สถานะครูคือหนึ่งในนั้น ไม่ว่าครูในสถาบันการศึกษาหลัก หรือสถาบันสอนพิเศษ ผู้ปกครองล้วนคาดหวัง  ตั้งใจ ปูทางเพื่อลูกหลานในอนาคต…แต่บางครั้งภัยร้ายกลับมาสร้างมลทินทางจิตใจและร่างกายแทน

เหตุการณ์รวบตัวครูเปิดโรงเรียนสอนดนตรีกลางกรุง หลังผู้ปกครองเด็กวัย 10 ปี รายหนึ่งเข้าร้องขอความช่วยเหลือกับตำรวจว่าลูกสาวถูกกระทำอนาจาร ณ สถานที่เรียนดนตรี ก่อนนำไปสู่การเข้าจับกุมครูผู้ต้องหาได้พร้อมของกลางจำนวนมาก โดยเฉพาะการพบข้อความสื่อสารในเชิงลามกอนาจาร ตลอดภาพถ่ายและคลิปไม่เหมาะสมของเด็ก

เชื่อว่าเป็นภาพภัยสังคมที่แฝงเร้นอีกมาก เพราะเรื่องราวเช่นนี้ หากเหยื่อไม่แสดงตัวออกมา  ก็ไม่มีทางได้รู้เลยว่าเบื้องหลังโฉมหน้า-วิชาชีพที่น่านับถือนั้น“ดำมืด”แค่ไหน

ยิ่งเป็นภัยทางเพศ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กวัย“ไร้เดียงสา” ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังตกเป็น“เหยื่อ”เช่นกรณีที่นำไปสู่การเปิดโปงครูดนตรีรายนี้

เด็กเล่าให้ผู้ปกครองฟังภายหลังว่า ขณะที่กำลังนั่งเรียนเปียโนตามปกติ ครูจะเริ่มเดินเข้ามาชิดที่หลัง จนรู้สึกว่ามีอะไรข้างหลัง ด้วยความไร้เดียงสาในตอนนั้นเด็กไม่เข้าใจว่าคือการทำอะไร แต่เด็กถูกทำ“เช่นเดิม”แบบนี้ซ้ำๆทุกวันที่ไปเรียนเปียโน

และเพราะความไม่รู้เดียงสานี่เอง ที่ทำให้ผู้กระทำหลายคน“ยกระดับ”พฤติกรรมเลวร้ายไปสู่การตั้งใจสัมผัสเนื้อตัว ร่างกาย ไปจนถึงหาจังหวะล่วงละเมิดทางเพศอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย

จากเหตุการณ์ล่าสุด คำว่า“โรคใคร่เด็ก” หรือ เปโดฟิเลีย (Pedophilia) กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง เหตุเพราะพฤติกรรมและพยานหลักฐานที่พบส่อเข้าข่ายอาการทางจิตในลักษณะหมกมุ่น คลั่งไคล้ในร่างกายเด็ก ซึ่งเป็นสิ่งที่แทบไม่สามารถใช้การสังเกตได้เพียงภายนอก

มีข้อมูลเผยแพร่น่าสนใจเกี่ยวกับโรคใคร่เด็ก โดยสำนักงานกิจการยุติธรรม ชี้พฤติกรรมว่าเป็นอาการทางจิตผิดปกติอย่างหนึ่งที่แสดงออกว่าชอบ หรือรักเด็ก แต่เป็นความรักที่เกินขอบเขต แบบคลั่งไคล้ ต้องการให้เด็กเป็นของตัวเอง ซึ่งอาจนำไปสู่การนำเด็กไปบำบัดความใคร่

เด็กที่มีความเสี่ยงตกเป็นเป้าหมาย มักอยู่ในช่วงก่อนวัยเจริญพันธุ์ไปถึงช่วงอายุ 13 ปี ดังนั้น จึงมีทั้งกลุ่มเด็กทารก  เด็กอนุบาล  และเด็กวัยประถม

จุดสังเกตผู้ป่วยโรคใคร่เด็ก มักเป็นชายอายุ 35-40 ปี , ไม่ค่อยมีความสุขกับคู่วัยเดียวกัน , เกิดความรู้สึกหรือมีจินตนาการทางเพศเฉพาะกับเด็ก , พยายามเข้าใกล้  ตีสนิท หลอกล่อให้เด็กเชื่อใจ ,  มักเป็นคนในครบอครัว หรือคนใกล้ชิด และชอบความสัมพันธ์ซ้ำๆกับเด็กทั้งคนเดิมและคนใหม่

รูปแบบกระทำทางเพศกับเด็ก แบ่งได้ทั้ง “ไม่มีการสัมผัสร่างกาย” เช่น แอบดูตอนอาบน้ำ พูดจาลวนลาม เปลือยกายให้เด็กดูอวัยวะ หรือดูภาพ และคลิปลามก “สัมผัสร่างกาย แต่ไม่ได้ล่วงล้ำไปในอวัยวะเพศ” เช่น กอด จูบ ลูบ คลำอวัยวะเพศเด็ก , ให้เด็กจับอวัยวะเพื่อสำเร็จความใคร่ “ล่วงละเมิดทางเพศ” เช่น บังคับ ข่มขู่ให้เด็กเก็บเป็นความลับ , กระทำชำเราซ้ำๆ , ทำร้ายร่างกาย หรือฆ่า

ปัจจุบันกฎหมายของไทยพฤติกรรมใคร่เด็กมีบทลงโทษหนักถึงขั้น“จำคุกตลอดชีวิต” แบ่งเป็น “กระทำอนาจาร” เด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่  โทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 10,000-200,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ อายุไม่เกิน 15 ปี โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับ 200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

“กระทำชำเรา” อายุไม่เกิน 13 ปี โทษจำคุก 7-10 ปี และปรับ 140,000-400,000 บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต อายุไม่เกิน 15 ปี โทษจำคุก 5-20 ปี และปรับ 100,000-400,000 บาท

“ครอบครองสื่อลามกอนาจาร” กรณี“ครอบครอง” โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ “ส่งต่อ” โทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ “เผยแพร่”โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อาชญากรรมทางเพศมักเกิดขึ้นในที่ปกปิด การให้ข้อสังเกตพฤติกรรม อาจช่วยเพิ่มความระมัดระวังให้ทั้งเด็กและผู้ปกครองป้องกัน หรือไหวตัวทันได้อีกทางหนึ่ง.

ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน

[email protected]