ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับการเปิดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยบริหารราชการแผ่นดินมากว่า 1 ปี เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 2 คน โดยมี นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร  มารับช่วงต่อจาก เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสอยร่วงเก้าอี้ วันนี้ คอลัมน์ตรวจการบ้าน” ต้องมาสนทนากับ ครูใหญ่ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล” รองหัวหน้าพรรคประชาชน ถึงศึกซักฟอกรอบนี้จะมีทีเด็ดหมัดน็อก โค่นรัฐบาลหรือไม่อย่างไร

 โดย“ศิริกัญญา”เปิดประเด็นศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้ ว่า เราว่างเว้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว ดังนั้นจึงเป็นการรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริง หลักฐานต่างๆ ที่เราเก็บสะสมมา เป็นระยะเวลากว่า 1 ปี ที่รัฐบาลได้ดำเนินการมา  โดยจะแบ่งเป็นเคสในเรื่องของการบริหารงานผิดพลาด และเรื่องของการคอร์รัปชั่น บางคนก็จะเรียกการบริหารงานผิดพลาดล้มเหลวเป็นเรื่องเชิงนโยบาย แต่สัดส่วนคือเราจะให้น้ำหนักในเรื่องการคอร์รัปชั่นมากกว่าน่าจะประมาณ 70:30 เพราะเราเข้าใจว่า ประชาชนอาจจะให้ความสนใจกับเคสที่เป็นเรื่องของการคอร์รัปชั่นค่อนข้างมาก แต่สำหรับเราก็ต้องเน้นในเรื่องของการบริหารที่ผิดพลาดด้วย เพราะหลายๆ ครั้งการบริหารงานผิดพลาดล้มเหลวของรัฐบาล สร้างความเสียหายให้กับประเทศได้มากกว่าเคสคอร์รัปชั่นหนึ่งเคสด้วยซ้ำไป อันนี้ก็จะเป็นเตรียมการอภิปรายฯในภาพรวม

ส่วนการที่จะอภิปรายตัวคณะรัฐมนตรีนั้น ก็มีการกระจายค่อนข้างมากไปในหลายๆ พรรคร่วมรัฐบาล แทบจะทุกพรรคร่วมรัฐบาล เราก็ไปเจอแผลต่างๆ มากมาย โดยที่พุ่งเป้าใหญ่ก็คงจะอยู่ที่ตัวนายกรัฐมนตรี ที่จะมีส่วนร่วมกับการตัดสินใจในหลายๆ เรื่องที่สำคัญๆ ถึงแม้นายกรัฐมนตรีคนนี้จะเข้ามาทำงานยังไม่นานนัก แต่เราก็เห็นจุดบกพร่อง และสิ่งที่จะทำให้มีปัญหาเกิดขึ้นได้ค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามมีหลายคนพยายามคิดกลยุทธ์มาให้เราเหมือนกันว่า เราควรอภิปรายฯแค่พรรคใดพรรคหนึ่ง เพื่อทำให้เกิดแนวร่วมจากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่

แต่เราก็ยังคิดว่าดูทรงทางพรรคร่วมรัฐบาลเอง ถึงแม้ว่าจะมีความระหองระแหงแตกร้าว หรือว่าเห็นแย้งกันในหลายๆ กรรม หลายๆ วาระ แต่ว่าเราก็ยังคงคิดว่าโอกาสนี้เป็นครั้งแรกในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เราคงเน้นพุ่งเป้าเปิดแผลตามข้อมูลข้อเท็จจริงที่เรามีมากกว่าที่จะใช้วิธีนี้เป็นกลยุทธ์ เหตุการณ์ในอดีตก็มีการอภิปรายพุ่งเป้าไปที่พรรคใดพรรคหนึ่ง  อภิปรายฯกันเรื่องเดียวเลย และสามารถคว่ำรัฐบาลได้ แต่เรายังคงคิดว่า เราจะใช้วิธีการตรงไปตรงมาของเราต่อไป คืออภิปรายฯทุกคนที่มีแผล

@การซักฟอกรัฐบาลรอบนี้จะเชื่อมโยงไปถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ด้วยหรือไม่
การอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นการอภิปรายฯคณะรัฐมนตรี ซึ่ง “ทักษิณ” ถึงแม้ว่าบทบาทจะใกล้เคียงกับการเป็นนายกฯ มากเข้าไปทุกวัน แต่ก็ไม่ได้อยู่ในคณะรัฐมนตรี  คนที่เราจะอภิปรายฯคือตัวรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่ตัว “ทักษิณ”เอง แต่รับรองว่ามีเรื่องที่คาบเกี่ยว เกี่ยวโยงไปที่คุณทักษิณแน่นอน

@ประเด็นเงินดิจิทัลวอลเล็ตยังอยู่ในการอภิปรายรอบนี้หรือไม่
เดี๋ยวจะเป็นการบอกข้อสอบไปหมด แต่คาดเดาได้ว่าปัญหาเรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องหนึ่งที่เราเห็นว่าเป็นความล้มเหลวของทางรัฐบาลในการกอบกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาได้ แน่นอนทั้งความคาดหวังจากประชาชนที่อยากเห็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทยนำพาเศรษฐกิจให้กลับมารุ่งโรจน์อีกครั้งหนึ่ง แต่ว่าก็ไม่สามารถทำได้และทำผิดพลาดในหลายๆ เรื่องที่ทำให้ประเทศเสียโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจกลับมาได้

