ถือเป็นอีกซีรี่ส์ที่กระแสร้อนแรงสุด ๆ สำหรับ “สควิดเกม เล่นลุ้นตาย (Squid Game)” ซี่รี่ส์เกาหลีแนวเอาชีวิตรอด จาก “เน็ตฟลิกซ์ (Netflix)” ด้วยพล็อตเรื่องและงานภาพที่โดดเด่น สะดุดตา  มาพร้อมเรื่องราวสุดเข้มข้น และวิพากษ์สังคมได้แบบบาดลึก รวมทั้งดราม่าเน้น ๆ สะเทือนอารมณ์สไตล์เกาหลี ส่งผลให้เรื่องนี้เข้าไปอยู่ในใจของหลายคน ที่ชื่นชอบผลงานแบบตีความตามสัญญะ สอดแทรกการวิจารณ์เสียดสรระบบทุนนิยม

กับเรื่องราวที่เล่าถึงผู้เข้าแข่งขันนับร้อยชีวิตที่สิ้นหวังและประสบปัญหาทางการเงิน จนต้องมาร่วมแข่งขันเกมเด็กเล่นเพื่อชิงเงินรางวัลมหาศาล และก็ต้องพบความจริงในภายหลังว่าราคาของความพ่ายแพ้นั้นต้องจ่ายด้วยชีวิต เมื่อสถานการณ์ชี้เป็นชี้ตายต้องมาขึ้นอยู่กับเกมเด็กเล่น!  โดยได้ อีจองแจ และ พัคแฮซู มารับบทนำ ร่วมด้วย กงยู ในฐานะนักแสดงรับเชิญ และตัวละครเซอร์ไพร้ซ์

ผลงานผู้กำกับ ฮวังดงฮยอก เจ้าของผลผลงานเรื่องดัง อย่าง “Silenced” และ “The Fortress” ที่นั่งแท่นทั้งผู้กำกับและผู้เขียนบทซีรีส์เองด้วย และที่พิเศษสุด “ฮาอึน” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้กำกับมากฝีมือคนนี้แบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากเกาหลี ทั้งที่มาของเรื่องราว แรงบันดาลใจในการเขียนบท รวมทั้งแก่นความคิดและสารที่ ฮวังดงฮยอก ต้องการส่งถึงทุกคน หากพร้อมแล้วมาด่ำดิ่งสู่เกมสุดมัน ที่เดิมพันด้วยชีวิตกัน

Q : อะไรคือเสน่ห์ดึงดูดใจให้คุณ มาร่วมเขียนบทและกำกับซีรี่ส์เรื่อง “สควิดเกม เล่นลุ้นตาย” ครั้งนี้?

ผู้กำกับ ฮวังดงฮยอก : ผมเริ่มวางแผนโปรเจกต์ครั้งแรกเมื่อปี 2008 มีช่วงที่ผมค่อนข้างลำบาก ไม่มีงานทำ เลยใช้ชีวิตอยู่กับการอ่านการ์ตูนและเข้าออกร้านหนังสือการ์ตูนอยู่เป็นประจำครับ ผมได้อ่านการ์ตูนที่เกี่ยวกับเซอร์ไววัลเกม (Survival Game) ตอนนั้นก็คิดว่าถ้าเป็นเรา จะกล้าลงแข่งมั้ยนะ ถ้าที่เกาหลีมีเกมแบบนี้จะออกมาเป็นแบบไหนนะ จินตนาการอยู่คนเดียว จนได้เริ่มเขียนบทในปีถัดมาเพื่อเตรียมสร้างเป็นภาพยนตร์ แต่ตอนนั้นหนังแนวเซอร์ไววัลเกม ยังเป็นแนวแปลกใหม่สำหรับคนเกาหลี ผู้ลงทุนหลายคนปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่ามันไม่สมจริง ก็เลยไม่ได้สร้าง ผ่านไปสิบกว่าปี ประมาณปี 2019 ผมเอาบทขึ้นมาดูอีกครั้ง แล้วรู้สึกว่าบท ‘สควิด เกม’ เข้ากับสภาพสังคมปัจจุบันมากขึ้น เท่ากับสังคมเราเริ่มอยู่ยากขึ้น ผู้คนจำนวนมากต้องต่อสู้ดิ้นรน เนื้อเรื่องมันสอดคล้องกับความเป็นจริงในปัจจุบันพอสมควร เลยตัดสินใจหยิบเอาผลงานชิ้นนี้มาเสนออีกครั้ง และได้สร้างเป็นผลงานซีรีส์ออกมาให้ได้ชมครับ

