แม้เป็นแค่ต้นเดือนธ.ค. แต่พรีเมียร์ลีก อาจได้แชมป์แล้ว ในวันอาทิตย์นี้ ถ้าหาก ลิเวอร์พูล เปิดแอนฟิลด์ชนะ แมนฯ ซิตี เพราะจะทำให้หงส์แดงนำโด่งถึง 11 คะแน

ฤดูกาลอาจผ่านไป 13 เกม เหลืออีกถึง 25 เกม แต่จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ทีมที่โกยแต้มนำคู่แข่งได้มากขนาดนี้ มักจะลงเอยด้วยการคว้าแชมป์มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์

ยิ่งดูฟอร์ม ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ อาร์เนอ สลอต ยิ่งดูเหมือนว่า จะไม่มีอะไรมาหยุดพวกเขาได้

เพราะเล่นไป 19 เกมในทุกรายการ แพ้กับเสมอแค่อย่างละเกม นอกนั้นอีก 17 เกมชนะหมด โดยในแชมเปี้ยนส์ ลีก และ คาราบาว คัพ ก็ชนะทุกเกม

ต่างกับ แมนฯ ซิตี ที่ไม่ชนะมาถึง 6 เกม และเป็นการแพ้ 5 จาก 6 เกมด้วย

ทุกอย่างตอนนี้จึงดูเข้าทางหงส์แดงไปหมด และโอกาสแชมป์สดใสแบบสุดๆ

แต่คุณคิดว่าลีกฟุตบอลอันดับ 1 ของโลก ที่อะไรก็เกิดขึ้นได้อย่าง “พรีเมียร์ลีก” จะจบลงง่ายๆแบบนี้อย่างนั้นหรือ

และฤดูกาลนี้จะไม่มีอะไรตื่นเต้นให้ลุ้นกันอีกแล้วหรือ?

เชื่อว่าทั้ง ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี รวมถึงแฟนบอลอย่างพวกเรา คงรู้คำตอบกันดี?

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ลิเวอร์พูล – แมนฯ ซิตี
วันที่: อาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม 2567
เวลา: 23.00 น.
สนาม: แอนฟิลด์
ถ่ายทอดสด: ทรู พรีเมียร์ 1

ลิเวอร์พูล
“หงส์แดง” ฟอร์มแกร่งแบบต่อเนื่อง ล่าสุด เปิดแอนฟิลด์ชนะ รีล มาดริด 2-0 ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ขณะที่ในลีก สัปดาห์ก่อน บุกไปเฉือน เซาแธมป์ตัน 3-2 ทำให้นำโด่งเป็นจ่าฝูง โดยเตะ 12 นัด มี 31 คะแนน ทิ้งห่าง แมนฯ ซิตี 8 คะแนน และถ้าชนะเกมนี้ จะนำห่างถึง 11 คะแนน

แต่เกมนี้ อาร์เนอ สลอต กุนซือดัตช์ ต้องเช็ก คอนนอร์ แบรดลีย์ แบ๊กขวาดาวรุ่ง ที่เจ็บเอ็นหลังเข่าจากเกมกับ มาดริด ขณะที่ อิบราฮิมา โกนาเต ก็ต้องเข้ารับการดูแลจากแพทย์หลังจบเกม แต่อาจได้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ หายเจ็บกลับมา หลังมีชื่อเป็นตัวสำรอง เมื่อกลางสัปดาห์ ส่วน อลิสซอน เบคเกอร์, คอสตาส ซิมิกาส, เฟเดริโก เคียซา และดีโอโก โชตา ยังไม่พร้อมทั้งหมด

การจัดทัพใช้ ควีวิน เคเลเฮอร์ เฝ้าเสา แดนหลังใส่ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ อิบราฮิมา โกนาเต เป็นคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ โดยมี เทรนท์ กับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เป็นแบ๊ก 2 ข้าง แดนกลางส่ง ไรอัน กราเฟนแบร์ก, อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ และ โดมินิค โซโบซไล ทำเกม ส่วน 3 แนวรุกใช้ หลุยส์ ดิอาส, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ดาร์วิน นูนเญส

