“แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า” ภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกของปี 2025 จากค่ายหนังอารมณ์ดี GDH ที่คราวนี้มาแบบตึง ๆ ในแนวดราม่า Coming of age ความยาว 130 นาที ที่เล่าเรื่องราวของ 2 สาววัยรุ่นลูกตำรวจในแฟลตแห่งหนึ่ง ที่ถึงแม้จะมีฐานะแตกต่างกัน แต่ความสัมพันธ์ไม่เคยมีระยะห่าง จนวันหนึ่ง มิตรภาพของพวกเธอกำลังถูกท้าทายด้วยการเผชิญหน้ากับความจริง ความรัก และรสชาติของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ผลงานการกำกับโดย แคลร์ จิรัศยา วงษ์สุทิน นำแสดงโดย เอินเอิน ฟาติมา เดชะวลีกุล, แฟร์รี่ กิรณา พิพิธยากร, บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์, อาโป วชิรากร รักษาสุวรรณ, จอยซ์ กรภัสสรณ์ รัตนเมธานนท์, น้ำฝน ภักดี ฯลฯ

ในแฟลตตำรวจที่มีครอบครัวตำรวจนับร้อยอยู่ร่วมกัน ‘เจน’ (แฟร์รี่ กิรณา พิพิธยากร) เด็กสาวจากครอบครัวนายตำรวจยศสูง ที่แม่เป็นเจ้าแม่เงินกู้ประจำแฟลตที่ทุกคนต้องเกรงใจ ส่วน ‘แอน’ (เอินเอิน ฟาติมา เดชะวลีกุล) เด็กสาวที่พ่อเสียชีวิตในหน้าที่ ทำให้เธอต้องช่วยแม่ทำงานหาเลี้ยงน้องอีก 3 คน เจน กับ แอน แบ่งปันทุกโมเมนต์ร่วมกันและยังตัวติดกันเสมอ หลังเลิกเรียน พวกเธอมักจะมาตีแบดด้วยกันที่สนามแบดกลางแฟลต กับเพื่อนร่วมแก๊งสุดซี้อย่าง ‘ไนซ์’ (อาโป วชิรากร รักษาสุวรรณ) เจนหวังว่าจะได้อยู่ที่แฟลตนี้ โดยมีแอนเคียงข้างกันไปตลอด จนกระทั่งการเข้ามาของ ‘อาตอง’ (บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์) ตำรวจหนุ่มที่เพิ่งย้ายมาอยู่แฟลต ที่ไม่เพียงสั่นคลอนมิตรภาพของทั้งคู่ แต่ยังทำให้เจนและแอน ต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่า ครอบครัวที่ไร้พ่อผู้เป็นตำรวจเช่นครอบครัวของแอน อาจมีเวลาที่จะอยู่ในแฟลตแห่งนี้เหลือน้อยลงไปทุกที

แฟลตเกิร์ล เริ่มต้นเรื่องตามสไตล์หนัง Coming of age ทั้งหลาย ที่เด็ก ๆ อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เที่ยวเล่นสนุกสนานไปวัน ๆ ชีวิตเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ มิตรภาพดี ๆ หนังถ่ายทอดแฟลตตำรวจให้ดูเหมือนเป็นวิมานแห่งความสุข แม้ชีวิตจะไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด จากนั้นก็ค่อย ๆ แอบเผยปมต่าง ๆ ออกมา แต่มันไม่ได้รุนแรงจนสามารถสั่นสะเทือนชีวิตและมิตรภาพของ เจน กับ แอน ได้ จนกระทั่งการมาถึงของชายที่ชื่อว่า “อาตอง”

การค้นหาตัวตนของ เจน และ แอน ผนวกกับฮอร์โมนวัยรุ่นที่พลุ่งพล่าน ทั้งคู่ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วตัวเองชอบอะไร ถือเป็นเรื่องปกติของชีวิตวัยรุ่นทุกคนที่ต้องตามหาสิ่งที่ตัวเองเป็น และสิ่งที่ตัวเองชอบ

แต่ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่กระทบจิตใจและชีวิตของเด็กวัยรุ่นมากที่สุดก็คือ “ครอบครัว”, “ความรัก” และ “มิตรภาพระหว่างเพื่อน” การต้องอาศัยอยู่ในแฟลตที่ชั้นอยู่อาศัยเปรียบเสมือนชนชั้นนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ในการใช้ชีวิต การต้องถูกเปรียบเทียบตลอดเวลา และการได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของเพื่อนที่สุขสบายกว่า ดีกว่า เหนือกว่า มันจึงยากที่จะทำใจยอมรับกับชะตาชีวิตตัวเองได้

