แต่หลายคนยังสับสนถึงกระบวนการวิธีการซับซ้อนซ่อนเงื่อน กลไกแบบนี้กกต.หนักใจหรือไม่ และมีการเตรียมรับมือไว้อย่างไร เพื่อประชาชนทุกภาคส่วนในสาขาอาชีพ ได้เข้ามาทำหน้าที่สว.ทั้ง 200 คน ได้ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญจริงๆ หรือไม่

โดย “เลขาฯกกต.” เปิดประเด็นว่า การเลือกสว.รอบนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่รัฐธรรมนูญ ที่ออกแบบให้มีการเลือกหลายชั้น ทั้งเลือกตัวเองได้ -ไม่ได้ ตั้งแต่ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ ให้ได้สว.จาก 20 สาขาอาชีพ ที่มีความเป็นกลางทางการเมือง ซึ่งกกต.ได้เตรียมความพร้อม และซักซ้อมร่วมกับกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายครั้งแล้ว รวมถึงเรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร ซึ่งรอบนี้คาดว่าจะมีผู้สมัครกว่า 2-3 แสนคน มากที่สุดเท่าที่เคยมีการเลือกสว. หรือเลือกตั้งต่างๆมา จึงต้องมีการซักซ้อมทำความเข้าใจกับหน่วยตรวจคุณสมบัติที่มีอยู่ 26 หน่วยซึ่งได้ทำไปแล้ว

อย่างไรก็ตามคุณสมบัติผู้สมัครเลือกสว.ไม่แตกต่างจากคุณสมบัติผู้สมัครสส. แต่มีส่วนที่เพิ่มเข้ามา คือ ต้องไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมือง หรือดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่เป็นญาติพี่น้องของนักการเมือง

ส่วนงบประมาณนั้น เดิม กกต.ขอไป 1,800 ล้านบาท  แต่ครม.อนุมัติงบประมาณปี 2567 มาให้ 1,200 ล้านบาท ก็ต้องยอมรับว่าไม่เพียงพอ เพราะตอนที่ของบฯ นั้นทำขอไปตามบทเฉพาะกาล ซึ่งระเบียบการเลือกสว.ยังไม่ออกมา การเลือกสว.ตอนนั้นมีขนาดเล็ก เลือกชั้นเดียว แต่วันนี้มีระเบียบแล้ว พบว่ามีขนาดการเลือกใหญ่ขึ้น และเลือกหลายชั้นเราจึงของบฯ เพิ่มอีก 200 ล้านบาท รวมเป็น 1,400 ล้านบาท ที่จะใช้งบประมาณในการเลือกสว.ในครั้งนี้

@ คาดการณ์ปัญหาอุปสรรคอย่างไรบ้าง

การเลือกกันเองเพื่อให้ได้ผู้ทรงคุณวุฒิตามที่กฎหมายออกแบบมาก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ถ้าคนกลับหัวกลับหางก็จะเป็นการยากทันที เช่น มีการจัดตั้ง หรือทำอะไรที่ผิดไปจากที่กฎหมายออกแบบไว้ ผลสุดท้ายจะไม่ได้สว. ตามที่รัฐธรรมนูญออกแบบไว้ อาจจะได้วุฒิสภาจากการบริหารจัดการ

ดังนั้นรัฐธรรมนูญออกแบบเรื่องคุณสมบัติ และขั้นตอนการเลือกหลายชั้นไขว้กันไปมา เพื่อป้องกันการจัดตั้ง หรือการฮั้ว ซึ่งไม่รู้จะทำได้จริงหรือเปล่า แต่กกต.ก็ต้องประเมินและป้องกันไว้ก่อน ระหว่างนี้ก็ได้ติดตามเกาะติดความเคลื่อนไหวต่างๆ

หากฟังจากข่าวทุกวันนี้เหมือนจะมีการจัดตั้งมาให้มาสมัครเพื่อไปเลือก แต่เนื่องจากยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกสว.ออกมา กกต.จึงยังทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงเก็บข้อมูลไว้ และขอความร่วมมือจากประชาชนในการจับตา โดยเฉพาะในพื้นที่ ซึ่งนายอำเภอน่าจะมีข้อมูลของผู้ที่มาสมัครอยู่แล้ว ก็ขอให้ช่วยกันดู เพื่อให้การเลือกสว.ได้คนที่มีคุณวุฒิจริงๆ และมาอย่างโปร่งใสจริงๆ

@ กรณีกลุ่มบุคคล หรือพรรคกากเมืองเริ่มขยับเกี่ยวกับเรื่องนี้ทำได้หรือไม่ จะเป็นการปลุกกระแสเพื่อผลอะไรหรือไม่

“ถ้าคนไม่ไปเล่นแร่แปรธาตุก็จะได้สว. อย่างที่ควรจะเป็นตามที่รัฐธรรมนูญออกแบบไว้ คนที่สมัคร ต้องสมัครเพื่อไปเป็นสว. จริงๆ ไม่ใช่สมัครเพื่อไปเลือกคนจะเป็นสว. ไม่ใช่เกณฑ์คนมาเลือก 200 คนที่มีคนทำบัญชีเอาไว้ ดังนั้นเราก็ต้องรู้ว่าการกระทำพวกนี้ล้ำเส้น ก้าวข้ามกฎหมายหรือไม่ ก็ต้องอยู่ที่ข้อเท็จจริง”

