@ติดตามความ”เคลื่อนไหว”ทางการเมือง ของ”รัฐบาล” และของ”พรรคเพื่อไทย” ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา”แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่”ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” เพื่อ”หาเสียง” ให้กับผู้สมัคร”นายกองค์กรบริหารส่วนจังหวัด” ในหลายจังหวัดของ”ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” หรือ (อีสาน ) ซึ่งหลายพื้นที่ต้อง”แย่งชิง” กลับมาจาก” พรรคภูมิใจไทย” ซึ่งเป็น”พรรคร่วมรัฐบาล” หลังการ”ห้ำหั่น”กันในเวที”การเมืองท้องถิ่น” ก็ติดติดตามการ”กลืนเลือด” ของ”ผู้”พ่ายแพ้” ตาม”วิสัยเสือ” ต้องไม่”ร้องเอ๋ง” ให้ใครได้ยิน เกมการเมือง”ท้องถิ่น” ของ”เพื่อไทย” ที่นำโดย”ทักษิณ ชินวัตร” อดีต”นายกรัฐมนตรี” ที่กลับมาครั้งนี้”มันจุกอก” ยาวนานถึง 17 ปีที่ต้อง”สัญจรไพร” ทุกอย่างที่”จุกอก” จึงถูก”ระบาย” ออกมา ทั้งจาก”คำพูด” และการ”กระทำ” เพราะไม่”ยั้งไมตรี” ไม่ว่ากับ”พรรคร่วม” หรือ”พวกเก่า” เพราะหาก”เพื่อไทย” ที่นำทัพโดย”ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้เป็น”บิดา” ของ”แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี”ตาม”รัฐธรรมนูญ” นั้นหมายถึงความ”ปลอดภัย” ในการที่นำ”เพื่อไทย” ให้เป็น”พรรคการเมือง” ที่ได้รับ”ชันชนะ” เป็น”อันดับหนึ่ง” ในการ”เลือกตั้ง สส.” ใน”สมัยหน้า ไม่ว่าเป็นการ”ยุบสภา” หรือการ”อยู่ครบเทอม”…..,
@การ”เคี่ยวเข็ญ” ให้” แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เพื่อ”ขับเคลื่อน”งาน”การเมือง” เป็นการ”สร้างภาพ” ให้เห็นถึงว่า”รัฐบาล” ยังมีความ”มั่นคง” และ”รักใคร่กลมเกลียว” ไม่มีการปรับ”ครม.” เพื่อ”เขี่ย” พรรคหนึ่งพรรคใดออกจากการเป็น”พรรคร่วม” และเป็นการ”การันตี” ว่า “รัฐบาล”ที่เป็น”พรรคร่วม” จะ “จับมือ” ก้าวผ่านปี 2568 ไปด้วยกัน ไม่มีการ”ยุบสภา” ไม่ว่าจะเป็นก่อนการ”อภิปราย”หรือหลังการ”อภิปราย”ไม่ไว้วางใจ” ของ”พรรคฝ่ายค้าน” ส่วนในเรื่อง”เศรษฐกิจ” ที่แม้จะมีการ”เข็น” โครงการจาก”รัฐบาล” ออกมา”มากมาย” แต่ใน”เร็ววัน” ก็ยังยากที่จะเห็นถึงความ”สำเร็จ” เหตุผลเพราะ”ประชาชน” ที่เป็น”คนส่วนใหญ่”ของประเทศนี้”จนกรอบจนเป็นข้าวเกรียบ” แตะตรงไหนก็”ปริแตก”ตรงนั้น โดยเฉพาะ”หนี้ครัวเรือน” รวมทั้ง”หนี้รถ” และ”หนี้บ้าน” ถ้าแก้ไม่ถูกจุด ปี 2568 จะเป็นปีที่”ฝีแตก” ทั้งบ้าน ทั้ง รถยนต์ จะกลายเป็น”สุสาน” ที่”เจ้าของ” ยอมให้ถูก”ยึด”โดย”เจ้าหนี้” วันนี้”มี”ลูกหนี้” ที่”ค้างจ่าย” ค่างวดไม่ต่ำกว่า 4 เดือน ขึ้นไป ถ้า”เจ้าหนี้” และ”ไฟแนนซ์” ยึดไปก็พร้อมที่จะให้ เพราะ”หมดตูด” ผ่อนไม่ไหวจริงๆ …..
@หลังจาก”ทัวร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” อุ๊งอิ๊ง “แพทองธาร ชินวัตร” ก็ถึงคิวที่จะลงพื้นที่”สามจังหวัดชายแดนภาคใต้” ใน”ภารกิจ”การ”กระตุ้นเศรษฐกิจ”โดยใช้เวลา วันเดียวจะมีการ”ตรวจราชการ”และประชุมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ถึง “สามจังหวัด” เริ่มต้นที่ “จังหวัดนราธิวาส” เพื่อติดตามความคืบหน้าของ”สะพานข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก แห่งที่ 2 “ โครงการ”รถไฟความเร็วสูงจาก” สุไหงโก-ลก” จังหวัดนราธิวาส ถึง “ชุมทางหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่ง”ประชาชน”เรียกร้องมานานนับ 10 ปี การแก้หนี้ ตาม นโยบายของ”กระทรวงยุติธรรม” และจะมีการ “ประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” ใน”จังหวัดปัตตานี “ เพื่อการ”ขับเคลื่อน”นโยบาย”ซอฟโลน” เพื่อ “ต่อลมหายใจ” ให้กับกลุ่ม”นักธุรกิจ”ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ สำคัญใน”กำหนดการ” ที่เห็นมาก่อนหน้านี้ จะมีการเดินทางไป”ร่วมประชุม” ที่”โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ” ซึ่งในอดีตเมื่อปี 2547 ”โรงเรียนธรรมวิทยา” มีผู้”บริหาร” ที่ชื่อ”สะแปอิง บาซอ” ที่เป็น”เลขาธิการขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น” ซึ่ง”หน่วยงานความมั่นคง” กล่าวว่าเป็น”แหล่งบ่มเพาะ” นำ “เยาวชน” ไปเป็น”สมาชิกขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น” ที่ใหญ่ที่สุดใน”สามจังหวัดชายแดนภาคใต้” ดังนั้นการที่”นายกรัฐมนตรี” เดินทางไป”ร่วมประชุม” ณ “โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ” ย่อมที่จะมี”นัย” ทางการเมืองใน”มิติ” ของการ”ดับไฟใต้” อย่างแน่นอน ……