ดังนั้นแน่นอนว่าดิจิทัลวอลเล็ตเป็นหนึ่งในโครงการที่เราจะอภิปรายถึง  ส่วนในเรื่องกองทัพและประเด็นความมั่นคงนั้น ก็มีหลากหลายรูปแบบมากในเรื่องของความมั่นคง เรียกว่าจัดใหญ่จัดเต็ม ไว้ลายสมัยที่เป็น “พรรคอนาคตใหม่ ก้าวไกล มาถึงพรรคประชาชน” ในเรื่องของความมั่นคง เราก็คงจะกัดไม่ปล่อย และมีหลายเรื่องทั้งเรื่องนโยบายและคอร์รัปชัน รวมๆ กันแล้วก็จัด“กระทรวงกลาโหม”หนักอยู่เหมือนกัน

@ ฝ่ายค้านได้วางตัวผู้อภิปรายไว้อย่างไรบ้าง
ตอนนี้คงต้องมีการพูดคุยกันในเรื่องเวลาทั้งหมดที่เราจะได้รับ และต่อรองกับทางฝั่งวิปรัฐบาล ในเรื่องของวันและเวลาด้วย ซึ่งเราจะดูตามเนื้อหาสาระไว้ก่อน และมีเข้าคิวอยู่เป็นจำนวนใกล้เคียงกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจในหลายครั้งที่ผ่านมา ซึ่งใกล้เคียงกับเวลาที่เคยได้ ก็จัดขุนพลไว้เต็มที่เช่นกัน ส่วนวันเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ต้องมีการพูดคุยกันระหว่างวิปฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาล ว่าจะเป็นช่วงไหน จึงจะเหมาะสม

แต่การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจคงจะเล็งไว้ประมาณสัปดาห์ที่ 2-3 ของเดือน ก.พ. และไปพูดคุยกันต่อว่ารัฐบาลจะว่างเมื่อไร และใช้เวลาในการอภิปรายฯ กี่วัน จึงจะกำหนดวันเวลาที่แน่นอนในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้ได้  โดยมีประเด็นที่จะอภิปรายประมาณ 20 เรื่อง และอาจจะมีรัฐมนตรีซ้ำกันบ้าง

@ การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้คาดหวังว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างไรต่อเสถียรภาพของรัฐบาล  
แน่นอนว่าเราอยากให้ผลของการอภิปรายฯของเราจะนำไปสู่การที่มีรัฐมนตรีถูกโหวตไม่ไว้วางใจ นั่นคือเป้าหมายที่เราอยากให้เป็นมากที่สุด แต่ถ้าจะนำเอาข้อมูลที่เราใช้ในการอภิปรายนำไปสู่การปรับ ครม. ก็เป็นเรื่องขั้นต่ำที่ควรจะเป็น  อย่างไรก็ตามหากผลการอภิปรายฯไม่เป็นไปได้ดังใจ หรือว่าสุดท้ายแล้วการปรับ ครม.ไม่เกิดขึ้น เพราะรัฐบาลคิดว่ายังอยู่ในสภาพที่ยอมรับกันได้ยอมรับกันไหว เราก็คงจะดำเนินการต่อในส่วนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คือการยื่นให้องค์กรอิสระต่างๆ เช่น ป.ป.ช. ตรวจสอบต่อไป ซึ่งเป็นกลไกปกติตามที่เราทำอยู่เสมอ เรียกได้ว่ามาเปิดแผลกันในสภา แล้วก็ไปทาเกลือต่อกันที่ ป.ป.ช.

@ อยากฝากอะไรถึงประชาชนที่รอติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
ประชาชนก็ส่งเสียงกันมาว่าฝ่ายค้านค่อนข้างที่จะเงียบไป หรือว่ามีดีลอะไรกันหรือเปล่าที่จะทำให้ไม่สู้เต็มที่ไม่ค้านเต็มตัว ก็ต้องบอกว่าให้รอชมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งน่าจะเป็นหมัดเด็ดที่โชว์ให้เห็นว่าในฐานะฝ่ายค้าน ด้วยอำนาจหน้าที่ที่เรามีเรายังทำงานตรวจสอบกันอย่างเข้มข้น ไม่ได้มีการเกี้ยเซียะ ไม่ได้มีดีลอะไร และตรวจสอบครบถ้วน ทั่วหน้าไม่ได้มีการยกเว้นให้ใครคนใดคนหนึ่งหรือพรรคใดพรรคหนึ่งอย่างแน่นอน

การทำงานเรายังเข้มข้นเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าสไตล์ของการเป็นฝ่ายค้านเราอาจจะไม่ได้เหมือนกับฝ่ายค้านในอดีตที่ผ่านมา แต่เราเน้นทำงานบนพื้นฐานของข้อมูลข้อเท็จจริง และไม่สร้างบรรยากาศของการค้านแบบหัวชนฝาหรือจับผิดในทุกๆ การกระทำทุกการก้าวย่างขนาดนั้น เราก็เน้นกันที่สาระสำคัญดีกว่า และขอให้ประชาชนรอติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจ คิดว่าเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราจะสามารถสืบทอดตำนานหรือยังคงรักษาผลงานที่เราเคยทำไว้ได้ดี ตั้งแต่สมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่ ก้าวไกล และพอมาเป็นพรรคประชาชนก็ยังคงที่เหมือนเดิม