ตามหลักเกณฑ์การยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับดอกเบี้ยจากการประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ ตามมาตรา 91/2 (5) แห่งประมวลรัษฎากร ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกัน ตามมาตรา 3 (32) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบีบที่ 240) .. 2534 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 571) .. 2556 ใช้บังคับวันที่ 24 ธันวาคม พ.. 2556 เป็นต้นไป กำหนดให้ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ ดังนี้

“มาตรา 3 ให้ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับกิจการดังต่อไปนี้

(32) กิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ตามมาตรา 91/2 (5) แห่งประมวลรัษฎากรของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งมิได้ประกอบกิจการตามมาตรา 91/2 (1) (2) และ (3) แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับดอกเบี้ยที่ได้รับ เฉพาะกรณีดังต่อไปนี้

() บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกันให้กู้ยืมเงินกันเอง

      “บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกัน” หมายความว่า บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจำนวนตั้งแต่สองนิติบุคคลขึ้นไป ซึ่งมีความสัมพันธ์กันโดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใดถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนอยู่ในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอีกแห่งหนึ่งไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของหุ้นทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียงในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น เป็นเวลาไม่น้อยกว่าหกเดือนก่อนวันที่มีการกู้ยืม โดยให้นับระยะเวลาของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเดิมอันได้ควบเข้ากัน หรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเดิมผู้โอนกิจการทั้งหมดรวมด้วย

() บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติ บุคคลฝากเงินไว้กับสถาบันการเงินหรือซื้อตั๋วเงินที่ออกโดยสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน โดยได้รับดอกเบี้ยตามอัตราปกติ

       ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป”

ดังนั้น กรณีบริษัทลูก ซึ่งมีบริษัทแม่ถือหุ้นเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของหุ้นทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียงในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือนก่อนวันที่มีการกู้ยืม นั้น ย่อมได้สิทธิยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับดอกเบี้ยเงินกู้ยืมดังกล่าว ตามมาตรา 3 (32) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 240) พ.ศ. 2534 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 571) พ.ศ. 2556 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป เช่นเดียวกับกรณีที่บริษัทแม่ให้กู้ยืมเงินแก่บริษัทในเครือทุกประการ.