@เชื่อว่าการเดินทางลงพื้นที่ของ”สามจังหวัดชายแดนภาคใต้” ครั้งนี้” หน่วยงานความมั่นคง” ต้องวาง”กำลัง” ในการ”อารักขา” เพื่อความ”ปลอดภัย”ของ” แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี แบบ”ไข่ในหิน” เพราะก่อนถึง กำหนดการเยือน”สามจังหวัดชายแดนภาคใต้”เพียงสามวัน” จักรยานยนต์บอมบ์” ที่เป็น”ระเบิดลูกแรก” ของปี 2568 ก็”ตูมสนั่น” ที่หน้า”เคทีปาร์ค” หรือ”ศูนย์เรียนรู้” ที่ตั้งอยู่ข้าง”สภ.เมืองปัตตานี” ซึ่งต้องถือว่าเป็นการ”วาระเบิดแสวงเครื่องกลางเมืองปัตตานี” ทำให้มีผู้”บาดเจ็บ” ทั้งที่เป็น”ตำรวจ” และ”อาสารักษาดินแดน” 9 นาย และมี”คนต่างชาติ” ที่เป็น”ชาวมาเลเซีย” บาดเจ็บอีก 1 คน ทรัพย์สินของ”ประชาชน” ทั้ง”อาคารพาณิชย์” และ” รถยนต์-จักรยานยนต์” ได้รับความ”เสียหาย”ไป จำนวนหนึ่ง นี้คือการ”ตอกย้ำ” ให้เห็นชัดว่าไม่มี”สถานที่ไหน” ที่”ปลอดภัย” สำหรับ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” เว้นแต่” กองกำลังติดอาวุธ” ของ”บีอาร์เอ็น” จะ”ทำ”หรือไม่”ทำ” เท่านั้น……
@หลังจากนั้น” ในเดือน “กุมภาพันธ์ 2568” จะมีการประชุม”ครม.สัญจร” ที่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อ”แสดง”ว่า”พรรคเพื่อไทย” ไม่ได้”ทอดทิ้ง” คน”ภาคใต้” ตามที่ถูก”กล่าวหา” ซึ่งขณะนี้”จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง” อยู่ระหว่าง เตรียมโครงการต่างๆ เพื่อที่จะนำเสนอต่อ”ครม.สัญจร” ที่จะมีการประชุมที่ “จังหวัดสงขลา” สำหรับ”ครม.สัญจร” ครั้งนี้ นโยบายที่ “รัฐบาล” ต้องนำเสนอต่อ”คนใต้” คือเรื่องของ”อินเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์” ที่เป็น”อภิมหาโปรเจกส์” ของ”รัฐบาล”ชุดนี้ ซึ่งมีการ”ผ่าน ครม.” ไปแล้ว …..เรื่องของ”อินเตอร์เท็นเม้นท์คอมเพล็กซ์” เป็นเรื่องที่”คนไทย” มีการ”วิพากษ์วิจารณ์” กันมาก ว่าเป็นการ”หาเงิน” เข้าประเทศโดยเอา”ธุรกิจการพนัน” ที่เป็นเรื่อง”อบายมุข” มาเป็น”จุดขาย” ซึ่งเรื่องนี้ยังเป็น”หนังยาว” แม้จะผ่านความ”เห็นชอบ”ของ”ครม.” แต่ยังมีอีก”หลายด่าน” ทั้ง”กฤษฎีกา” ทั้ง”สภาผู้แทนราษฎร” และ”สมาชิกวุฒิสภา” รวมทั้งการออกมา”คัดค้าน”ของ”กลุ่มคน”ที่ไม่เห็นด้วย ที่สำคัญต้อง”จับตา”ไปยัง”กลุ่มทุน” ว่าเป็น”กลุ่มไหน” และ”มี”คนการเมือง” รวมทั้ง”พรรคการเมือง” พรรคไหน ที่จะได้”ประโยชน์” จาก”โครงการ”บ่อนการพนันเสรี” ในครั้งนี้…….
@แต่ที่แน่ๆ การมี”บ่อนเสรี” ไม่ได้ทำให้”บ่อนเถื่อน” หมดไปจาก”ประทศไทย” เพราะ”บ่อนเสรี” เปิดเพื่อ”นักการพนันมืออาชีพ” ที่มีเงินเพื่อ”เล่นการพนัน” ตาม”กติกา”ของ”บ่อนเสรี” ส่วน”บ่อนเถื่อน” เป็น”บ่อนการพนัน”ของ”ประชาชน” อีก”ชนชั้นหนึ่ง” ที่ไม่ใช่”ลูกค้า”ของ”บ่อนเสรี” ที่ตั้งอยู่ใน”อินเตอร์เท็นเม้นท์คอมเพล็กซ์” ดังนั้น”เจ้าหน้าที่รัฐ” ไม่ว่าจะเป็น”ตำรวจ-ปกครอง” และอื่นๆ จึงไม่ต้องกลัวว่า การมี”บ่อนเสรี” จะ”กระทบกับ”รายได้” หรือ”ส่วย” ของเจ้าหน้าที่รัฐ สำหรับที่ตั้งของ”อินเตอร์เท็นเม้นท์คอมเพล็กซ์” ในภาคใต้นั้น “นักการเมือง” ของ”พรรคการเมืองใหญ่” มีการ”ปักหมุด” ไว้แล้ว เพื่อรอ”รับทรัพย์” จากโครงการ”บ่อนเสรี” ในครั้งนี้ ถ้ามีการ”ไล่เรียง” โครงการต่างๆของ”รัฐบาล” ที่มี”พรรคเพื่อไทย” เป็น”แกนนำ” จะพบว่า โครงการที่เกี่ยวกับ”อบายมุข” กำลัง”เบ่งบาน” ทั่วทั้งประเทศไทย เมื่อเป็นอย่างนี้ จะหวังได้อย่างไรว่า”เยาวชนไทย” จะเป็น”เยาวชน” ที่ “เจริญเติบโต” อย่างมี”คุณภาพ”ได้อย่างไร…….
@ที่ สำคัญ ประชาชน ถามกัน”เซ็งแซ่” ว่า “กฎหมาย” ที่เป็นประโยชน์ อย่าง”กฎหมาย” การปราบปรามการ”เอาผิด” กับ”แก็งค์คอลล์เซ็นเตอร์” ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ทำไม่จึงไม่”เอาเข้า” เพื่อให้ผ่านความเห็นของ”สภาผู้แทนฯ” เพื่อช่วยเหลืออย่าให้”ประชาชน” โดนโกง โดน หลอกลวง ทำไม่เรื่องการ”เปิดบ่อนเสรี” จึงมีความ”เร่งร้อน” หรือเพราะอยากให้”ทัวร์ลง” และก็เป็นไปตามคาด เพราะวันนี้เรื่องการ”คัดค้าน”การตั้ง”อินเตอร์เท็นเม้นท์คอมเพล็ก” ที่มี”บ่อนการพนัน” อยู่ในนั้น กำลังถูก”ต่อต้าน” จาก” ประชาชน” จำนวนมาก และเรื่องนี้อาจจะเป็น”ไฟลามทุ่ง” เพราะใน”พรรคการเมือง” ที่ร่วมรัฐบาล ก็มีความ”เห็นต่าง” ใน”กฎหมาย” การตั้ง”กาสิโน” อยู่ด้วย……
@ในเวที”หาเสียง” ของ”พรรคเพื่อไทย” ซึ่ง”ทักษิณ ชินวัตร” ประกาศที่จะ”ทุบค่าไฟฟ้า” ให้เหลือ 3.7 บาทต่อหน่วย” ค่าไฟจะลดหรือไม่ลดยังเป็นเพียง”ลมปาก” ในการให้”ยาหอม”กับประชาชนในเวที”หาเสียง” แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือการ”ทุบราคาหุ้นพลังงาน” ให้”ร่วงรูดทะราด” ก็ เห็นด้วยนะกับการทำให้”พลังงาน” มีราคาที่”ถูกลง” เพราะที่”เศรษฐกิจ”ของ”ประทศไทย” ไปไหนไม่รอด ต้นเหตุทั้งหมดมาจากเรื่องของ”พลังงาน” ทั้ง”น้ำมัน,ก๊าซ.ไฟฟ้า” ที่มีราคา”แพง” แบบ”ไม่ทราบสาเหตุ” ที่ สำคัญที่เห็นด้วยกับคำพูดของ” พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกรัฐมนตรี และ”เสนาบดีกระทรวงพลังงาน” ที่สงสัยว่า ประเทศนี้”บริหาร”กันอย่างไร 50 ไม่มีการการแก้ปัญหา”พลังงาน”กันเลย ดังนั้น “ประชาชน” ทั้งประเทศจึงหวังว่าทั้ง” ทักษิณ ชินวัตร” อดีต”นายกรัฐมนตรี” และ”พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค” เสนาบดีกระทรวงพลังงาน จะ”เอาจริง” ในเรื่องการ”ผ่าตัดราคาพลังงาน” ไม่ใช่แค่เป็นการ”หาเสียง” หรือมีอะไรที่”ซ่อนเร้น” อยู่เบื้องหลัง เพราะถ้า”แก้ปัญหา” ทำให้”พลังงาน” มีราคาที่ถูกลง ไม่”ขูดรีด” ประชาชน “เศรษฐกิจ”ของ”ประทศไทย” ก็จะ”ฟื้น” โดยที่ไม่ต้องมี”อินเตอร์เท็นเม้นท์คอมเพล็กซ์” เพื่อส่งเสริมให้”ประเทศไทย” เป็น”ดินแดน”ของ”บ่อนการพนัน” ……
