เหตุการณ์ไฟป่าลุกลามนครลอสแอนเจลิสในวงกว้าง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนนี้ ทำให้เกิดคำถามมากมายว่า ทำไมเศรษฐีบางคนในเมือง ดูเหมือนว่าจะรอดชีวิตมาได้โดยแทบไม่ได้รับอันตรายอะไรเลย
“สิ่งที่ผมพูดได้คือ เราได้รับการว่าจ้าง และถูกสั่งให้อยู่ที่นี่ ผมไม่สามารถบอกอะไรคุณได้มากกว่านี้” เจ้าหน้าที่ดับเพลิงคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบสีเหลืองและสีเขียว กล่าว
นักดับเพลิงกลุ่มนี้ พร้อมด้วยรถกระบะติดป้ายทะเบียนรัฐออริกอน ประจำการอยู่ที่บ้านและทรัพย์สินของนายริค คารูโซ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน และนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งพวกเขาปกป้องร้านค้าจำหน่ายสินค้าแบรนด์หรู ทว่าการปรากฏตัวของพวกเขา ทำให้เมืองที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 24 ราย และประชาชนหลายพันครัวเรือนสูญเสียบ้านของตนเองจากวิกฤติไฟป่า เกิดการสั่นคลอน
“มันแย่ตรงที่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะมาก แต่เราแค่ต้องการทำหน้าที่ และช่วยเหลือเท่าที่ทำได้” เจ้าหน้าที่ดับเพลิงอีกคนหนึ่ง กล่าว
อนึ่ง ย่านแปซิฟิก พาลิเสดส์ ซึ่งเป็นแหล่งรวมดาราคนดังของฮอลลีวูดและมหาเศรษฐี คารูโซไม่ใช่คนเดียวที่ใช้ความมั่งคั่งของเขา เพื่อปกป้องทรัพย์สินของตัวเอง เนื่องจากนักดับเพลิงเอกชนกลุ่มอื่น ต่างยืนเฝ้าหน้าวิลล่าหรูที่อยู่ตามเนินเขา
ประเด็นเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเอกชน เคยถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง เมื่อปี 2561 และความแตกต่างระหว่างสองพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบจากไฟป่าในสัปดาห์ที่แล้ว ได้แก่ ย่านแปซิฟิก พาลิเสดส์ ที่ร่ำรวย และย่านอัลทาดีนา ที่มีความมั่งคั่งหลายระดับ ทำให้การแบ่งแยกทางเศรษฐกิจในสหรัฐ ได้รับความสนใจมากขึ้น
ความแตกต่างของความมั่งคั่งในนครลอสแอนเจลิส ถูกเน้นย้ำช่วงหลังเกิดไฟป่าในทันที เมื่อนายคีธ วาสเซอร์แมน นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อีกคนหนึ่ง เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ด้วยโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันถูกลบไปแล้ว โดยเขาถามถึงช่องทางติดต่อกับนักดับเพลิงเอกชน และยืนยันว่าจะจ่ายเงินไม่อั้น
แม้สื่อของสหรัฐรายงานว่า บริการดับเพลิงเอกชน อาจมีค่าใช้จ่ายระหว่าง 2,000 – 15,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน (ราว 69,000 – 517,000 บาท) แต่ถึงอย่างนั้น การเรียกใช้บริการดัวกล่าวไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป เพราะบริษัทส่วนใหญ่ทำสัญญากับเมือง หน่วยงานของรัฐ หรือบริษัทประกันภัย ซึ่งกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่บังคับใช้ในปี 2561 จำกัดการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเอกชน ส่งผลให้บริษัทบางแห่งปฏิเสธที่จะให้บริการบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
ทั้งนี้ นายเจค เฮฟลิน นักดับเพลิงจากสำนักงานดับเพลิงลองบีช ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทุกคน ไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชนหรือภาครัฐ มีภารกิจเดียวกัน นั่นคือ การปกป้องชุมชน ซึ่งหากมีการดำเนินการอย่างถูกต้องและร่วมมือกัน มันก็จะมีประสิทธิผลมาก.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : AFP