@ มีคนมองว่ากกต.ไม่ทันเกมนักการเมือง เพราะมีการจัดตั้งปูฐานเตรียมเงินเอาไว้แล้ว

เรื่องนี้มานานแล้ว และบอกกับลูกน้องให้เฝ้าระวังจับตา กรณีมีคนกลับหัวกลับหาง ซึ่งจะเป็นงานยากของเราซึ่งจะทำไปสู่การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้จึงต้องระมัดระวัง แน่นอนว่ากฎหมายห้ามพรรคการเมืองเข้าไปยุ่ง แต่ก็ไม่รู้ว่าใครคิดจะทำผิดกฎหมาย ดังนั้นสิ่งที่กกต.ทำคือดูความเคลื่อนไหว ตอนนี้ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกา ยังไม่มีการสมัคร จึงยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นใครส่วนเรื่องของการให้ความรู้ยืนยันสว.สามารถทำได้แต่หาเสียงไม่ได้ 

@ มีข้อห้ามในการเผยแพร่การเลือกสว.หรือไม่

กฎหมายห้ามเผยแพร่ช่วงของการลงรับสมัคร เพราะจะทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ เพราะเราไม่รู้ว่าใครจะลงสมัครกลุ่มอาชีพไหน ซึ่งบางคนมีความสามารถลงได้หลายกลุ่ม แล้วไปรู้ข้อมูลว่า กลุ่มไหนคนสมัครน้อยก็ไปเลือกอันนั้นแทน ก็จะเกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ กฎหมายจึงห้ามเผยแพร่ในช่วงนั้น แต่หลังจากการรับสมัครผ่านไปแล้ว ก็จะมีการประกาศว่าใครสมัครอยู่กลุ่มไหน อย่างไร ซึ่งสามารถนำเสนอข่าวได้ตามปกติเลยเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสาร แต่ในส่วนของผู้สมัครก็ต้องระมัดระวังไม่ให้เป็นการหาเสียง

@ การเดินหน้าของกกต.ในการให้ความรู้ประชาชน

เนื่องจากไม่ใช่การเลือกตั้ง แต่เป็นการเลือกผู้ทรงคุณวุฒิ เลือกกันเอง ดังนั้นจึงให้ความรู้คนที่ต้องการลงสมัครในด้านระเบียบหลักเกณฑ์ ส่วนประชาชนทั่วไปแม้ไม่ได้มีสิทธิ์เลือกโดยตรง แต่สว. เมื่อเป็นแล้วต้องทำงานเพื่อประชาชน ดังนั้นประชาชนทั่วไปก็อาจจะมีการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับข้อมูลผู้ลงสมัครด้านต่างๆ เราจะได้สว.ด้วยกระบวนการแบบนี้ รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ใครสุ่มเสียงจะทำผิดกฎหมายก็ช่วยกันส่งเสียง เพื่อให้คนที่คิดจะทำหยุดการกระทำเสีย เพื่อให้ได้คุณคุณภาพเข้ามาทำงาน

@ เครื่องมือตรวจสอบที่สามารถทำได้จริง

ที่จริงเรามีข้อมูลหมด พรรคการเมืองหรือหน่วยไหนที่คิดจะทำ ซึ่งคงมีไม่เกิน 5 พรรคการเมืองที่ทำได้ หรือคนถ้าคิดอยากจะทำ ก็คงต้องเห็นร่องรอยกันบ้างเพราะเนื่องจากมีคนเป็นแสนคน และในส่วนของกกต.เราก็มีการข่าว ซึ่งลงพื้นที่แฝงตัวอยู่แล้ว แม้กระทั่งมีการตั้งกลุ่มไลน์ผู้สมัคร ซึ่งสามารถทำได้เพราะให้สิทธิ์ในการแนะนำตัวได้ แต่อย่าไปหาเสียง หรือจัดตั้งกันในกลุ่ม ซึ่งตอนนี้เรารู้จักกลุ่มไลน์ทุกกลุ่ม หรือจะเอาคนของเราอยู่ในนั้นก็ได้ ถ้าทำหน้างานตอนนี้เรารู้หมดแล้ว แต่ประสิทธิภาพของเราเก่งพอหรือไม่ที่จะไปจัดการได้ ประเด็นอยู่ตรงนี้มากกว่าไม่ใช่ว่าเราไม่รู้เรื่องพวกนี้ แต่เราจะรับมือได้แค่ไหน หรือ ประชาชนเห็นแล้วเชื่อน้ำยาเราได้แค่ไหน

“จริงๆแล้ว ถึงเราจะเลือก 200 คนออกมาได้ดีมาก แต่ถ้ามาโดยวิธีการไม่ชอบ เราก็คงรับไม่ได้ เช่นมีการจัดตั้งกันมาหรือฮั๊วกันมา เราอยากให้เป็นธรรมชาติตามที่กฎหมายออกแบบไว้ไม่ใช่มีคนมาคอยกดปุ่ม พยายามทำให้เป็นไปตามกฎหมายออกแบบไว้”

@ อยากฝากอะไรกับประชาชน

ประชาชนที่มีประสบการณ์ในสาขาที่ต่างๆ มีความเป็นกลาง อยากทำงานให้บ้านเมือง ก็มาสมัครได้ ซึ่งจะมีค่าสมัคร 2,500 บาท ส่วนประชาชนทั่วไป ก็สามารถกกต. หรือช่วยชาติตรวจสอบว่า มีความเคลื่อนไหวอะไรที่จะทำให้การเลือกตั้งวุฒิสมาชิกครั้งนี้ ไม่เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญออกแบบไว้ โดยทุกระดับของการเลือก ทางกกต.จะมีการถ่ายทอดกล้องวงจรมายัง ทีวีให้เห็นว่า กระบวนการข้างในนั้นทำอะไรบ้าง แต่ไม่ได้เห็นว่าเขาเห็นเขียนชื่อใคร.

คลิกอ่านบทความทั้งหมดได้ที่นี่