@หลัง “เทศกาลปีใหม่ 2568 “ เพียงไม่กี่วัน ณ วันนี้”เศรษฐกิจ” ทุก”หัวเมือง”ของ”ประเทศไทย” ตกอยู่ใน “สภาวะ” ที่”ซบเซา” เสียง บ่นจาก”คนค้าขาย” ดัง”กระหึ่ม” ทั่วประเทศ ถึงความ”ฝืดเคือง” เพราะ”ประชาชน” ไม่มีเงินในการ”จับจ่ายใช้สอย” พ่อค้าแม่ค้า ก็ได้แต่รอให้”รัฐบาล” แจกเงินให้ประชาชนที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ได้รับ”แจกเงิน” คนละ 10,000 บาทโดยเร็ว เพราะผู้ที่ได้รับเงิน อาจะนำมา”จับจ่ายใช้สอย” ทำให้เกิดการ”สะพัด”ไปสู่”พ่อค้า แม่ค้า” รวมทั้งหวังว่า “เทศกาลตรุษจีน”ในปลายเดือน มกราคม ที่จะถึงนี้ อาจจะ”กระตุ้น” ให้”เศรษฐกิจ” ดีขึ้นอีกครั้ง…..อีกเรื่อง ที่”รัฐบาล” อาจจะไม่รู้ หรือรู้แต่ไม่มีปัญญาในการ”จัดการ” นั้นคือ มี”บริษัทต่างๆ” ที่ลงทุน”จดทะเบียนเปิดบริษัท” ผลิต”เสาไฟฟ้า” และ “อุปกรณ์” ต่างๆ หลังเปิดบริษัท ไม่มีการ”ผลิตจริง” แต่”สั่งซื้อ” สินค้า มาจาก”ประเทศจีน” ที่มี”ราคาถูก” และ ”ตีตรา” รับรองคุณภาพสินค้า ส่งขายไปทั่ว เมื่อไม่มีการ”ผลิตจริง” ย่อมไม่มีการ”สร้างงาน” คน”ตกงาน”ก็ไม่มีงานทำเช่นเดิม ที่น่าเป็นห่วง “สินค้า”ที่”ผลิตจากจีน” มี”คุณภาพ” หรือไม่ ไม่มีใครรู้ แต่ที่สำคัญมี”มอก.”ของประเทศไทย เป็น”การันตี” ในการ”รับรองคุณภาพ”ทั้งที่”สินค้า” จาก” ประเทศจีน” อาจจะไม่มี”คุณภาพ” ก็เป็นไปได้ ถามว่าขออนุญาตตั้งโรงงาน การ ขอ “มอก.” รับรอง”คุณภาพสินค้า” จากหน่วยงานของรัฐ แต่ไม่มีการ”ผลิต” เรื่องนี้”ผิดกฎหมาย” หรือไม่อย่างไร และหน่วยงานไหน”รับผิดชอบ”……
@เรื่อง”ไฟใต้” เขียนไปก็เป็นเรื่อง”ซ้ำซาก” แต่ไม่เขียนถึงก็ไม่ได้ เพราะ”ไฟใต้” ยังคง”โชนแสง” ทั้งที่ผ่านมาแล้ว 21 ปี ใช้”งบประมาณ” ไปแล้ว 5-6 แสนล้าน แต่ยังหา”แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์”ไม่พบ ล่าสุด”จักรยานยนต์บอมบ์” ลูกแรก ในการต้อนรับปี 2568 ที่ หน้า”เคทีปาร์ค” หรือ”ศูนย์เรียนรู้” เทศบาลเมืองปัตตานี ห่างจาก”โรงพัก” เมืองปัตตานี”แค่คืบ” แรงระเบิดมี”ตำรวจ” และ”อาสารักษาดินแดน” เจ็บ 9 คน ชาวมาเลเซียบาดเจ็บ 1 คน อาคารร้านค้า รถยนต์ เสียหาย จำนวนหนึ่ง และอาจจะเป็นโชคดี” หรือเป็นความ”ประสงค์” ของ”บีอาร์เอ็น” ก็ได้ ที่เลือก”วางระเบิด” ใน”วันจันทร์” ที่เป็น”วัดหยุด” ของเด็กๆ จึงไม่มีใครมาที่”เคทีปาร์ค” หรือ”เป้าหมาย” ของ”บีอาร์เอ็น” คือ” เจ้าหน้าที่รัฐ” ความ”เสียหาย” จึงไม่”รุนแรง” แต่ก็แสดงให้เห็นว่า”ด่านตรวจ” ที่มีอยู่”มากมาย” ไม่สามารถ”ป้องกัน” การ”ก่อวินาศกรรม” ของ”บีอาร์เอ็น”ได้ หาก”บีอาร์เอ็น” ต้องการที่จะ”ก่อเหตุ” ที่เขียนไม่ได้”ด้อยค่า” เจ้าหน้าที่รัฐ แต่”พล.ต.ต.สันทัด เชื้อพุฒตาล” ผบก.ภ.จว.ปัตตานี ต้องมีการ”อุดรูรั่ว” ที่เกิดขึ้น ก่อนที่”คาร์บอมบ์” จะไป”ระเบิด” ที่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี…..และห่างกันวันเดียว” เราก็ต้อง”สูญเสีย” ตำรวจตระเวนชายแดน” ที่ทำหน้าที่เป็น”ครู” ใน โรงเรียน ตชด. ครั้งเดียว 2 ศพ” และเป็น”2 พ่อลูก” ที่เป็น “ครู ตชด. โรงเรียนบ้านตืองอ อ.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส จาก”ระเบิดแสวงเครื่อง” และการ”โจมตี” ด้วยอาวุธปืน เป็นการ”สูญเสีย” ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นกับ”ครู ตชด.” มานานแล้ว ที่สำคัญ “ครู ตชด.ทั้ง 2 ราย เป็นผู้ที่นับถือ”ศาสนาอิสลาม” บรรทัดนี้ จึงขอ”แสดงความเสียใจ” กับ”ครอบครัว”มา ณ ที่นี้ และต้องถามไปยัง” พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผบ.ฉก. นราธิวาส รวมทั้ง “ผบ.ฉก.” เลข 2 ตัว ที่รับผิดชอบในพื้นที่ต่างๆ ว่าจะ”ป้องกัน” ความ”สูญเสีย” ที่เกิดกับ” เจ้าหน้าที่” ในพื้นที่อย่างไร สัปดาห์ที่ผ่านมา เราก็”สูญเสีย” เจ้าหน้าที่”การข่าว” มือดีไปแล้ว 1 ราย ที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส และ ใครที่บอกว่า”สถานการณ์” ของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้”ดีขึ้น” ตอบให้ชัดว่า”ดีตรงไหน” และ”ดีอย่างไร” ในเมื่อ”เสียงปืน เสียงระเบิด” และ”คนตาย” ยังเกิดขึ้นแบบ”วันเว้นวัน”……