และเมื่อทุกอย่างมันตึงจนถึงที่สุด มันก็จะขาดสะบั้น.. เป็นสัจธรรม ชีวิตที่เริ่มมีรอยแผล ชีวิตที่โดนทำร้าย แต่ที่สุดมันต้องไม่โดนทำลาย

ด้านการแสดง เอินเอิน กับ แฟร์รี่ ทำหน้าที่ได้เกือบสมบูรณ์แบบกับบทบาทของ เจน และ แอน ต้องชื่นชมผู้กำกับแคลร์ที่ทำให้น้องทั้งสองเข้าถึงบทบาทได้ดีขนาดนี้ ทั้งคู่เล่นได้ดีไม่แพ้กัน ไม่มีใครเด่นกว่าใคร และสามารถแย่งซีนนักแสดงมากฝีมือคนอื่น ๆ ในเรื่องไปได้แบบหมดจด

อย่างไรก็ดี การที่หนังพยายามจะใช้ชั้นของแฟลต เป็นจุดที่ทำให้เรารู้สึกถึงการแบ่งแยกชนชั้นนั้น มันยังไม่ชัดและไม่ได้ทำให้รู้สึกขนาดนั้น แต่สิ่งที่โดดเด่นคือ โลเกชั่นแฟลตที่มีความดิบ จริง และมันทำให้หนังเรื่องนี้ดูมีมิติ น่าสนใจอย่างเหลือเชื่อ ต้องชื่นชมทีมงานโปรดักชั่นส์ ตากล้อง และผู้กำกับ ที่ถ่ายทำออกมาได้ภาพสวย ๆ มุมภาพเท่ ๆ และน่าเหลือเชื่อ เตรียมรอรับรางวัลได้เลย ทว่า สิ่งที่อาจถูกมองข้ามไปก็คือ แฟลตตำรวจในแฟลตเกิร์ลนั้น ถูกถ่ายทอดออกมาได้สวยงามเกินจริง อบอุ่น และน่าอาศัยอยู่ แม้หนังจะพยายามแสดงให้เห็นถึงมุมของแฟลตตำรวจที่ไม่น่าอยู่ อึดอัด คับแคบ แต่มันก็ไม่ได้ชัดเจนจนทำให้ผู้ชมรู้สึกได้ว่า แฟลตตำรวจแฟลตนี้มันไม่น่าอยู่ซะเลย มันมอบความรู้สึกน่าอยู่ให้มากกว่า และมันทำให้ทิศทางของหนังที่เป็นไป จากการเลือกเส้นทางชีวิตของแอน ผู้ร้ายก็คงหนีไปไหนไม่ได้ นอกจาก “ครอบครัว” และ “คุณแม่” โดยที่แฟลตแทบจะไม่ได้รับบทร้ายเลย

4/5
แฟลตเกิร์ล Coming of age ที่ชีวิตเด็กแฟลตผุๆ พังๆ เพราะผู้ใหญ่ คุกแห่งพันธนาการคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด มันต้องใช้ความกล้าอย่างมากในการแหกคุกออกมา พวกเราล้วนติดคุกแห่งหน้าที่ ความรับผิดชอบกันอยู่แล้ว อย่าสร้างคุกพันธนาการเลวๆ กักขังใครไว้เลย ทุกคนควรได้ใช้ชีวิตที่ตัวเองต้องการ

นี่ไม่ใช่หนัง GL แต่เป็นหนังแห่งการค้นหาตัวตนที่เรียลสุด ๆ ถ้าไม่เคยผ่านชีวิตเด็กแฟลตมาจริง ๆ คงไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้สมจริงขนาดนี้ และผู้กำกับแคลร์คือเด็กแฟลตตัวจริงเสียงจริง อาจมีช่วงเวลาที่เรื่อย ๆ เอื่อย ๆ ไปสักหน่อย แต่ความน่ารักสดใสของ เอินเอิน และ แฟร์รี่ ก็ทำให้เราผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้แบบสบาย ๆ เป็นหนังภาพสวยเหลือเชื่อ สวยแบบดิบ ๆ เท่ ๆ อาร์ต ๆ มุมกล้อง แสงเงา การจัดวาง ดีงามมาก มีหลายคนที่เสียน้ำตาให้กับหนังเรื่องนี้ ถ้ามันไปตรงกับชีวิตใคร รับรองว่ารอดยาก อาจไม่ใช่หนังสำหรับทุกคน แต่ทุกคนควรดู.

หมีเช