Q :  คุณเริ่มร่างบทสควิดเกมในปี 2008 ก่อนที่จะถ่ายทำเรื่อง “Silenced and The Fortress” ทำไมถึงใช้เวลาในการเตรียมการนานมาก?

 ผู้กำกับ ฮวังดงฮยอก : ช่วงนั้นเป็นช่วงหลังจากที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องแรกของผมเรื่อง มาย ฟาเธอร์ (My Father) ผมไปร้านหนังสือการ์ตูนบ่อยมาก และได้อ่านการ์ตูนแนวเอาชีวิตรอดมากพอสมควร ตอนนั้นผมจินตนาการว่าถ้ามีการ์ตูนแนวเอาชีวิตรอดสไตล์เกาหลีก็คงดี จึงเริ่มเขียนบทและเสร็จในปี 2009 แต่ตอนนั้นเนื้อเรื่องเป็นอะไรที่แปลกใหม่และรุนแรง หลายคนคิดว่าไม่เหมาะกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ทำให้ระดมเงินทุนสร้างลำบาก ผมพยายามอยู่เป็นปี แต่สุดท้ายก็ต้องเก็บบทใส่ลิ้นชักไว้ แต่มาคิดดูก็น่าเศร้าเหมือนกัน พอเวลาผ่านไปกว่าสิบกว่าปี ผมหยิบเอาผลงานชิ้นเดิมมาเสนอ กลายเป็นว่าจากในอดีตที่มีคนมองว่าโหดร้าย มาถึงวันนี้เรื่องราวมันช่างเหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ผู้คนต้องดิ้นรนเพื่อเงิน

Q :  อะไรคือความยากและท้าทายที่สุดในการทำโปรเจ็คต์ซีรี่ส์เรื่องนี้?

ผู้กำกับ ฮวังดงฮยอก : สิ่งที่ยากที่สุดคือจะทำยังไงให้เกมเด็กเล่นที่แสนจะธรรมดาทั้ง 6 เกม มีความน่าตื่นตาตื่นใจ นอกจากเลือกเกมแล้ว การสร้างเรื่องราวของผู้ร่วมเล่นเกมแต่ละคน การดำเนินการแข่งขันในแต่ละด่านเป็นเรื่องที่ยากเช่นกัน ในส่วนของโปรดักชั่น การดีไซน์พื้นที่ใช้ในการแข่งขัน เพราะมันไม่ใช่สถานที่ที่มีอยู่จริง ไม่มีข้อมูลจากแหล่งอ้างอิงใดๆ ผมจินตนาการเอาว่าถ้าผมเป็นคนที่ก่อตั้งสควิดเกมในเรื่อง ผมจะสร้างมันออกมาแบบไหน การดีไซน์แบบในจินตนาการให้ออกมาดูสมจริงมากที่สุดเป็นเรื่องที่ยากและท้าทายมากครับ

Q : ทำไมเลือก “อีจองแจ” รับบท “กีฮุน” และ “พัคแฮซู” รับบท “ซังอู” มองเห็นอะไรในตัวพวกเขา?