@การยกเลิกการใช้”พรก.ฉุกเฉิน” ในพื้นที่ อ.ยะหา จ.ยะลา ยกเลิกได้อย่างไร ในเมื่อ”หน่วยงานความมั่นคง” รู้ดีว่า พื้นที่ของ อ.ยะหา จ.ยะลา คือแหล่ง”หลบซ่อน” และเป็น”แหล่งกลบดาน”ของ” แนวร่วม” ขบวนการ บีอาร์เอ็น การยกเลิก” พรก.ฉุกเฉิน” ใน อ.ยะหา ที่เป็น”แหล่งหลบซ่อน” ของ”บีอาร์เอ็น” เพื่อการเตรียมไป”ก่อเหตุ” ในพื้นที่”ใกล้เคียง” และหลัง”ก่อเหตุ” ก็มา”หลบซ่อน” ใน อ.ยะหา เพราะมีความ”ปลอดภัย” ไม่มีการใช้”พรก.ฉุกเฉิน” ดังนั้นถ้า”เจ้าหน้าที่” จะเข้า”จับกุม” เหล่า”แนวร่วม” ใน อ.ยะหา ก็ต้องใช้”กฎอัยการศึก” แทนการใช้”พรก.ฉุกเฉิน” ก็จะเป็นการ”เดินไปเข้าทาง” ของ” ขบวนการบีอาร์เอ็น” ที่จะนำไป”ตีปี๊บ” ว่า” เจ้าหน้าที่รัฐ” ใช้”กฎอัยการ”ที่เป็น”กฎหมาย” ที่”ล้าหลัง” และไม่ควรใช้ มา”บังคับใช้”กับ”ประชาชน” ในพื้นที่ แต่ถ้า”เจ้าหน้าที่” ไม่ใช้”กฎอัยการศึก” ที่ สามารถ”ควบคุมตัว” ผู้ถูกจับได้ 7 วัน แล้วจะให้ใช้”เครื่องมืออะไร” อย่าบอกนะว่าใช้” ป วิอาญา” เพราะ”กฎหมายอาญา” ก่อนที่จะ”จับกุม” ต้องมี”พยาน หลักฐาน” ในการ”กล่าวหา” เพื่อขอ”หมายศาล” ขบวนการของ ป”วิอาญา” แล้วกว่าจะได้”หมายค้น หมายจับ” โจรก่อการร้ายก็”ถกโสร่ง” เปิดตูด ไปนานแล้ว กลุ่ม “เอ็นจีโอ” และ”นักสิทธิมนุษย์ชน” ที่”โลกสวย” ทั้งหลาย ต้องรู้ถึง”ข้อเท็จจริง” และ”ข้อจำกัด” ของการใช้”กฎหมาย” กับ”โจรก่อการร้าย” ด้วย…..
@การประกาศ”ยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน” เพื่อ แสดงให้เห็นว่า” สถานการณ์”ของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้น” ของ”ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีความมั่นคง และ “เสนาบดีกระทรวงกลาโหม” เพื่อการ”เหยียบบาทา” ลงพื้นที่ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้” ของ”แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี จึงถูก”บีอาร์เอ็น” ทำลายความ”สงบเรียบร้อย” ด้าย”ระเบิดแสวงเครื่อง” ที่เป็น”จักรยานยนต์บอมบ์” ที่หน้า”เคที่ปาร์ค” และ”ระเบิดแสวงเครื่อง” ที่ “ศรีสาคร” เพื่อบอกให้” แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ได้”รับรู้” ว่า “สถานการณ์”ของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ยังไม่”สงบ” เพื่อที่เธอ จะได้ทราบถึง”ข้อเท็จจริง” ในวันที่”ลงพื้นที่จริง” จะได้”พูดทุกอย่าง” ให้”ตรงประเด็น” และเป็นการ”ย้ำเตือน” นายกรัฐมนตรี” ว่า”ประเด็น” ในการ”หารือ” ในวันที่”ลงพื้นที่” ของ”สามจังหวัดชายแดนภาคใต้” นั้น”หลักใหญ่ใจความ” ต้องเป็นเรื่องของ”ไฟใต้” ไม่ใช่เรื่องการ”พัฒนา” เพียงอย่างเดียว……บทเรียนจาก” เศรษฐา ทวีสิน” อดีต นายกรัฐมนตรี ที่มีอายุเพียง 1 ปี ที่ในการลงมายัง”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ด้วยการ”ชูประเด็น” ของการ”พัฒนา” การ”ส่งเสริมการท่องเที่ยว”รวมทั้งการส่งเสริมให้เลี้ยง”ปลานิลสายน้ำไหล” ที่ อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่ง”คล้อยหลัง”การเดินทางกลับของ”เศรษฐา ทวีสิน” เพียงไม่กี่”เพลา” กองกำลังติดอาวุธของ”บีอาร์เอ็น” ก็”วางเพลิง” และ”วางระเบิด” โรงงานอุตสาหกรรม โกดัง ร้านค้า กลายเป็น”จุลมหาจุล” ไปกว่า 10 แห่ง ในคืนเดียว และวันนี้”ปลานิลสายน้ำไหล” ก็ยังคงเป็นอยู่”อย่างเดิม” ไม่มีอะไรที่”เปลี่ยนแปลง”ไปในด้านการ”เติบโต” ในขณะที่” โรงงาน โกดัง ร้านค้า ณ วันนี้ยังไม่”ฟื้นตัว” ดังนั้น “นโยบาย” ทุกอย่างที่”รัฐบาล” ประกาศว่าจะ”ส่งเสริม” ในพื้นที่ของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” จะกลายเป็น”เป้าหมาย” ที่”บีอาร์เอ็น” จ้องที่จะ”ทำลาย”……
@เป้าหมายต่อไปที่”บีอาร์เอ็น” มีแผนในการ”ทำร้าย” คือ” ตำรวจ” ทั้งที่เป็น”ตำรวจ” และเป็น”โรงพัก” เพราะ หลายเดือนมานี่ “บีอาร์เอ็น” ต้อง”สูญเสีย” สมาชิก ทั้ง”ระดับปฏิบัติการ” และระดับ”สนับสนุน” หรือ”หน่วยช่วยรบ” ไปแล้ว จำนวนมาก จากการ”สืบสวนสอบสวน” และการติดตามความ”เคลื่อนไหว”ของ”แนวร่วม” จาก”กล้องวงจรปิด” สามารถติดตาม”จับกุม” สมาชิกของ”บีอาร์เอ็น” อย่าง”ต่อเนื่อง” ดังนั้น”เป้าหมาย” ต่อไปของ”บีอาร์เอ็น” คือ” เจ้าหน้าที่ตำรวจ” จุดตรวจ และ “โรงพัก” “พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี” ผบช.ภ.9 ต้อง”สั่งการ” ให้”เจ้าหน้าที่ตำรวจ” ระวังป้องกัน”ตนเอง” และ”ที่ตั้ง”ให้ดี โดยเฉพาะ”ตำรวจ” ที่ต้องเดินทางจาก”โรงพัก” เพื่อไป”ราชการ” ที่ “กองบังคับการ” ที่”อัยการ”ที่”ศาล” เพราะ”จยย.” ที่”ถูก”ปล้นชิง”ไปในพื้นที่ของ “สามจังหวัดชายแดนภาคใต้”ซึ่ง “เจ้าหน้าที่ยังหาไม่เจอ และอาจจะถูกนำไปทำ”จยย.บอมบ์” โดยมี”เป้าหมาย” กับ” เจ้าหน้าที่รัฐ”ก็เป็นได้” จุดอ่อน” ของ” ตำรวจภูธร” คือการต้อง”เดินทาง”ไป”ราชการ” ประเด็นนี้ต้อง”ป้องกัน” อย่าให้”สูญเสีย”………
