นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท. บอกว่า  ขณะนี้ ทอท. ยังไม่ได้เข้าบริหารจัดการท่าอากาศยาน 3 แห่งของทย.  ได้แก่ ท่าอากาศยานอุดรธานี, ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ และท่าอากาศยานกระบี่ (ตามนโยบายรัฐบาลชุดที่แล้ว)  เนื่องจากต้องรอให้ทั้ง 3 สนามบินได้รับใบรับรองการดำเนินงานสนามบินสาธารณะ  จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) ก่อน

 ทย. อยู่ระหว่างขอใบรับรองฯ  เมื่อ ทอท. ได้รับสิทธิ์เข้าไปบริหารจัดการแล้ว พร้อมลงทุนพัฒนาสนามบินตามกรอบวงเงินเดิม 10,360 ล้านบาท เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของสนามบินและพัฒนาศักยภาพรองรับผู้โดยสารต่อไป

อย่างไรก็ตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงคมนาคม ได้หารือร่วมกันถึงนโยบายของรัฐบาลที่จะให้ ทอท. เข้าบริหารจัดการท่าอากาศยาน ของ ทย. อีก 25 แห่ง รวมเป็น 28 แห่ง จากทั้งหมดที่เหลืออีก 26 แห่ง ยกเว้นท่าอากาศยานตาก ซึ่งเป็นสนามบินที่ไม่ได้ให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์

จุดประสงค์ของการโอนสนามบินของทย.ให้ทอท. ดูแลแทน  เพื่อลดภาระงบประมาณที่รัฐต้องจัดสรรให้ ทย. (ซึ่งเป็นส่วนราชการ) นำไปใช้บริหารจัดการสนามบินปีละประมาณ 3-4 พันล้านบาท โดยมอบให้ ทอท.(มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจและอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ) ไปศึกษา และวิเคราะห์รูปแบบ รวมถึงแนวทางบริหารจัดการสนามบินของทย. ที่เหลือทั้งหมด จะใช้เวลาศึกษาฯ ราว 6 เดือน คาดว่าจะได้ข้อสรุปรายละเอียดต่างๆ รวมถึงจะเข้าบริหารสนามบินใดเพิ่มเติมบ้างภายในปลายปี 2567

เบื้องต้น ทอท. มีแนวทางจะเสนอจัดตั้งบริษัทลูก เพื่อบริหารจัดการสนามบินของ ทย. โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นโดย ทอท. และหน่วยงานของรัฐ รับบริหารทรัพย์สินของรัฐ อาทิ กองทุนรวมวายุภักดิ์ เพื่อให้มีความคล่องตัวทางการเงิน และไม่กระทบกับ ทอท.โดยตรง   

นายกีรติ บอกด้วยว่า  ทอท. ไม่เห็นด้วยให้สนามบินมารวมอยู่ที่ ทอท. ทั้งหมด เพราะจะทำให้ ทอท. อุ้ยอ้าย จึงต้องหาวิธีที่ทำให้สนามบิน ทย. ที่ ทอท.จะเข้าไปบริหารจัดการอยู่ได้ด้วยตัวเอง  ยังอยู่ระหว่างพิจารณาว่า 3 สนามบินแรกจะให้อยู่กับ ทอท. หรือบริษัทลูก คาดว่าจะได้ข้อสรุปปีนี้   แม้รัฐบาลมีนโยบายให้ ทอท. เข้าไปบริหารจัดการท่าอากาศยานของ ทย. ทั้งหมด ก็ไม่ได้หมายความว่า ทอท. ต้องรับครบทั้งหมด เพราะต้องวิเคราะห์ด้วยว่า สนามบินนั้นๆ เมื่อรับบริหารจัดการแล้ว สามารถทำประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้หรือไม่  เป็นสิ่งที่ ทอท. ต้องตอบผู้ถือหุ้นด้วย จากการพิจารณาเบื้องต้น ทุกท่าอากาศยานมีศักยภาพเชิงพาณิชย์ อาทิ ท่าอากาศยานขอนแก่น, ตรัง, นครศรีธรรมราช, แพร่, น่าน และแม่ฮ่องสอน เป็นต้น

