แม้เศรษฐกิจของอินโดนีเซีย ขยายตัวประมาณ 5% ต่อปี แต่พล.ท.ปราโบโว ให้คำมั่นว่าจะใช้ประโยชน์จากนโยบายต่าง ๆ ของวิโดโด เพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ 8% โดยอาศัยทรัพยากรมนุษย์ขนาดใหญ่ของประเทศ
ความยากจน ความหิวโหย และความทุกข์ของประชาชน” พล.ท.ปราโบโว กล่าวในสุนทรพจน์หลังได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา
สำหรับการเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ พล.ท.ปราโบโว หวังพึ่งพาโครงการระดับชาติขนาดใหญ่, ทรัพยากรธรรมชาติอันมหาศาลของประเทศ และความพยายามในการลดอัตราความยาดจนให้ได้มากกว่า 9%
นอกจากคำมั่นเกี่ยวกับการดำเนินแผนเศรษฐกิจยอดนิยมของวิโดโดต่อไปเป็นส่วนใหญ่ พล.ท.ปราโบโว ยังส่งสัญญาณถึงความพยายามโดยตรงมากขึ้น ในการบรรเทาความยากจนในอินโดนีเซีย ซึ่งคำมั่นสำคัญในการรณรงค์หาเสียงของเขา คือ แผนจัดหาอาหารฟรีให้กับเด็กนักเรียน และสตรีมีครรภ์หลายสิบล้านคนทั่วประเทศ มูลค่าประมาณ 28,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 928,000 ล้านบาท) โดยแผนการนี้จะเริ่มดำเนินการในเดือน ม.ค. 2568 และจะช่วยยุติการชะงักงันของการเติบโตทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวเผชิญกับเสียงวิพากวิจารณ์ เกี่ยวกับปัญหาด้านโลจิสติกส์และต้นทุน โดยบางคนตั้งข้อสงสัยถึงวิธีดำเนินแผนการให้สำเร็จ ควบคู่กับการรักษาระดับการใช้จ่ายให้อยู่ในกรอบการขาดดุลการคลังประจำปี ซึ่งอยู่ที่ 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย
อนึ่ง วิโดโดให้ความสำคัญกับโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น ถนน, สะพาน และสนามบิน โดยมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงหมู่เกาะต่าง ๆ ของอินโดนีเซียให้ดียิ่งขึ้น แต่ผู้สันทัดกรณีหลายคนกล่าวว่า พล.ท.ปราโบโว จะเบี่ยงเบนออกจากสิ่งนั้น เพื่อทำให้คำมั่นสัญญาของเขากลายเป็นจริง ในการเปลี่ยนอินโดนีเซียให้เป็น “ประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้าและพัฒนาแล้ว”
“เขาจะไม่เดินตามรอยวิโดโดอย่างไม่ลืมหูลืมตา แต่เขาก็จะไม่ละทิ้งหรือเพิกเฉยกับทุกสิ่งโดยสิ้นเชิงเช่นกัน ดังนั้นจึงเรียกได้ว่า เขาอยู่บนทางสายกลาง” นายโยเซ ริซาล ดามูรี นักเศรษฐศาสตร์จากศูนย์การศึกษายุทธศาสตร์และระหว่างประเทศ (ซีเอสไอเอส) กล่าว
ขณะเดียวกัน พล.ท.ปราโบโว กำลังรับช่วงต่อโครงการมรดกของวิโดโด มูลค่า 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.06 ล้านล้านบาท) ในการย้ายเมืองหลวงจากกรุงจาการ์ตา ไปยังกรุงนูซันตารา เมืองสีเขียวที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเกาะบอร์เนียว ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
กระนั้น สิ่งที่น่าจับตามองคือ แม้พล.ท.ปราโบโว ให้คำมั่นว่าจะดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไป แต่ก็มีการคาดการณ์ว่า เขาจะระงับโครงการนี้ไว้ชั่วคราว หรือตัดสินใจให้กรุงจาการ์ตา เป็นเมืองหลวงของอินโดนีเซียเหมือนเดิม เนื่องจากกรุงนูซันตารา จะยังไม่พร้อมจนกว่าจะถึงปี 2588 อีกทั้งการก่อสร้างอย่างรวดเร็วได้ผลาญงบประมาณของรัฐบาลไปแล้วอย่างมหาศาล.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : AFP