@เรื่อง ทั่วๆไปบ้าง ไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ เมื่อมี”หลักฐาน” ที่”เชื่อได้” ว่า “หาดใหญ่” เป็นพื้นที่”รถติด” เป็นอันดับหนึ่ง” ของ”ประเทศไทย” โดยมี”กรุงเทพฯ” มาเป็น”อันดับ 4 มิน่า คนจำนวนมาก จึง”หลีกเลี่ยง” ที่จะ”ขับรถ” หรือ”เดินทาง” เข้ามายัง”เขตเทศบาลนครหาดใหญ่” เพราะกลัว”รถติด” ก็เพิ่งรู้”ข้อเท็จจริง” ว่า สภาพ”จราจร” ของ”หาดใหญ่” กลายเป็นพื้นที่”รถติดอันหนึ่ง” ของประเทศ นี่ยิ่งเป็นการ”ตอกย้ำ” ให้”ธุรกิจการค้า” ใน”เขตเทศบาลนครหาดใหญ่” ยิ่ง”ซบเซา” เพราะคนที่กลัวปัญหา”รถติด” หลีกเลี่ยง” ที่จะเข้ามาทำ”ธุระ” ใน”เขตเทศบาล” แล้ว “ร้านค้า” พ่อค้า แม่ค้า” จะ”ขายของ”ให้ใครถ้าไม่แก้ปัญหาการ”จราจร” ก็เท่ากับ”ซ้ำเติม” ให้”เศรษฐกิจ”การค้า”ย่ำแย่”ลง นี้คือเรื่องที่” พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี “ นายกเทศบาลนครหาดใหญ่” ต้องเร่ง”หารือ”กับ” พ.ต.อ.ภูมิ บาลทิพย์” ผกก.สภ.หาดใหญ่ ในการ แก้ปัญหา”จราจร” ที่กลายเป็น”จลาจล”…… มีผู้สังเกตว่า ปัญหา”จราจร” ใน”เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ “ ส่วนหนึ่งมาจากการ”ตีเส้นขาว-แดง” มากเกินไปจนไม่มีที่”จอดรถ” เหมือนการ”เจตนา” ให้มีการ”จอดซ้อนคัน” เพื่อที่”จราจร” จะได้ทำการ”ล็อคล้อ” เพื่อให้เจ้าของรถยนต์ไป”จ่ายค่าปรับ” มีการ”ตั้งเป้า” ค่าปรับในความผิดเรื่อง”จราจร” เพื่อที่จะได้นำ”ส่วนแบ่ง” จาก”เงินค่าปรับ” มา”แบ่งปัน”กัน”ใช่หรือไม่” รวมทั้ง”ตำรวจจราจร” ของ”สภ.หาดใหญ่ ไม่มีการ”วางแผน” ในวันสำคัญๆ เช่น”เสาร์-อาทิตย์” หรือวันอื่นๆ เช่น “วันเด็ก” วันที่มีการ”ปิดถนน”เพื่อ”จัดงานอีเว้นท์” คนที่ใช้รถใช้ถนน และ”รถติด” ไม่เคยเห็น”ตำรวจจราจร” มา”อำนวยความสะดวก” หรือแก้ปัญหา แต่อย่างใด ….. ก็ บอกไปหลายครั้งแล้วว่า ในการ”พิจารณา” ตำแหน่งของ” รอง ผกก.จร. และ “สว.จร.” ในเมือง”เศรษฐกิจ” ทุกเมือง ต้องมีการ”สอบวิสัยทัศน์”เพื่อที่จะได้รู้ว่า เรื่องการแก้ปัญหา”จราจร” ไม่ใช่ไปเอา”ตำรวจ” ที่”เก่งในการจับคนร้าย” หรือเอา”สายตรวจ” และ”ชุดสืบ” มาทำหน้าที่ด้านการ”จราจร” เพราะ “สุดท้าย” แล้ว ปัญหา”จราจร” จะ”หนักหนาสาหัส” เช่นเดียวกับ”เทศบาลนครหาดใหญ่” ที่”รถติด”กว่า”กทม. และมากกว่า”เชียงใหม่” และ”ภูเก็ต” ที่เป็น”เมืองท่องเที่ยว”……
@การเมือง ไม่ว่าจะเป็น”ระดับชาติ” หรือ”ท้องถิ่น” ที่แต่ละ”พรรค” และละ”ทีม” ยังคงใช้”ลูกไม้เก่า” แบบ”โบราณ” นั้นคือการใช้”เงิน” ในการ”ซื้อเสียง” ซึ่งแม้จะเป็น”ลูกไม้เก่า” แต่ยังทรง”อิทธิฤทธ์” เช่นเดียวกับการ”เลือกตั้งองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น”ที่”คล้ายคลึง” กันทั้งประเทศ อย่างที่ “สงขลา” ทีมเต็งหาก มีการให้”หัวคะแนน” ลงพื้นที่”จดชื่อ”ผู้มีสิทธิ์ในการ”เลือกตั้ง” โดย”พร้อมจ่าย”หัวละ 500 ทั้งที่”หัวคะแนน”รับมา”หัวละ 1,000 บาท นี่ก็เป็นการ”โกงกัน” ตั้งแต่ยังไม่”หย่อนบัตร” เงิน 500 บาท ดูไม่มาก แต่ในวันที่”ยากจนทั้งแผ่นดิน” คน”ส่วนใหญ่” จึงพร้อมในการ”ยอมรับ” เพื่อแลกกับการไป”ลงคะแนน” ให้กับ”เจ้าของเงิน” ที่สำคัญ “กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน” ซึ่งเป็น”ผู้นำท้องที่” และ”นายก อบต.” ยังเป็น”เครื่องมือ” ของ”นักเลือกตั้ง” ในการเป็น”หัวคะแนนใหญ่” ซึ่ง”ข่าววงใน” แจ้งว่ามีการ”รับเงิน” เพื่อการ”ซื้อเสียง”ให้กับ” นักเลือกตั้ง” ที่ต้องการเข้าเป็น”ผู้บริหารท้องถิ่น”…..ถามว่า”เงินถุงเงินถัง” ที่ใช้ในการ”ซื้อเสียง” มาจากไหน ส่วนหนึ่งมาจากการ”ทุจริตคอร์รัปชั่น” ส่วนหนึ่งมาจาก”การพนันออนไลน์” ที่”นักการเมือง” ใน”จังหวัดสงขลา” ส่วนใหญ่อยู่กับ”ธุรกิจสีเทา” คือ”การพนันออนไลน์” นี้คือ”แหล่งปั๊มเงิน” ที่”นักการเมือง” ใช้ในการ”เลือกตั้ง” “ข่าว”จาก”วงใน” เล่ากันว่า”นักการเมืองใหญ่ ” ในพื้นที่ มีการ”ประกาศ” หมดเงินเท่าไหร่ไม่ว่า แต่จะต้อง”ตัดเส้นทาง” ไม่ให้”อดีต สจ. อ.นาหม่อม” เป็น สจ. ในครั้งนี้ให้ได้ บ๊ะ แค่ฟัง ก็หนาว แล้ว…..
@โยกย้ายไปตาม”วาระ”ของการเป็น”ข้าราชการ” ซึ่งในการ”แต่งตั้ง โยกย้าย” ตำรวจ ในครั้งนี้ ใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง หลายคนอยู่ที่เดิม เช่น” พล.ต.ต.สันทัด เชื้อพุฒตาล” ยังคงอยู่ในตำแหน่ง ผบก.ภวจ.ปัตตานี”เช่นเดียวกับ “พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล “ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ที่ เก้าอี้ยัง”เหนี่ยวแน่น” ยังเป็น” ผบก.ภ.จว. นราธิวาส เหมือนเดิม ส่วน “พล.ต.ต.เสกสันต์ ชูรังสฤษฎ์” ผบก.ภ.จว.ยะลา มีการย้ายกลับ”ถิ่นเก่า” มาเป็น” ผบก.ภ.จว.สงขลา และ “พล.ต.ต. เชาวลิตร เลี้ยงสุพงษ์ “ ผบก.ภ.จว.สงขลา ขยับจาก” สงขลา” ไป 90 กิโลเมตร ไปเป็น”ผวจ.ภ.จว.พัทลุง ส่วน ผวจ.ภ.จว.พัทลุง ไปทำหน้าที่เป็น”ผวจ.ภ.จว.ยะลา เพื่อที่จะได้”ลิ้มรส”กับการ”สู้รบปรบมือ” กับ”กองกำลังติดอาวุธ” ขบวนการแบ่งแยกดินแดน”บีอาร์เอ็น” ก็ขอให้ทุกคนมี”ความสุข”กับการทำหน้าที่ อยู่ตรงไหนก็เหมือนถ้า”หัวใจคือประชาชน” จริงไหม ……แล้วพบกันใหม่วันศุกร์หน้า สวัสดีครับ
————————————————————-
ไชยยงค์ มณีพิลึก