ผู้กำกับ ฮวังดงฮยอก :  อย่างที่ทุกคนเห็น อีจองแจเป็นคนเท่  แข็งแกร่ง และพลังเยอะ เรียกว่าเป็นนักแสดงที่มีเสน่ห์ ในเรื่องนี้บทบาทของเขาเป็นคนที่ตกต่ำ ต้องดิ้นรนสู่ชีวิต และดูซื่อๆ ผมตั้งใจแคสบท ‘กีฮุน’ กับอีจองแจ เพราะอยากลองพลิกบทบาทและภาพลักษณ์ของเขา ถ้าได้ชมซีรีส์จนจบจะเห็นว่าตัวละครกีฮุนมีการพัฒนาไปตามลำดับ แน่นอนว่าเขาเป็นนักแสดงที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของ ตัวละครนั้นๆ ได้อย่างดี ถ้าได้ดูจนจบจะเห็นว่ากีฮุนเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ภาพลักษณ์นั้นเป็นอีกภาพนึงที่ผมคิดว่าเหมาะกับอีจองแจมากเช่นกัน  ส่วนพัคแฮซู เขาเป็นนักแสดงละครเวทีมาก่อน เป็นนักแสดงที่เดบิวต์ผ่านผลงานภาพยนตร์และซีรีส์ค่อนข้างช้า แต่ด้วยประสบการณ์แสดงละครเวทีหลายปี การแสดงของเขาไร้ที่ติ  ผมติดตามผลงานซีรีส์ เช่น เรื่อง พริซั่น เพลย์บุ้ค (Prison Playbook) และภาพยนตร์ที่เขาแสดงอีกหลายเรื่อง เขาใส่ใจกับทุกรายละเอียดของบทบาทการแสดง สมกับที่อยู่ในวงการละครเวทีมายาวนาน ตัวละคร ‘ซังอู’ เป็นคนที่เก็บความรู้สึก ไม่ค่อยแสดงออกมา การสวมบทบาทเป็นคนที่เก็บความรู้สึก แต่ในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงความสับสนและขัดแย้งในตัวเอง มีแต่มืออาชีพเท่านั้นที่จะถ่ายทอดออกมาได้อย่างสมบูรณ์ ผมคิดว่าพัคแฮซูเหมาะสมที่สุดแล้วครับ

Q : เหมือนว่าตัวละคร “กีฮุน” และ “ซังอู” เป็นดั่งแฝดเทียม?

ผู้กำกับ ฮวังดงฮยอก : แฝดเทียมคือฝาแฝดที่หน้าตาแตกต่างกันแต่เกิดมาจากท้องแม่คนเดียวกัน ‘ซังอู’ และ ‘กีฮุน’เติบโตมาด้วยกัน ไปโรงเรียนด้วยกัน มีความทรงจำสมัยเด็กที่คล้ายๆ กัน แต่ด้วยเวลาที่ล่วงเลยไปทำให้ต่างคนต่างเดินทางของตัวเอง คนหนึ่งประสบความสำเร็จแต่อีกคนล้มเหลว แต่สุดท้ายทั้งสองคนกลับต้องมาเล่นเกมเพื่อล่าเงินรางวัลเหมือนกัน ใส่ชุดวอร์มเหมือนกัน ระหว่างที่แยกกันไปมีชีวิตของตัวเองต่อให้แตกต่างกันแค่ไหน ก็เหมือนกับแฝดเทียม ที่อย่างไรก็ต้องเผชิญสิ่งที่คล้ายกัน

Q : คุณอยากเป็นใครใน “สควิดเกม”?

ผู้กำกับ ฮวังดงฮยอก : ผมอยากเป็น ‘ด็อกซู’ ผมว่าทุกคนน่าจะเข้าใจว่าทำไมหลังจากได้ชมซีรีส์ ด็อกซูเป็นตัวละครที่ใช้ชีวิตตามอย่างที่ตัวเองต้องการ สุดท้ายยังไงถ้าต้องตายในเกม ก่อนตายผมขอใช้ชีวิตแบบด็อกซูแล้วกัน

Q : คีย์เวิร์ดของ “ชายสวมหน้ากาก” ในเรื่องคืออะไร?

 ผู้กำกับ ฮวังดงฮยอก : กลุ่มคนที่สวมหน้ากากเป็นผู้ดำเนินและผู้คุมเกม พวกเขาใส่ชุดเหมือนกันแต่ที่หน้ากากจะมีรูปทรงแตกต่างกันไป วงกลม คือแรงงานทั่วไป สามเหลี่ยม คือคนที่มีอาวุธ สี่เหลี่ยมคือ ผู้คุม ผมได้ไอเดียมาจากกลุ่มมด ที่มีการแบ่งหน้าที่เป็นสัดส่วน

Q : ดนตรีประกอบเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของซีรีส์?

