ช่วงนี้ภาพยนตร์ระดับบล็อกบัสเตอร์กำลังทยอยฉายในโรงภาพยนตร์กันอย่างต่อเนื่อง จนทำเอาคอหนังดูตามแทบไม่ทัน ขณะที่แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของค่ายดังอย่าง Netflix ก็ยังคงกระแสความแรงจาก Squid Game ไว้ได้อีกสัปดาห์ เพราะยังติดชาร์ต Top 5 ชนิดแรงไม่ตก อย่างไรก็ตาม สัปดาห์นี้ปรากฏว่ามีซีรีส์เกาหลีที่มาแรงแซง Squid Game ขึ้่นมารั้งอันดับ 2 นั่นก็คือ “My Name” ซีรีส์แนวแอ๊คชั่นดราม่าทริลเลอร์ ซึ่งมีดารานำแสดงอย่าง “ฮันโซฮี” ที่มารับบท “ยุนจีวู” เด็กสาวที่ถูกกลุ่มมาเฟียชุบเลี้่ยง เพื่อให้เข้าไปแทรกซึมกับฝ่ายตำรวจ หากใครเคยดู Infernal Affairs ก็จะมีลักษณะคล้าย ๆ กัน

                เรื่องย่อของ My Name ยุนจีวู” ในวัย 17 ปี ชีวิตเหมือนตกนรกทั้งเป็นเมื่อจู่ ๆ พ่อของเธอก็หายไปจากชีวิตกว่า 1 เดือน โดยมีกระแสข่าวว่าพ่อเป็นมือขวาของแก๊งมาเฟียค้ายาชื่อดัง มีตำรวจมาดักรอหน้าบ้านทุกวัน จนกระทั่งวันหนึ่งพ่อของเธอกลับมาหา แต่ยังไม่ทันเข้าประตูบ้านก็ถูกคนร้ายฆ่าตาย ระหว่างงานศพแก๊งมาเฟียที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี “ดงชอน” นำโดย “ชเวมูจิน” (รับบทโดย พัคฮีซุน) ได้มาร่วมเคารพศพด้วย นั่นจึงทำให้ “ยุนจีวู” รู้ว่าพ่อไปอยู่กับแก๊งมาเฟียรายนี้ก่อนตาย เวลาผ่านไปหลายเดือน แต่ตำรวจก็ยังไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ เมื่อไปร้องขอความเป็นธรรมกลับโดนเพิกเฉย จนสุดท้าย “ยุนจีวู” ทนไม่ไหว ต้องไปหาแก๊งมาเฟียเพื่อขอร้องให้ช่วยตามหาฆาตกร แน่นอนว่า “ชเวมูจิน” ยอมตกลงช่วยเหลือ แต่มีเงื่อนไขคือเธอต้องเข้าร่วมแก๊ง ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก และสุดท้ายต้องรับงานแฝงตัวเข้าไปเป็นตำรวจ เพื่อเป็นสายบอกข่าวให้แก่แก๊งในการค้ายา โดยกำลังพลในแก๊งพร้อมจะปกป้องเธอทุกอย่าง

                และเมื่อ “ยุนจีวู” ก้าวเข้ามารับหน้าที่ในแผนกปราบปรามยาเสพติด ทำให้เธอได้รู้จักกับ “จอนพิลโด” (รับบทโดย ฮันโบฮยอน) รุ่นพี่ตำรวจสายสืบสุดห้าว ผู้รักความเป็นธรรม แม้แรก ๆ ปากจะดูร้าย แต่เอาเข้าจริงกลับเป็นคนที่ห่วงใยพรรคพวกตำรวจเสมอ นอกจากนี้ยังมี “ชากิโฮ” (รับบทโดย คิมซางโฮ) หัวหน้าแผนกชุดสืบสวนรุ่นใหญ่ ผู้มีความแค้นส่วนตัวกับ “ชเวมูจิน” ซึ่งเขาสาบานว่าจะทำทุกวิถีทางที่จะจับกุมหัวหน้ามาเฟียรายนี้ให้จงได้ การแฝงเร้นกายจากสายโจรไปเป็นตำรวจไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ “ยุนจีวู” จำต้องทำงานอย่างรอบคอบ พร้อมกับสืบหาตัวฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเธอให้ได้ว่าเป็นฝีมือใครกันแน่!!