พระราชทาน. พาตีเมาะ สะดียามู ผวจ.ปัตตานี ไปยังโรงพยาบาลปัตตานี อ.เมืองปัตตานี จ.ปัตตานี เชิญตะกร้าสิ่งของพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ไปมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ อส.สังกัดกองร้อย อส.เมืองปัตตานีที่ 2 จำนวน 3 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด ในซอยข้างทีเคปาร์ค ถนนปัตตานีภิรมย์ ต.อาเนาะรู อ.เมือง จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ อส.ได้รับบาดเจ็บ 6 นาย

ปลายทางชีวิต. พล.อ,เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 เป็นประธาน ในพิธีพระราชทานเพลิงศพ วารินทร์ สุคนธชาติ (ลุงสั้น ช้างทองการพิมพ์) ณ วัดเมืองยะลา พระอารามหลวง เขตเทศบาลนครยะลา

เยี่ยมคำนับ. สุชีลา สุวรรรณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารและพัฒนาการปฏิบัติการสู่ความเป็นเลิศ พร้อมคณะผู้แทนจากกลุ่ม ปตท. เข้าเยี่ยมคำนับ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผอ.รมน.ภาค 4 เนื่องในโอกาสเทศกาลขึ้นปีใหม่ 2568 และหารือความร่วมมือบูรณาการงานด้านความมั่นคง พร้อมขอคำชี้แนะเกี่ยวกับแนวทางการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานในพื้นที่เสี่ยงด้านความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ห้องรับรอง กอ,รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต,เขาตูม อ,ยะรัง จ.ปัตตานี

