เรื่อง “กาสิโน” ถูกนำมาพูดถึงกันอีกครั้งในยุครัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เนื่องจากประเทศรอบๆ บ้านเรามีกาสิโนตั้งกระจัดกระจายอยู่ทุกภาค บางแห่งพัฒนายกระดับเป็น “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ส่วนประเทศไทยเหมือนพายเรือวนอยู่ในอ่าง เนื่องจากเจ้าหน้าที่รัฐส่วนหนึ่งไปไล่จับบ่อนการพนัน-พนันออนไลน์ แต่เจ้าหน้าที่รัฐอีกส่วนหนึ่งรับส่วยจากบ่อน-พนันออนไลน์-หวยใต้ดิน เป็นวังวนอยู่แบบนี้มาหลายสิบปีแล้ว

ทีมข่าว Special Report สนทนากับ นายกฯเศรษฐา กับท่าทีของรัฐบาลเรื่อง “กาสิโน-เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ผู้นำรัฐบาลมองอย่างไร? จะเดินหน้าไปในทิศทางไหน? ถ้ากฎหมายผ่านสภาฯ

รอกฎหมายผ่านสภาฯ-รัฐบาลพร้อมเดินหน้า!

“เราไม่ได้พูดกันแค่เรื่องกาสิโน แต่พูดกันถึงโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ต้องให้สภาฯ ถกกันให้เรียบร้อย รอให้ผ่าน 3 วาระ ออกมาเป็นกฎหมายก่อน รัฐบาลจึงสามารถเดินหน้าต่อไปว่า ซึ่งตอนนี้น้ำเสียงคนที่คัดค้านเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์-กาสิโน เหลือน้อยกว่าในอดีต” นายกฯเศรษฐา กล่าวนำ

สำหรับเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ นั้น ค่าไลน์เซนส์ 200,000 ล้านบาท ภายในโครงการจะมีกาสิโนอยู่แค่ 5% ของพื้นที่ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นศูนย์การประชุม มิวเซียม ช้อปปิ้ง ร้านอาหารระดับโลก โรงแรม โรงละคร อินดอร์สเตเดี้ยม สามารถจัดคอนเสิร์ตดีๆ โอเปร่า และโชว์ระดับโลกได้ด้วยขนาดความจุ 35,000 ที่นั่ง

แต่ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีขนาดนี้ เวลามีคอนเสิร์ต-โอเปร่า-โชว์ระดับโลก เขาจึงต้องไปจัดกันที่สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ฮ่องกง หรือไกลหน่อยที่ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา พูดง่ายๆ ว่าใครจะขอลงทุนทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ต้องมีสิ่งเหล่านี้ก่อน แต่ถ้าจะมีกาสิโนด้วย คุณต้องทำตามเงื่อนไข 1-10 ของรัฐบาล

ไลเซนส์ 2 แสนล้านฯ-หัวบันไดไม่แห้ง!

“ในอดีตมหาเศรษฐีเมืองไทยบินไปเล่นกาสิโนที่ประเทศอังกฤษ เนื่องจากที่นั่นมีกาสิโนนานแล้ว เขาเอารถมารับถึงสนามบิน ถ้าอยากดูเทนนิสวิมเบอร์ดันก็เอาตั๋วมาให้ถึงที่พัก พร้อมจัดรถรับ-ส่ง จะเข้ากาสิโนต้องแต่งตัวสุภาพเรียบร้อยดูหรู คนรวยเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้ ไม่ใช่แต่งกายสบายๆ นุ่งกางเกงขาสั้น ใส่รองเท้าแตะเหมือนที่ลาสเวกัส เพราะตอนผมเรียนหนังสืออยู่แคลิฟอร์เนีย อายุ 20-21 ปี ถึงเย็นวันศุกร์ขับรถไปเที่ยวลาสเวกัส ไปดูโชว์ เดินดูร้านค้า ร้านอาหาร ดูพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คน ที่นั่นเหล้าก็ถูก ไปดูคนสูงอายุดื่มเหล้า-เบียร์แล้วโยกสล็อต เสียงดังกริ๊งค์ๆ มันรู้สึกตื่นเต้น เลือดสูบฉีดดี เดินเล่นแป๊บเดียวตี 2 แล้ว คนต่างชาติถ้ามีโอกาสต้องแวะไปลาสเวกัสกันทั้งนั้น”

