แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล คือคู่กัดตลอดกาลในวงการฟุตบอล แต่ละทีมพร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้อีกฝ่ายเดินชนความผิดหวัง ซึ่งนี่อาจเป็นพลังผลักดันสำคัญของ “ผีแดง” ใน “ศึกวันแดงเดือด” นอกรอบ กับ “หงส์แดง” ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด วันอาทิตย์นี้

            ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ไปแล้ว 1 รายการ คือลีกคัพ และยังมีลุ้นคว้าแชมป์ “แบบจริงจัง” อีกถึง 3 รายการ คือพรีเมียร์ลีก, ยูโรป้า ลีก และเอฟเอ คัพ ที่จะเจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด นัดนี้

            ยิ่งเป็นฤดูกาลสุดท้ายของ เจอร์เกน คลอปป์ แข้งหงส์แดงทุกคน จึงมุ่งมั่นเป็นพิเศษ เพื่อส่งมอบฤดูกาลมหัศจรรย์ ที่จะต้องจดจำไปตลอดกาลให้แก่ “บิ๊กบอส” ด้วยการคว้า 4 แชมป์”

            แต่ขณะเดียวกัน “เอฟเอ คัพ” ก็เป็นความหวังเดียวเดียวในการคว้าแชมป์ของ เอริค เทน ฮาก ฤดูกาลนี้เช่นกัน ซึ่งถ้าเกิดจับผลัดจับผลู ทำได้ขึ้นมา ที่ว่าจะโดนปลดแน่ๆ ก็อาจไม่แน่ และเอาเข้าจริง สถิติการเจอกันในเอฟเอ คัพ ผีแดง ก็ไม่ได้เป็นรอง

            บวกกับพลังแห่งการ “ขัดแข้งขัดขา” อยากเห็นคู่แข่งล้มหน้าทิ่มหัวคะมำ ทำให้รับรองว่าแดงเดือดยกนี้ จะไม่เป็นอย่างที่ทุกคนคิด และอะไรก็เกิดขึ้นได้ จับตาดูกันดีๆก็แล้วกัน!

            เอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ

            แมนฯ ยูไนเต็ด – ลิเวอร์พูล

            วันที่ : อาทิตย์ที่ 17 มีนาคม 2567

            เวลา : 22.30 น.

            สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

            ถ่ายทอดสด : beIN SPORTS 3, ทรูวิชั่นส์, เอไอเอส เพลย์

            แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

            ผีแดง” ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ แพ้-ชนะสลับกันมาตลอด ล่าสุดในลีก เปิดรังชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 ทำให้เตะ 28 นัด มี 47 คะแนน อยู่ที่ 6 ตามหลังที่ 4 วิลลา 8 คะแนน ส่วนเอฟเอ คัพ รอบ เล่นเป็นทีมเยือนมาทุกรอบ ไล่ตั้งแต่รอบ 3 ชนะ วีแกน 2-0, รอบ 4 ชนะ นิวพอร์ต เคาน์ตี 4-2 และรอบ 5 บุกเฉือน ฟอเรสต์ 1-0

            เอริค เทน ฮาก ยังมีนักเตะเจ็บเยอะเหมือนเดิม โดย ลุค ชอว์, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, ไทเรลล์ มาลาเซีย, เมสัน เมาท์, อองโตนี มาร์กซิยาล ยังไม่พร้อม แต่มีสิทธิได้ ราสมุส ฮอยจ์ลุนด์, แฮร์รี แม็คไกวร์ รวมถึง อารอน วาน บิสซากา กลับมาสู่ทีม

            การจัดทัพใช้ อังเดร โอนานา เป็นประตู กองหลัง แม็คไกวร์ กลับมายืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟร่วมกับ ราฟาแอล วาราน แล้วใช้ ดีโอโก ดาโลต์ กับ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ เป็นแบ๊ก 2 ข้าง แดนกลาง คาเซมิโร กับ ค็อบบี ไมนู คุมเกม พร้อมใส่ บรูโน แฟร์นันด์ส, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อเลฮันโดร กานาโช ทำเกมหลัง ฮอยจ์ลุนด์ ที่น่าจะพร้อมลง