จากข้อมูลพบว่า ทุกวันนี้ ทย. นำรายได้จากท่าอากาศยานกระบี่ไปใช้ในการบริหารจัดการท่าอากาศยานอื่นๆ ที่เหลือ ดังนั้นหาก ทอท. รับท่าอากาศยานมาทั้งหมด ก็ต้องหารือกันใหม่เรื่องเงินชดเชยเข้ากองทุนเงินทุนหมุนเวียน ทย. ด้วย โดยก่อนหน้านี้ 3 สนามบินแรก ทอท. จะชดเชยรายได้ที่ ทย. เคยได้รับจากท่าอากาศยานกระบี่เข้ากองทุน ทย. ตามจริงอาทิ ปีละ 200 ล้านบาท ก็ชดเชย 200 ล้านบาท  เมื่อทอท. ต้องรับท่าอากาศยานอื่นๆ มาด้วย ก็ไม่ควรต้องชดเชย เพราะ ทอท. ต้องหารายได้มาบริหารอีก 3-4 พันล้านบาท จากเดิมที่ ทย. ได้รับจากรัฐปีละ 3-4 พันล้านบาท เพื่อไม่ให้ผลประกอบการท่าอากาศยานขาดทุน  ทั้งหมดเมื่อได้ข้อสรุปแล้ว ต้องเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาต่อไป 

ส่วนคำถาม??…ว่า  ภารกิจของทย. หลังจาก ทอท. เข้าบริหารสนามบินแทน ทย. จะเป็นอย่างไร ??…. นายกีรติ  ให้ข้อมูลว่า  เบื้องต้น ทย. จะทำหน้าที่ก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน หรือสนามบินใหม่เป็นหลัก และให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจเข้ามาบริหารจัดการ รวมทั้งพัฒนา และขยายขีดความสามารถของสนามบินในอนาคต ส่วนบุคลากรของ ทย. มี 2 แนวทาง คือ 1.โอนย้ายกลับไปยังกระทรวงคมนาคม และ 2.สมัครเข้าเป็นพนักงานของบริษัทลูกของ ทอท.

นโยบายการโอนสนามบินของทย.ไปให้ทอท. เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี2562  ในขณะนั้นอดีตอธิบดีทย.อัมพวัน  วรรณโก เป็นลูกหม้อของทย. ออกมาค้านสุดตัว จนถูกการเมืองเด้งไปนั่งเก้าอี้ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม  เพราะไม่สนองนโยบาย 

จากนั้นมาทย.ก็มีอธิบดีที่ได้รับการแต่งตั้งข้ามห้วยจากกรมทางหลวงทั้งหมด รวมถึงคนล่าสุด  นายดนัย เรืองสอน วิศวกรใหญ่ที่ปรึกษาวิชาชีพเฉพาะด้านวิศวกรรมโยธา (ด้านอำนวยความปลอดภัย) (วิศวกรโยธาทรงคุณวุฒิ)  กรมทางหลวง  ได้รับการแต่งตั้งจากที่ประชุมครม.เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2567) ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมท่าอากาศยาน …และไม่มีข้าราชการคนใดที่กล้าคัดค้านหรือแสดงท่าทีไม่พอใจเพราะหวาดกลัวพลังการเมือง

จะมีก็แต่สุ้มเสียงประชาชนและผู้โดยสารที่ไม่เห็นด้วยอย่างต่อเนื่อง  ลำพังจะโอนแค่ 3 สนามบิน”กระบี่  อุดรธานี และบุรีรัมย์”    แม้ทอท.จะออกมาชี้แจงเหตุผลและสร้างความเข้าใจ  แต่เสียงส่วนใหญ่ก็ยังต่อต้าน   โดยมองว่าทย.บริหารจัดการสนามบินได้ดีกว่าทอท.  และใช้งบประมาณแผ่นดินลงทุนพัฒนา3 สนามบินไปหลายพันล้านบาท  ไม่ต้องการให้ทอท.ชุบมือเปิบฮุบสมบัติชาติไปแสวงหาผลกำไร  ควรพัฒนาสนามบิน6แห่งของตัวเองให้ดีก่อน  ที่สำคัญกังวลว่าค่าธรรมเนียมรวมทั้งบริการต่างๆของ3สนามบินจะแพงขึ้นดุเดือดยิ่งขึ้นเมื่อจะฮุบไปทั้ง 28 สนามบินภูธร  เกิดกระแสสวนกลับนโยบายรัฐบาล…จากประชาชนและผู้โดยสารว่า…แทนที่จะให้ทอท.ยึดสนามบินภูมิภาคทั้ง 28 แห่ง  น่าจะให้ทย.บริหารจัดการสนามบินในประเทศไทยทั้ง 34 แห่ง(รวมของทอท.ด้วย 6 แห่ง) เหมาะสมกว่า.

—————
นายสปีด

คลิกอ่านบทความทั้งหมดที่นี่

***ห้ามคัดลอกเนื้อหาในบทความและนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต