แม้เด็ก ๆ จะเรียนออนไลน์เจอหน้าคุณพ่อคุณแม่และอยู่บ้านด้วยกันทั้งวัน แต่ปิดเทอมคือปิดเทอมครับ หยุดพักจากหน้าจอกันบ้าง ต้องออกไปเที่ยวพักผ่อน ผมได้เห็นโปรโมชั่นสุดคุ้มแถวศรีราชา “ห้องพักแถมมื้ออาหารเย็น” หรือจะเป็น “มื้ออาหารเย็นแถมห้องพัก” ก็ได้ เพราะรวมทั้ง 2 อย่างนี้ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่สองพันบาทต้น ๆ

พอเห็นดีลที่ดีขนาดนี้ตัดสินใจไม่ยากครับ อยู่ใกล้กรุงเทพฯ ด้วย ผมยกครอบครัวไปทันที ใช้เวลาเพียงชั่วโมงครึ่งก็ถึงศรีราชาแล้ว ผมแวะกินอาหารกลางวันที่ร้าน “มุมอร่อย” ก่อนเข้าไปพักที่ Oakwood Hotel & Residence Sri Racha ที่นี่ถือว่าเป็นโรงแรมที่ใหม่มาก เพิ่งสร้างเพียง 3 ปี…เห็นว่าได้รับรางวัลมากมายตั้งแต่เปิดมา ไปถึงสังเกตง่ายเลยครับ ตึกที่สูงที่สุดในบริเวณนั้น (มี 48 ชั้น 458 ห้อง)

ผมประทับใจตั้งแต่เห็นหน้าโรงแรมแล้วครับ ห้องโถงล็อบบี้กว้างใหญ่เพดานสูง มีงานศิลปะประดับตกแต่งตามจุดต่าง ๆ เจ้าหน้าที่ของโรงแรมบอกว่าทุกอย่างที่นี่เป็นฮวงจุ้ยหมด อย่างเช่นประติมากรรมที่เป็นรูปปลาว่ายวนก็แปลความหมายได้ว่า อยากให้ลูกค้าวนเวียนเข้ามาพักอีกบ่อย ๆ

ผมเลือกห้องพักแบบ One Bedroom Premium – Seaview (ราคาแพ็กเกจโปรโมชั่น 2,799 บาท) จะเห็นวิวทะเล มองเห็นท่าเรือข้ามฟากเกาะลอยที่จะข้ามไปขึ้นที่เกาะสีชัง ห้องพักจะดูยาวหน่อย แต่มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ผมคิดว่าที่นี่เป็น Apartment สำหรับผู้ที่อยู่แบบ Long Stay ด้วยแหละครับ จึงมีตู้เย็นใหญ่แบบมีช่องฟรีซ เตาไฟฟ้า เครื่องซักผ้า พร้อมอยู่ยาวมาก มีสมาร์ททีวี 43 นิ้ว ให้ทั้งห้องรับแขกและห้องนอน…อ้อ มี Welcome Box ที่เป็นผลิตภัณฑ์จากสับปะรดวางไว้ให้ด้วยนะครับ เพราะสับปะรดนี่เป็นผลไม้ขึ้นชื่อของอำเภอศรีราชา มีคุกกี้ แครกเกอร์ และสับปะรดกวน จัดใส่กล่องมาอย่างดี

สิ่งที่ผมชอบ 3 อย่างในห้องนี้คือ ขนาดเตียงที่กว้างและยาวเหมาะกับคนตัวใหญ่อย่างผม ผมว่าเตียงนี้กว้างเป็นพิเศษด้วยครับ นอนกัน 3 คนพ่อแม่ลูกได้เลย หมอนและฟูกคือสุดยอดครับ เรียกว่าจะเป็นเตียงดูดวิญญาณก็ไม่ผิดนัก ผมเข้านอนท่าไหน ผมตื่นมาท่าเดิมเลย แสดงว่าหมอนและฟูกมันนอนสบายแบบไม่ต้องพลิกไปพลิกมา สุดท้ายคือ ชักโครกในห้องน้ำ ที่นี่ใช้ชักโครกแบบญี่ปุ่น เป็นระบบปุ่มกดทั้งหมด ผมชอบที่ตอนกลางคืนลุกมาเข้าห้องน้ำ แล้วมีระบบอุ่นฝาชักโครกให้ด้วย ดีงามมากครับ

