ในช่วงรณรงค์หาเสียง ทรัมป์กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าวว่า เขาจะ “ปลดปล่อย” ภาคส่วนน้ำมันของสหรัฐ ด้วยการเพิ่มการผลิต และการจำกัดความเคลื่อนไหวที่มุ่งสู่พลังงานหมุนเวียน ซึ่งได้รับการผลักดันโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐคนปัจจุบันที่กำลังจะหมดวาระ
“เราจะมีรัฐบาลที่จะทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของสหรัฐ และไม่ดูหมิ่นด้วยการเรียกบริษัทเหล่านี้ว่าเป็น ผู้แสวงหากำไรจากสงคราม หรือผู้โก่งราคา เหมือนอย่างที่ไบเดนเรียกพวกเขา” นายแอนดรูว์ ลิโพว์ ประธานบริษัท ลิโพว์ ออยล์ แอสโซซิเอตส์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม คำมั่นสัญญาของทรัมป์ ที่จะเร่งการพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอย่างแข็งขันนั้น เป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกล่าวว่า ไม่ใช่ความสำคัญหลักของภาคส่วนนี้ ซึ่งเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ในอดีต ว่าไม่ลงทุนอย่างรอบคอบ
นายสจวร์ต กลิคแมน จากบริษัท ซีเอฟอาร์เอ รีเสิร์ช กล่าวว่า ผู้ผลิตหลายรายมีพื้นที่หลายเอเคอร์ ซึ่งสามารถขุดเจาะได้ และบางพื้นที่ก็อยู่ระหว่างการขุดเจาะ แต่พวกเขาก็พยายามเอาใจผู้ถือหุ้นด้วย และผู้ถือหุ้นเหล่านี้ต้องการเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืน เช่นเดียวกับปริมาณน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
กระนั้น การเพิ่มปริมาณการผลิตอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์แล้ว ก่อให้เกิดความเสี่ยงของภาวะสินค้าล้นตลาด โดยขึ้นอยู่กับว่า อุปสงค์ระยะกลางจะพัฒนาอย่างไรในสถานที่ต่าง ๆ เช่น จีน ซึ่งมีแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน
นอกจากนี้ การผลิตที่สูงขึ้นอาจเพิ่มแรงกดดันที่ทำให้ราคาน้ำมันต่ำลง ในช่วงเวลาที่เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสินค้าโภคภัณฑ์เช่นกัน
อนึ่ง การผลิตน้ำมันของสหรัฐ เริ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อช่วงทศวรรษที่ 2010 เนื่องจากมีกระบวนการใหม่อย่างการสกัดน้ำมันจากชั้นหิน แต่อุตสาหกรรมภายในประเทศก็เผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมา
ด้านนายดาร์เรน วูดส์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัท เอ็กซอนโมบิล กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า การลงทุนในอุตสาหกรรมได้รับอิทธิพลจากความพยายามในการสร้างผลกำไร มากกว่าคำถามเกี่ยวกับกฎระเบียบ ซึ่งเขาคิดว่า ระดับการผลิตน้ำมันในสหรัฐ ไม่ได้ถูกควบคุมด้วยข้อจำกัดภายนอก แต่ขับเคลื่อนโดยวินัยภายในอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ ความไม่สบายใจอีกประการหนึ่งในภาคส่วนน้ำมันของสหรัฐ คือ แนวทางการเผชิญหน้าด้านการค้าของทรัมป์ ซึ่งอาจทำให้ภาษีนำเข้าสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าที่มาจากจีน ส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัว ทั้งในสหรัฐและทั่วโลก รวมถึงลดอุปสงค์เชื้อเพลิงเหลว ตลอดจนทำให้ราคาน้ำมันต่ำลง และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมัน
แต่ถึงอย่างนั้น อุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ จะได้รับผลประโยชน์ เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่า ทรัมป์จะถอนตัวออกจากการลงทุนเปลี่ยนผ่านพลังงาน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลของไบเดน อีกทั้งมีแนวโน้มว่า ราคาน้ำมันจะสูงขึ้นในระยะกลาง.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES