ติมอร์-เลสเต สร้างความสัมพันธ์อันดีกับทุกประเทศมาโดยตลอด พร้อมกับรักษาหลักการของเอกราชและอธิปไตย ทว่าในสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นนี้ มันจึงเป็นเรื่องอยากสำหรับติมอร์-เลสเต ที่จะฝ่าฟันการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจสำคัญของโลก โดยไม่ทำให้การกระทำของตัวเองเสี่ยงต่อการถูกตีความหมายแบบผิด ๆ

ประมาณ 15 ปีที่ผ่านมา ติมอร์-เลสเต พึ่งพาเงินจากแหล่งน้ำมันของประเทศเป็นหลัก ในการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลใช้เพื่อเป็นเงินสนับสนุนกิจกรรม และสร้างสถานการณ์ที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือ กิจกรรมทางเศรษฐกิจในติมอร์-เลสเต ถูกขับเคลื่อนโดย “รายจ่ายภาครัฐ”

เมื่อช่วงต้นปีนี้ ประธานาธิบดีโฮเซ รามอส-ฮอร์ตา ผู้นำติมอร์-เลสเต ตั้งคำถามเกี่ยวกับความล้มเหลวของประเทศ ในการสร้างนโยบายเพื่อพัฒนาและรักษาชาติไว้ด้วยกัน ด้วยวิสัยทัศน์ร่วมที่ครอบคลุมและยั่งยืน ตลอดจนการขาดนโยบายโดยละเอียด ในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ตามที่ระบุไว้ในแผนการพัฒนาเชิงยุทธ์ศาสตร์ (เอสดีพี) ปี 2554-2573

เนื่องจากปัญหาการพัฒนาเศรษฐกิจ และความท้าทายอื่น ๆ ติมอร์-เลสเต จึงตัดสินใจหาพันธมิตรเพิ่มเติม แม้การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมกับจีน ทำให้เกิดความกังวลว่า ติมอร์-เลสเต อาจเดินตามรอยหมู่เกาะโซโลมอน ซึ่งลงนามในข้อตกลงด้านความมั่นคงกับจีน เมื่อปี 2565

กระนั้น จุดยืนทางการเมืองของติมอร์-เลสเต มีความชัดเจนอยู่แล้วว่า “จะไม่โน้มเอียงไปทางใคร” โดยพิจารณาจากระบอบการปกครองที่เป็นประชาธิปไตย และการเคารพสิทธิมนุษยชน ด้วยเหตุนี้ การยกระดับความสัมพันธ์ของติมอร์-เลสเต จึงไม่ควรถูกมองว่าเป็น “การเข้าข้างจีน” แต่มันคือหนึ่งในวิธีแก้ปัญหาเชิงปฏิบัติ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการพัฒนาเศรษฐกิจตามที่กำหนด

จริงอยู่ที่ว่า การเห็นชอบเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างติมอร์-เลสเต กับจีน อาจทำให้บางฝ่ายรู้สึกขุ่นเคืองโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่มันไม่ได้หมายความว่า ติมอร์-เลสเต จะสนับสนุนจีนมากกว่าประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ชิด อีกทั้งในทางตรงกันข้าม สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความคับข้องใจของติมอร์-เลสเต ที่ไม่สามารถพัฒนาทรัพยากรของตนเองได้ เนื่องจากขาดความสามารถทางเทคนิคและเงินทุน ตลอดจนการดำเนินการที่เด็ดขาดในเรื่องนี้ จากประเทศพันธมิตรที่รู้จักกันมานาน

ดังนั้น หากจะบอกว่าติมอร์-เลสเต กำลังเข้าข้างจีน หรือพยายามสร้างความไม่พอใจให้กับออสเตรเลีย มันจึงเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะดูเหมือนว่าติมอร์-เลสเต ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ในการหาทางออกจากปัญหาด้านการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AFP