และแล้วดีลที่แฟน ๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รอค่อยมานาน ก็สิ้นสุดลง หลังกลุ่ม “อิเนออส” บริษัทปิโตรเคมีระดับโลก ของเซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ มหาเศรษฐีชาวอังกฤษ เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นจำนวน 25% อย่างเป็นทางการ

นี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ตระกูลเกลเซอร์ เข้าซื้อกิจการทีมฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2005 ที่มีคนนอกตระกูลได้ถือหุ้นของ “ปีศาจแดง”

แม้ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่จะยังเป็นตระกูลเกลเซอร์ แต่ผู้ถือหุ้นรายใหม่อย่างเซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ จะเข้ามาดูในส่วนของ “ทีมฟุตบอล” โดยตรง ซึ่งกลุ่มของมหาเศรษฐีชาวอังกฤษจะสามารถดำเนินการได้เต็มที่ในการหาทุกวิธีทางในการทำให้ “แมนฯยูไนเต็ด” กลับมาเป็นยักษ์ใหญ่ของโลกฟุตบอลได้อีกครั้ง

แล้วกลุ่มทุน “อิเนออส” ต้องทำอะไรบ้าง ?

ตลาดเดือนมกราคม

ตลอดเวลา 18 ปี ในมือตระกูลเกลเซอร์ “ยูไนเต็ด” ใช้เงินไปแล้วเกือบ ๆ 2,000 ล้านปอนด์ (8 หมื่นล้านบาท) หากนับด้วยเวลา 18 ปี เท่ากัน ถือเป็นอันดับที่ 3 ของฟุตบอลยุโรปที่มีการลงทุนในตลาดนักเตะเป็นรองเพียงแค่เชลซี ที่ใช้เงินไปถึง 2,700 ล้านปอนด์ (1 แสน 2 หมื่นล้านบาท) และเพื่อนร่วมเมืองอย่างแมนฯ ซิตี้ ที่มีการใช้เงินไปแล้วกว่า 2,300 ล้านปอนด์ (1 แสน 1 พันล้านบาท) ความจริงแล้ว “ยูไนเต็ด” สามารถแซงทั้ง 2 ทีม ขึ้นเป็นอันดับ 1 ได้ หากตระกูลเกลเซอร์ควักเงินส่วนตัวมาลงทุนในตลาดนักเตะ

เป็นที่รู้กันว่าในตลาดเดือนมกราคมการกระชากตัวนักเตะมาเซ็นต์สัญญาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก บวกกับในขณะนี้การเดินดีลต่าง ๆ ของ “ปีศาจแดง” อยู่ในช่วงรัดตัวจากกฎการเงิน (ไฟแนนเชียล แฟร์ เพลย์) และตามคาดการของสื่อต่างประเทศเทน ฮาก ขยับขยายทีมได้มากที่สุดเพียงการยืมตัว 2 ดีล เท่านั้น

หากย้อนกลับไปในเดือนมกราคมปีก่อนเทน ฮาก จัดการยืม แจ็ค บัตแลนด์ ผู้รักษาประตูประสบการณ์สูงชาวอังกฤษ, มาร์เซล ซาบิตเซอร์ มิดฟิลด์ทีมชาติออสเตรีย และเวาท์ เวกฮอร์สต์ กองหน้าทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ซึ่งผลงานของนักเตะตัวยืมเป็นอย่างไรแฟน ๆ “ปีศาจแดง” คงมีคำตอบในตัวเองกันอยู่แล้ว

และแม้จะมีคำยืนยันออกมาแล้วว่าเซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ จะเข้ามาถือครองหุ้น 25% ร่วมถึงจะสิทธิเด็ดขาดในการดูแลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่กว่ากระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้น แฟน ๆ “ปีศาจแดง” ต้องรอไปจนถึงเดือนแห่งความรัก ซึ่งนั้นก็หมายความว่าตลาดมกราคมที่จะถึง อำนาจการตัดสินใจจะยังคงเป็นของคณะทำงานชุดเก่า

อนาคตเทน ฮาก

แม้ตำแหน่งผู้ถือหุ้นยังอยู่ในขั้นดำเนินการ แต่ผลงานในสนามกำลังตั้งคำถามให้กับตำแหน่งผู้จัดการทีม

แม้จะมีรางวัลผู้จัดทีมยอดเยี่ยมประจำวลเดือนพฤจศิกายนให้ชุ่มช่ำหัวใจ แต่การลงสนามในเดือนธันวาคมกุนซือชาวดัตช์ นำทีมชนะเพียงแค่ 1 จาก 6 เกม และนับตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาล 2023-24 “ปีศาจแดง” ลงสนามไปแล้ว 26 เกม ร่วมทุกรายการ พวกเขาแพ้ไปถึง 13 เกม เส้นทางในแชมเปี้ยนส์ลีก จอดป้ายแค่รอบแบ่งกลุ่ม ร่วมถึงเส้นทางการป้องกันแชมป์คาราบาว คัพ ก็สิ้นสุดลงแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย และในพรีเมียร์ลีกหลังจากบุกไปโดนค้อนทุบส่งให้พลพรรคปีศาจแดงจมอยู่ที่อันดับ 8 ตามหลังจ่าฝูง 12 แต้ม และห่างจากพื้นที่ถ้วยยุโรป 6 แต้ม

อันนำมาสู่การทำลายสถิติการออกออกสตาร์ทย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1930 ซึ่งผลงานทั้งหมดนี้ตั้งต้นมาจากการใช้เงินไปเกือบ 400 ล้านปอนด์ (18,000 ล้านบาท) ตลอดช่วง 3 ตลาด

เจดอน ซานโช่

ปัญหาที่ใหญ่ และเร่งด่วนที่ต้องจัดการเห็นจะเป็นอนาคตของเจดอน ซานโช่ ซึ่งหากปีกจอมปรับตัวชาวอังกฤษออกมาขอโทษ จากกรณีมือไว ใจไว ไปตอบโต้กุนซือชาวดัตช์ผ่านโซเชียลมีเดีย หลังเกมกับ “ปืนใหญ่” ตั้งแต่กันยายน ทุกอย่างคงกลับเป็นปกติไปแล้ว

นั้นหมายสิ่งที่ “ยูไนเต็ด” จ่ายไปให้กับชานโช่ นั้นมหาศาลไม่ว่าเป็นเวลา เงินค่าเหนื่อยกว่า 350,000 ปอนด์ (15 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ และเงินค่าตัวที่จ่ายให้ดอร์ทมุนด์ ไปกว่า 73 ล้านปอนด์ (3,200 ล้านบาท) แต่ผลตอบแทนที่สามารถเรียกได้เต็มปากเลยว่าคาดทุนแหลกลาญ