แมนเชสเตอร์ ซิตี
“เรือใบสีฟ้า” กำลังอยู่ในช่วงวิกฤติ ไม่ชนะใครมา 6 เกมติดต่อกันเป็นครั้งแรกในชีวิตการคุมทีมของ เปป กวาร์ดิโอลา แถมแพ้ 5 จาก 6 นัดด้วย เมื่อกลางสัปดาห์ เปิดบ้านขึ้นนำ เฟเยนูร์ด ไปก่อน 3-0 แต่จบด้วยการเสมอ 3-3 ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ขณะที่ในลีก โดน สเปอร์ส บุกมายำถึง 4-0 ทำให้แพ้ 3 เกมติดในลีก และเตะ 12 นัด มี 23 คะแนน อยู่ที่ 2 ตาม ลิเวอร์พูล 8 คะแนน ถ้าแพ้จะตามถึง 11 คะแนน โอกาสลุ้นแชมป์แทบจะจบ แต่ถ้าชนะจะเหลือตามแค่ 5 คะแนน

เปป มีข่าวดีเล็กน้อย เมื่อ รูเบน ดิอาส กองหลังตัวหลัก กลับมามีชื่เป็นตัวสำรองในเกมกับ เฟเยนูร์ด ทำให้อาจลงเล่นได้ แต่ จอห์น สโตนส์, มาเตโอ โควาซิช, ออสการ์ บ็อบ และ โรดรี ยังเจ็บทั้งหมด และต้องเช็ก เจเรมี โดกู ด้วย

การจัดทัพใช้ เอแดร์ซอน เฝ้าเสา แดนหลังใส่ ดิอาส กับ มานูเอล อาคานจี เป็นคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ โดยมี ไคล์ วอล์คเกอร์ กับ ยอสโก กวาดิโอล เป็นแบ๊ก 2 ข้าง แดนกลางจัด อิลคาย กุนโดกัน, แบร์นาโด ซิลวา และ เควิน เดอ บรอยน์ คุมเกม พร้อมใส่ ซาวินโญ กับ ฟิล โฟเดน ทำเกมรุกสนับสนุน เออร์ลิง ฮาลันด์ กองหน้าตัวเป้า

ความน่าจะเป็นของเกม
ฤดูกาลที่แล้ว ในลีกเสมอกัน 1-1 ทั้ง 2 นัด ในเกมที่โคตรเดือดตั้งแต่ก่อนเกม แต่เกมนี้ สถานการณ์ต่างกันเยอะ และกุนซือ ลิเวอร์พูล ก็เปลี่ยนเป็น สลอต ที่จะพาหงส์แดงเจอกับเรือใบของ เปป นัดแรก แถมได้เล่นแอนฟิลด์ ทำให้ได้เปรียบทุกอย่างทั้งฟอร์ม, ความมั่นใจ, ความพร้อม และเสียงเชียร์ แต่ สลอต คงไม่สั่งเด็กลุยแหลกตั้งแต่ต้นเกม เพราะรู้ว่า แมนฯ ซิตี ต้องการแต้ม จึงต้องบุกใส่ก่อน

หงส์แดง จึงน่าจะเล่นรุดกุม เหนียวแน่น แล้วรอจังหวะโต้ ซึ่งมีทีเด็ดหลายคน และเป็นจุดสลบของเรือใบตอนนี้ เพราะไม่มีมิดฟิลด์ตัวรับอย่าง โรดรี หรือ โควาซิช คอยเบรกเกมคู่แข่ง ทำให้เจ้าถิ่นมีโอกาสชนะมากกว่าหรืออย่างแย่ก็น่าจะมีคะแนนติดมือ อยู่ที่ 1 หรือ 3 คะแนนเท่านั้น

ผลที่คาด
ลิเวอร์พูล ชนะ แมนฯ ซิตี 3-1