รู้หมือไร่? เกือบ 10 เปอร์เซ็นต์ของลูกจุดโทษที่เกิดขึ้นในศึกพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020/21 ถูกเป่าให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

กระนั้น โอเล กุนนาร์ โซลชา ก็ยังไม่วายออกมาบ่นว่า ทีมของเขาไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรมจากตุลาการสนาม หลังจาก “ผีแดง” ชวดจุดโทษที่ตัวเขามองว่า สมควรจะได้ถึง 3 ครั้งตลอด 2 เกมที่ผ่านมา

            แต่เพื่อให้เรื่องราวมันดราม่าขึ้นกว่านั้น น้าลูกอม ยังทำให้โลกโซเชียลลุกเป็นไฟด้วยการกล่าวหา เจอร์เกน คลอปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ว่า เป็นตัวการที่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้จุดโทษน้อยลงเพราะดันไปบ่นว่า “ผีแดง” ได้ลูกจุดโทษมากเกินหน้าเกินตาทีมอื่น โดยเฉพาะหงส์แดง

            “เราหวังว่า เราจะได้ในสิ่งที่ควรได้ เราสมควรได้จุดโทษถึง 3 ครั้งจาก 2 เกมที่ผ่านมา มีผู้จัดการทีมบางคนกังวลเรื่องจุดโทษที่เราได้เมื่อปีก่อน และหลังจากนั้นดูเหมือนว่า ผู้ตัดสินจะให้จุดโทษเรายากขึ้น”

“ผมมองเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนนับจากนั้นเป็นต้นมา คุณต้องปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของผู้ตัดสิน และหวังว่า พวกเขาจะตัดสินได้อย่างถูกต้องในเร็ววันนี้”” โซลชา กล่าว

แน่นอนว่า แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อ คลอปป์ ออกมาตรง ๆ แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่า โซลชา หมายถึงใครเพราะ นายใหญ่แห่งถิ่น แอนฟิลด์ เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมาจริง ๆ ว่า ในช่วงเวลาเพียง 2 ปีครึ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ได้จุดโทษมากกว่าจุดโทษที่ผู้ตัดสินเป่าให้ ลิเวอร์พูล ตลอดช่วง 5 ปีครึ่งที่ผ่านมาเสียอีก

กระนั้นหากว่ากันตามประจักษ์พยานดูเหมือนว่า ผู้ตัดสินจะไม่ได้ใส่ใจในคำพูดของ คลอปป์ มากนักเพราะนับตั้งแต่ กุนซือชาวเยอรมัน ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 4 ม.ค.จนถึงสิ้นสุดฤดูกาลที่แล้ว ลิเวอร์พูล ได้จุดโทษแค่หนเดียว ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด กดไปถึง 5 ครั้ง

แมนฯ ยูไนเต็ด ได้จุดโทษ 11 ครั้งในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020/21 โดยมีเพียง แมนเชสเตอร์ ซิตี ที่ได้จุดโทษมากกว่าพวกเขานับตั้งแต่ที่ คลอปป์ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 4 ม.ค.

  ขณะที่นับตั้ง คลอปป์ เข้ามาทำงานยังถิ่น แอนฟิลด์ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้จุดโทษมากกว่า ลิเวอร์พูล เฉลี่ยฤดูกาลละ 2 ลูกเลยทีเดียว

ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า การให้สัมภาษณ์ของ คลอปป์ แทบไม่ได้มีผลอะไรกับการที่ผู้ตัดสินจะเป่าให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ หรือ ไม่ได้จุดโทษในฤดูกาลที่ผ่านมาเลย

แล้วอะไรกันล่ะที่เป็นตัวการที่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้จุดโทษน้อยลงจน โซลชา ต้องบ่นเป็นหมีกินผึ้ง?

คำตอบก็คือแนวทางการตัดสินแบบใหม่ที่ สมาคมผู้ตัดสินอาชีพอังกฤษ (PGMOL) นำมาติดตั้งให้ผู้ตัดสินในสังกัดนำไปปรับใช้ในฤดูกาลนี้นั่นยังไงล่ะ

ไมค์ ไรลีย์ อดีตผู้ตัดสินคนดัง และประธาน PGMOL เผยว่า แนวทางการตัดสินฉบับปรับปรุงใหม่ถูกออกแบบมาเพื่อลดปริมาณของ “ซอฟท์ เพนัลตี” หรือ การให้จุดโทษ และลูกฟรีคิกแบบหน่อมแน้มลง รวมทั้งเพื่อทำให้การแข่งขันมีความต่อเนื่อง และได้อรรถรสมากขึ้น

นอกจากนี้ มร.ไรลีย์ ยังเน้นย้ำให้เห็นถึง 3 ขั้นตอนสำคัญที่ผู้ตัดสินจะนำมาพิจารณาก่อนเป่าฟาวล์อีกด้วย

ประการแรก ผู้ตัดสินจะมองก่อนว่า มีการสัมผัสตัวกัน หรือ การสัมผัสกันอย่างชัดเจนหรือไม่

ลำดับต่อมา ผู้ตัดสินจะพิจารณาว่า หากมีการสัมผัสตัวกันจริง การสัมผัสที่เกิดขึ้นมีผลสืบเนื่องที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในสนามหรือไม่

ส่วนข้อสุดท้าย ผู้ตัดสินจะพิจารณาว่า ผู้เล่นทีมรุกจงใจใช้การสัมผัสนั้นเพื่อพยายามเรียกฟาวล์หรือเปล่า

ด้วยเหตุนี้จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า สาเหตุที่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้จุดโทษยากเย็น และได้น้อยลงในช่วงหลังจนทำให้ โซลชา ออกอาการหงุดหงิดตามง่ามนิ้วมือนิ้วเท้านั้น น่าจะเกิดจากการปรับปรุงแนวทางการตัดสินของ PGMOLมากกว่าที่จะเป็นเพราะสิ่งที่ คลอปป์ เคยพ่นเอาไว้

กระนั้น คำพูดของ โซลชา ก็มีส่วนถูกอยู่บ้างเพราะ แมนฯ ยูไนเต็ด ควรจะได้จุดโทษอย่างน้อย 2 ครั้งจาก 2 เกมที่ผ่านมาจริง ๆ

ครั้งแรกคือจังหวะที่ คริสเตียโน โรนัลโด โดน วาลาดิเมียร์ คูฟาล กองหลัง เวสต์แฮม เหยียดขาออกมาดักจนหัวคะมำในเกมพรีเมียร์ลีกนัดบุกเชือด เดอะ แฮมเมอร์ส  ซึ่ง PGMOL ออกมายอมรับเองเลยว่า ผู้ตัดสิน มาร์ติน แอตกินสัน เป่าพลาดเต็ม ๆ ที่ไม่ให้จุดโทษกับ ปิศาจแดง

ขณะที่อีกครั้งก็คือจังหวะที่ มาร์ก โนเบิล เจตนาดึงเสื้อของ เจสซี ลินการ์ด ซึ่งผู้ตัดสิน จอน มอสส์ ปฏิเสธจะเป่าฟาวล์ให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมคาราบาว คัพ รอบ 3 นัดที่พวกเขาโดน “ขุนค้อน” บุกสอยคาบ้าน

ส่วนการกล่าวโทษว่า คลอปป์ เป็นตัวการที่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้จุดโทษน้อยลงนั้น เมื่ออ่านมาถึงบรรทัดนี้เราน่าจะได้คำตอบแล้วว่า แท้ที่จริงมันเป็นเช่นนั้นหรือไม่?.

แท ยอน