ผู้กำกับ ฮวังดงฮยอก : คอนเซปต์โดยรวมไม่ว่าจะเป็นเซ็ตหรือเพลง ผมอยากให้สะท้อนถึงยุค 70 และ 80 เพลงที่ใช้ในเรื่องเป็นเพลงที่ผมฟังประจำสมัยก่อน ผมได้โปรดิวเซอร์ดนตรีมือดีมาช่วย ในการทำดนตรีประกอบ เราได้ลองทำหลาย ๆ อย่าง เช่น การใช้เครื่องดนตรีที่เรียนในวิชาดนตรีสมัยก่อน พยายามใช้ดนตรีที่สื่อถึงวัยเด็กของเราให้ได้มากที่สุด

Q : ด้วยความที่เป็นการอ้างอิงจากเกมพื้นบ้านของเกาหลี คิดว่าแฟนชาวไทย รวมทั้งแฟนทั่วโลก จะเข้าใจสารที่คุณต้องการจะสื่อไหม เพราะอะไร รวมทั้งทำไมแฟนชาวไทย จึงไม่ควรพลาดเรื่องนี้?

ผู้กำกับ ฮวังดงฮยอก : บางเกมเป็นเกมที่ต่างประเทศก็น่าจะมีคล้ายๆ กัน บางเกมมีเฉพาะที่เกาหลี เกมเหล่านี้มี กติกาเรียบง่าย แค่อธิบายสิบวินาทีก็เข้าใจได้ และคิดว่าแฟนๆ ทั่วโลกเองก็น่าจะเข้าได้ไม่ยากครับ

Q : หากเป็นตัวคุณเอง มีโอกาสได้เข้าร่วมเกมในซีรี่ส์นี้ เพื่อชิงเงินมหาศาล ที่จะทำให้คุณเป็นเศรษฐีในพริบตา คุณจะตัดสินใจเล่น หรือว่าถอนตัวจากเกมนี้ เพราะอะไร?

ผู้กำกับ ฮวังดงฮยอก: ถ้าย้อนกลับไปปี 2009 ผมอาจจะตัดสินใจเล่นครับ เพราะเป็นช่วงที่ผมลำบากมาก แต่ถ้าถามตอนนี้ผมอยากเป็นคนที่ก่อตั้งเกมมากกว่าครับ (หัวเราะ) ไม่อยากเป็นผู้เล่นครับ

Q : แล้วถ้าได้รับเงินรางวัล 45,600 ล้านวอน คุณจะใช้เงินทำอะไร?

 ผู้กำกับ ฮวังดงฮยอก : เป็นจำนวนมหาศาลมาก โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงเรื่องภาษี ที่จริงคุณควรจะได้เงินรางวัลทั้งหมดประมาณ 80,000 ล้านวอน ผมคงให้แม่ทั้งหมด

Q : ท้ายสุดคุณอยากให้คนที่ได้ดูซีรี่ส์ “สควิดเกม เล่นลุ้นตาย” ของคุณได้แง่คิด หรือมองเห็นความจริงเรื่องอะไร?

 ผู้กำกับ ฮวังดงฮยอก : หลังจากได้ชมซีรีส์แล้ว อยากให้ทุกคนย้อนคิดว่าทำไมตัวละครในเรื่องต้องดิ้นรนขนาดนั้น และทำไมทุกวันนี้พวกเราต้องเสี่ยงชีวิตดิ้นรนต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดในสังคมปัจจุบันเหมือนในซีรีส์ การแข่งขันนี้เริ่มต้นจากที่ไหน และจะยาวนานไปถึงเมื่อไหร่ อยากให้ลองทบทวนดูครับ

เมื่อเกมเด็กเล่นสนุก ๆ กลายเป็นเกมที่มีรางวัลเป็นเงินจำนวนมหาศาล แต่ต้องเดิมกับการแลกด้วยชีวิต ต้องเอาตัวรอดท่ามกลางความหฤโหด พร้อมเผยธาตุแท้ของมนุษย์  ถ้าเป็นคุณล่ะ จะเข้าร่วมเล่นเกมนี้มั้ย?!

ฮาอึน