            ลิเวอร์พูล

            หงส์แดง” ยังฟอร์มยอดเยี่ยม แม้มีปัญหานักเตะเจ็บเยอะ เมื่อกลางสัปดาห์ เปิดรังทำศึกยูโรป้า ลีก รอบ 16 ทีม นัดที่ 2 กับ สปาร์ตา ปราก หลังก่อนหน้านั้น เสมอกับ แมนฯ ซิตี สุดมัน 1-1 ทำให้เตะ 28 นัด มี 64 คะแนน อยู่ที่ 2 แต่แต้มเท่า อาร์เซนอล จ่าฝูง ขณะที่เอฟเอ คัพ รอบ 3 บุกชนะ อาร์เซนอล 2-0, รอบ 4 ชนะ นอริช 5-2 และรอบ 5 ถล่ม เซาแธมป์ตัน 3-0

            เจอร์เกน คลอปป์ มีปัญหานักเตะเจ็บเยอะเช่นเดิม โดย โจเอล มาติป, อลิสซอน เบคเกอร์, ดีโอโก โชตา, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, เคอร์ติส โจนส์, ไรอัน กราเฟนแบร์ก, สเตฟาน บายจ์เซติช และ ติอาโก อัลคันตารา ลงไม่ได้ แต่อาจได้ อิบราฮิมา โกนาเต กับ เจย์เดน แดนส์ กลับมา

            การจัดทัพมี ควีวีน เคเลเฮอร์ เฝ้าเสา เกมรับ โกนาเต ยืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟคู่ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ แล้วใช้ คอนนอร์ แบรดลีย์ กับ โจ โกเมซ เป็นแบ๊ก 2 ข้าง แดนกลาง วาตารุ เอ็นโด, โดมินิก โซโบซไล และ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ พร้อมประจำการ ส่วนเกมรุก โม ซาลาห์ น่าจะกลับมาเป็นตัวจริง ร่วมกับ หลุยส์ ดิอาซ และ ดาร์วิน นูนเญซ

            ความน่าจะเป็นของเกม

            เป็นแดงเดือดนอกรอบที่น่าจะสนุก แม้ ลิเวอร์พูล จะดูเหนือกว่า แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นในบ้าน และสถิติเจอกัน ผีแดง ดีกว่า คือชนะ 90 เสมอ 69 และหงส์แดง ชนะ 81 แต่ 12 ครั้งหลังสุด ลิเวอร์พูล ชนะ 6 แพ้แค่ 2 ครั้ง ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 3 เกม ซึ่งทั้งหมด เกิดขึ้นที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แต่เจอกันในเอฟเอ คัพ ผีแดง เหนือกว่าเยอะ ชนะ 10 เสมอ 4 และแพ้แค่ 4 เกม ล่าสุดคือปี 2021 ซึ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดรังเฉือน ลิเวอร์พูล 3-2

            วัดกันนาทีนี้ ลิเวอร์พูล เหนือกว่าชัดเจน แม้เกมนี้ไปเยือน แต่ก็น่าจะครองบอลบุกใส่มากกว่า และปัญหาของผีแดง ก็คือปล่อยให้คู่แข่งมีโอกาสยิงประตูเยอะ ถ้า เทน ฮาก แก้ไม่ได้ รับรองว่าเกมนี้ไม่รอดแน่ เพราะ ซาลาห์ กลับมาแล้ว แต่ยังไงนี่ก็เป็น “แดงเดือด” ที่มักมีพลังพิเศษบางอย่าง ทำให้เกมไม่เป็นไปอย่างที่คาด ผีจึงสู้เต็มที่แน่ เพราะเป็นโอกาสสุดท้ายในการลุ้นแชมป์ อีกยังต้องการขัดขาหงส์แดงไม่ให้ไปถึง 4 แชมป์ ทำให้คงใส่หนักทุกดอก และมีโอกาสเสมอในเวลาปกติ

            ผลที่คาด

            แมนฯ ยูไนเต็ด เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1