการเรื่องนี้ ได้ ในทางตรงกันข้ามผมก็เชื่อว่าในหลายๆ องค์กรมันก็มีโอกาสที่จะมีเรื่องนี้ การที่เราสามารถผ่านตรงนี้ได้ เผลอๆ เป็นแนวทางให้กับพรรคอื่น ให้กับองค์กรอื่นที่เขาจะเดินตามเรา แล้วก็จะทำให้ความเท่าเทียมกันทางเพศเกิดขึ้นได้สำเร็จ

เรื่องนี้อย่าถึงกับใช้คำว่ากอบกู้ เพราะเวลาพูดถึงคำนี้หมายถึงสิ่งที่พังย่อยยับไปแล้ว เราเจอกับมรสุมเรายอมรับ แต่การที่เราจะเป็นเรือที่แข็งแกร่งมันไม่ใช่การหนีพายุ ในบางครั้งมันหนีไม่ได้หรอก มันก็ต้องแล่นเรือลำน้อยไปให้ได้ แต่ถ้าเกิดว่าเราไม่ได้มีเจตจำนงที่จะแก้วิกฤตสุดท้ายผมคิดว่ามันก็ไปไม่รอด แต่วันนี้ผมพูดจากคนในผมรู้สึกว่า เราต้องการที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้จริงๆ เพียงแต่ว่าเราคงไม่สามารถตอบสนองกับประชาชนว่าร้องวันนี้พรุ่งนี้สอบเสร็จ มันเป็นไปไม่ได้ มันก็ต้องฟังพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายและดำเนินการอย่างรอบคอบ และคงไม่ใช้เวลานานเกินไปในการดำเนินการ.