ปรับโครงสร้างหนี้. นันทพงศ์ สุวรรณรัตน์ รองเลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นประธานในการแถลงข่าว ลดหนี้ กยศ.เพื่อเชิญชวนให้ลูกหนี้เข้าร่วมโครงการตามนโยบายของกระทรวงยุติธรรม ณ ห้องประชุม ศอ.บต.อ.เมือง จ,ยะลา

โรงเรียนเข้มแข็ง. นิกร เซ้งเถียร ผอ.ศูนย์ขับเคลื่อนการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประชุมเตรียมการสร้างการรับรู้การดำเนินงานยกระดับการเรียนรู้ สร้างสรรค์อนาคตการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้และประชุมเชิงปฎิบัติการเตรียมความพร้อมคณะทำงานโครงการ “โรงเรียนเข้มแข็ง ชุมชนร่วมมือ” เสริมสร้างสังคม พหุวัฒนธรรมสู่สันติสุขชายแดนภาคใต้ โดยมี ผู้แทนหน่วยงานทางการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ, ผู้อำนวยการส่วนพัฒนายุทธศาสตร์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า, ฉก.สันติสุข, ศูนย์สันติวิธี และหน่วยงานภาคีเครือข่าย เข้าร่วมประชุม ณ โรงแรมเซาท์เทิร์นวิว อ.เมือง จ.ปัตตานี