                ความโดดเด่น My Name คงหนีไม่พ้นนางเอกคนดัง “ฮันโซฮี” ที่รับบทของ  “ยุนจีวู” เพราะเธอเปรียบเสมือนสายลับ 2 หน้า ใจหนึ่งทำงานให้มาเฟีย แต่อีกใจทำงานให้ตำรวจ การวางบุคลิกของตัวละครจากสาวน้อยผมยาววัยรุ่นน่ารักสุดหวาน ต้องมากลายเป็นสาวผมสั้นเงียบขรึม ชกต่อยเก่ง และชอบลุยเดี่ยว ใบหน้าเปื้อนเลือดเปื้อนเหงื่อแทบทุก EP ที่สำคัญแววตาเศร้าหมองมีความทุกข์ใจอยู่ตลอดเวลาของตัวละครตัวนี้ “ฮันโซฮี” ตีบทแตกกระจาย จากภาพลักษณ์เดิม ๆ ในหนังเรื่อง Nevertheless ที่ถูกชวนไปดูผีเสื้อสุดโรแมนติก กลับกลายเป็นควงมีดไปกระซวกศัตรู ขณะที่บทคู่พระ-นางในเรื่องนี้ปูกันยาว ๆ จากเพื่อนคู่หูตำรวจกลายเป็นเพื่อนคู่คิด เปิดใจเพื่อรับฟังปัญหาราวกับเป็นแสงสว่างเล็ก ๆ ของกันและกัน เพราะต่างก็ผ่านสถานการณ์ที่หนักหน่วง เคมีของ “ฮันโบฮยอน” กับ “ฮันโซฮี” สร้างความโรแมนติกได้อยู่บ้าง

                ในส่วนของโปรดักชั่นและเสียงประกอบ บอกเลยว่าดีมาก ๆ รู้สึกได้ในทุกบรรยากาศ การเล่าเรื่องผ่านมุมมองของตัวเอกเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ได้สลับซับซ้อน เส้นเรื่องแบ่งเป็นการทำงานของตำรวจ และการสางแค้นเอาคืนของฝ่ายมาเฟีย ซึ่งจะมีตัวเอกเข้าไปเกี่ยวข้องในทุก ๆ เหตุการณ์ มุมมองของภาพจะเน้นมุมกว้างจากสถานจริง และมีบางจุดที่ดูไฮไลท์และสวยงาม เช่น บริเวณส่วนที่เป็นท่าเรือ มีฉากที่ทำให้ผู้ชมมีความรู้สึกร่วมกับสถานการณ์ เช่น มุมมองผ่านวงจรปิด กล้องติดตามตัว สร้างความกดดันและค่อนข้างตื่นเต้นเสมอในการไล่ล่า แอ๊คชั่นสตั้นแมนดูสมจริงไหลลื่น ไม่มีขาด ๆ เกิน ๆ ให้รู้สึกวุ่นวายใจ

                ข้อเสียของซีรีส์เรื่องนี้ที่มีอยู่ 8 EP ก็คือมีฉากชวนสยองเลือดท่วมจออยู่ไม่ใช่น้อย ๆ เด็ก ๆ และคุณหนู ๆ ไม่ควรดู หากจะดูก็ควรมีผู้ปกครองกำกับอยู่ด้วย ที่แน่ ๆ เรื่องนี้เน้นความดาร์กและหดหู่ แทบไม่มีพลังบวกเลย แต่ก็ยังมีแฝงหลักปรัชญาชีวิตไว้หลายด้าน หลากหลายมุมมอง เพื่อให้ผู้ชมได้ย้อนกลับมาดูชีวิตจริง ๆ จนนำมาสู่คำถามที่ว่า

            “…การล้างแค้นเพื่อคนที่เรารัก กับความถูกต้อง อะไรคือสิ่งที่สำคัญมากกว่ากัน…”.

ภาณุพงศ์ ส่องสว่าง