นายกฯเศรษฐา กล่าวต่อไปว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คือ “บิ๊กบิสซิเนส” ถ้าไทยทำเมื่อไหร่บ่อนเล็ก บ่อนใหญ่ กาสิโนรอบบ้านเราตายหมด ถามว่าใครจะไป? เงินที่อยู่ใต้ดินจะถูกนำขึ้นมาอยู่บนดิน จะเก็บภาษีเข้ารัฐได้อย่างมโหฬาร ถ้าไทยมีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เมื่อไหร่ จะทำให้สิงคโปร์เดือดร้อนแน่! ก่อนโครงการแลนด์บริดจ์เสียอีก

คุณอย่านึกว่าค่าไลเซนส์ 200,000 ล้านบาท มันแพง! ใครจะมาลงทุน? แน่นอนครับแพงขนาดนี้คนไทยสู้ไม่ไหวหรอก! แต่นักลงทุนต่างประเทศเขาสนใจ รับประกันว่าถ้ากฎหมายผ่านสภาฯเมื่อไหร่ “หัวบันไดไม่แห้ง” ลองนับนิ้วเล่นๆ ดูแล้วประมาณ 3-4 ราย โดยมีข่าวว่า “เจ้าสัว” ในเมืองไทยวิ่งไปจับคู่กับเขาด้วย มีใครบ้างไม่อยากพูดถึงในตอนนี้ เนื่องจากยังไม่ถึงเวลา เพราะต้องเป็นไปตามขั้นตอน รอให้กฎหมายผ่านสภาฯก่อน แล้วเรื่องจึงมาที่รัฐบาล

ส่วนจะทำกี่แห่ง ที่ไหนบ้างนั้น ขึ้นอยู่กับว่ามีกี่ไลเซนส์ โดยทำเลที่เหมาะน่าจะเป็นที่ภูเก็ต-พัทยา-กรุงเทพฯ ทั้งนี้ต้องบอกก่อนว่า นายกฯ ไม่ได้มีปัญหากับบริบทของความเป็นเมืองพุทธ หรือขัดแย้งกับหลักของศีล 5 แต่ไม่ชอบที่จะเป็น “อีแอบ”

ตรงไหน “กฎหมาย” ลักลั่นกันต้องแก้!

เราจะส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวไปได้อย่างไร ถ้านักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเมืองไทยแล้วต้องลุ้นว่าตรงกับ “วันพระใหญ่” หรือไม่ เนื่องจากไม่มีใครขายเหล้าให้เขา ไม่มีเหล้าท้องถิ่นขายให้เขาดื่ม ขนาด “เช็กเอาต์” ออกจากประเทศไทย ผ่านขั้นตอนเจ้าหน้าที่ ตม. ในสนามบินแล้ว ก็ไม่มีใครขายเหล้า เพราะเป็นวันพระใหญ่ คุณคิดเอาเองว่าเกินไปหรือเปล่า?

“ยกตัวอย่างทำเลแถวๆ สยามสแควร์ ใครมาทีหลังทำโรงแรม เปิดผับ-บาร์ขึ้นมาใหม่ไม่ได้ เพราะถ้าเปิดแล้วขายเหล้าไม่ได้ก็จบ! เนื่องจากอยู่ใกล้สถานศึกษา ตั้งอยู่ใกล้จุฬาฯ แต่มีโรงแรมเก่าแก่ รวมทั้งผับ-บาร์ที่เปิดมานานหลายสิบปีขายเหล้าได้ ทำไมจึงขายได้ เพราะเป็นใบอนุญาตเก่าจึงขายเหล้าได้ ส่วนใบอนุญาติใหม่ๆ ห้ามขายเหล้าใกล้สถานศึกษา ทุกจังหวัดเหมือนกันหมด ถ้ามีปัญหาลักลั่นกันแบบนี้ ก็ต้องแก้กฎหมายให้เท่าเทียมกัน” นายกฯเศรษฐา กล่าว