มอบเกียรติบัตร, ดร. กมล รอดคล้าย สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดสงขลา ในฐานะประธานสมัชชาการศึกษาจังหวัดสงขลา เป็นประธานในพิธีมอบเกียรติบัตรให้เเก่เยาวชนซึ่งผ่านการฝึกอบรมผู้นำเยาวชนสงขลาศึกษา และประชุมหารือกรรมการสมัชชาการศึกษา ร่วมกับศึกษาธิการจังหวัด เเละผู้บริหารสถานศึกษา เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2568 ณ สวนประวัติศาสตร์ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อ. เมือง จ. สงขลา

กีฬาเป็นยาวิเศษ. กิตตติ กิตติโชควัฒนา ประธานสภาวิทยาลัยชุมชนยะลา เป็นประธานเปิดการแข่งกีฬาสานสัมพันธ์ วิทยาลัยชุมชนยะลา ครั้งที่ 17 โดยมี เฉลิมพล เรืองเริงกุลฤทธ์ และ จิรวิทย์ แซ่เจ็ง ผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมในพิธี ณ โรงเรียนสตรียะลา

พอ.สว. ว่าที่ ร.ต, ตระกูล โทธรรม ผวจ.นราธิวาส เป็นประธานเปิดโครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. เพื่อช่วยเหลือรักษาพยาบาล ป้องกันโรค ส่งเสริมการฟื้นฟูสุขภาพของประชาชนชาวจังหวัดนราธิวาส โดยมี ทันตแพทย์หญิง ปิยนาถ บุณฑริก รองนายกเหล่ากาชาด. จ.นราธิวาส หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ต.ลำภู อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส เข้าร่วมโครงการฯ

มอบเงิน. วิเชียร เดชธีรชัย รองหัวหน้าแผนกบรรเทาสาธารณภัย มูลนิธิสงเคราะห์ 14 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และคณะ มอบเงิน พร้อมถุงยังชีพ ให้กับผู้ประสพภัย ที่ ต.ลำปำ อ,เมือง จ.พัทลุง

ห่วงใย. ธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผอ,กองส่งเสริมและสนับสนันฯศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกลุ่มเยียวยา เข้าเยี่ยม เจ้าหน้าที่ อาสารักษาดินแดน และ ตำรวจ อ,เมือง จ.ปัตตานี ที่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของ แนวร่วม ขบวนการแบ่งแยกดินแดน ณ รพ.ปัตตานี อ.เมือง จ.ปัตตานี

เปิดฟ้าหาดสำราญ. ณ สวนสน 100 ปี ชายทะเลหาดสำราญ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง ทรงกลด สว่างวงศ์ ผวจ. ตรัง เป็นประธานเปิดเทศกาลเบิกฟ้าหาดสำราญ อาหารทะเล เสน่ห์ธรรมชาติ ครั้งที่ 12 ประจำปี 2568 โดยมี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหาดสำราญ, หัวหน้าส่วน ประชาชน ร่วมในพิธี

ณ โรงแรมวัฒนาพาร์ค จ.ตรัง พจท.อนันต์ บุญสำราญ รอง ผวจ.ตรัง. เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการเสนอแนะแนวทางการปรับปรุงอาคารสาธารณะตามแนวคิดการออกแบบเพื่อทุกคน โดยมีคณะผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมสำหรับผู้พิการ ผศ.ศิริลักษณ์ แสงสงวน จากคณะสถาปัตยกรรมศิลปะการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ผศ.ตรีชาติ เลาแก้วหนู จากคณะสถาปัตยกรรมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง พระอาจารย์กฤษช อัคคปัญโญ จากสำนักปฎิบัติธรรมขิปปัญโญ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หน่วยงานราชการ เครือข่ายคนพิการ ภาคประชาสังคม ร่วมแสดงความคิดเห็น

โครงการส่วนพระองค์. ตัวแทนสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี สำนักพระราชวัง และ กก.ตชด.43 ค่ายรามคำแหง จ.สงขลา โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านหินจอก ต.ลิพัง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง โรงเรียนตำรวจตระเวณชายแดนสันติราษฎร์ประชาบำรุง ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรังติดจามตรวจเยี่ยมนักเรียนในพระราชานุเคราะห์ ณ โรงเรียนทุ่งยาวผดุงศิษย์ สังกัด สพม.ตรัง กระบี่ วันที่ 14 มกราคม 2568 ณ ห้องเฉลิมพระเกียรติ โรงเรียนทุ่งยาวผดุงศิษย์. โดยมี ว่าที่ร้อยโท จักรเพชร์ พรมยศ ผู้อำนวยการฯ พร้อมคณะครูให้การต้อนรับ

จับกุม. พล.ร.ท นเรศ วงศ์ตระกูล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 แถลงข่าวเรือหลวงปัตตานี จับกุมเรือประมงเวียดนาม ที่รุกล้ำเข้ามาทำประมงในเขตทะเลอ่าวไทย ได้อีก 1 ลำ ณ ท่าเทียบเรือฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาค 2 อ.เมือง จ.สงขลา

ตรวจเยี่ยม. พิศณุพงศ์ นกแก้ว. ผอ.การยางแห่งประเทศไทยสาขาปัตตานี ได้นำคณะผู้บริหารการยางแห่งประเทศไทยเขตภาคใต้ตอนล่างเข้าเยี่ยมสหกรณ์ธารน้ำทิพย์ อ.เบตง จ.ยะลา

ต้อนรับ. เฉลิมชัย ครุอำโพธิ์. (เถ้าแก่หลี)ร่วมแสดงความยินดีกับ ชัยรัตน์ สุขสมคิด. นายอำเภอบางกล่ำ เนื่องในโอกาสที่ ย้ายมารับตำแหน่งใหม่ ณ บ้านพักนาย. อ.บางกล่ำ จ.สงขลา

ร่วมส่ง. เอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา ไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา ร่วมส่ง เศวต เพชรนุ้ย รอง ผวจ.สงขลา เดินทางไปรับตำแหน่ง รอง ผวจ.นครสวรรค์ ณ ห้องรับรอง สนามบินนานาชาติหาดใหญ่ จ.สงขลา