มื้อเย็นผมขึ้นไปรับประทานอาหารชั้น 48 ชั้นสูงสุดของโรงแรม ขึ้นไปราว ๆ 5 โมงเย็น เพื่อไปชมพระทิตย์ลับขอบฟ้าที่นั่น ต้องไปเร็วนิดนึงครับเพราะเผลอแป๊บเดียวพระอาทิตย์ตกเร็วมาก ส่วนอาหารที่นี่จะเป็นดินเนอร์ที่สั่งเป็นเซตไว้ล่วงหน้า (เป็นแพ็กเกจที่มากับห้องพัก) ผมเห็นเมนูน่าสนใจหลายเมนู เช่น เซตสะเต๊ะบางพระ ที่มีหมูสะเต๊ะ กุ้งสะเต๊ะ และไส้กรอกอีสานเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย พิซซ่าไก่ย่างส้มตำ เป็นการผสมผสานอาหารอิตาเลี่ยนกับอาหารไทย แต่ผมสั่ง SET D ที่มี Fish & Chips เป็นของกินเล่น ชุดนี้ลูกชอบเพราะได้บีบมะนาวลงที่ปลาทอดและจิ้มกินกับซอสทาร์ทาร์ สเต๊กปลาแซลมอนกับสลัด อาหารเพื่อสุขภาพ ปลาหมึกทอดเกาะสีชัง เด็ดตรงใส่ซอสศรีราชานี่แหละครับ และ สปาเกตตีผัดพริกแห้งกุ้ง จานนี้ภรรยาชอบมากเพราะให้กุ้งเยอะและเนื้อกุ้งเด้งดี ส่วนผมชอบเชฟครับ “เจ๊ทาทา” ถือว่าเป็นเชฟที่สร้างสีสันให้กับห้องอาหารนี้ ถ้าเจ๊…เอ้ย…เชฟไม่ยุ่งเกินไป ชวนคุยได้นะครับ เพราะเชฟอารมณ์ดีและมีเสียงหัวเราะเป็นเอกลักษณ์

สำหรับท่านที่หิวดึก บอกได้เลยว่าสบายมาก เดินออกไปหน้าโรงแรมมีห้าง Atara Mall ที่มี Maxvalu ที่ให้ไปตุนของกิน โดยเฉพาะอาหารและขนมญี่ปุ่นได้ถึงสามทุ่ม

กิจกรรมสำหรับครอบครัวมีมากมายครับ ถ้าเป็นแนวสนุกตื่นเต้นเสียเหงื่อหน่อย ผมเอา surfskate ไปเล่นที่ลานหน้าโรงแรม มีฟิตเนสห้องใหญ่อุปกรณ์ออกกำลังกายเพียบ มีห้องตีกอล์ฟ ห้องโยคะ ส่วนภรรยาและลูกชายชอบเล่น Air Hockey ที่ชั้นล่างแถวล็อบบี้ ไฮไลต์คือ สระว่ายน้ำเห็นวิวทะเล หรือถ้าใครชอบเงียบ ๆ จะมีห้องสมุดและโซนพักผ่อนชั้นลอยด้านนอก ถ้าต้นเดือนหน้ารัฐบาลคลายล็อกดาวน์เตรียมเปิดประเทศ ก็จะมีออนเซนที่เปิดให้บริการ มีห้องเกมเล่นพูล ห้อง Playroom สำหรับเด็ก และห้องคาราโอเกะสำหรับร้องเพลง นอกจากนี้จะมี Sky Bar ที่อยู่เหนือห้องอาหาร ไว้ชมวิวยามค่ำคืน สวยสุด ๆ ครับ

ถ้าท่านผู้อ่านกำลังหาที่พักผ่อนใกล้ ๆ กรุงเทพฯ ลองดูโปรโมชั่นนี่นะครับ ผมว่าสุดคุ้มเลยสำหรับการพักผ่อนกับครอบครัวช่วงปิดเทอมครับ https://www.facebook.com/1890834721156421/posts/3004086053164610

………………………………………..
คอลัมน์ : ก้อนเมฆเล่าเรื่อง
โดย “น้าเมฆ”
https://facebook.com/cloudbookfanpage