@เริ่มที่”ภาพใหญ่” ทาง” การเมือง” เรื่องการ”ตัดไฟ” ที่” การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค” ทำสัญญา”ขายไฟ” ให้กับ” เมืองชายแดน”หลายเมืองใน”ประเทศเมียนมา” ที่เป็นแหล่งของ”แก็งค์คอลเซ็นเตอร์” ซึ่งเป็น”แก็งค์อาชญากรรมข้ามชาติ” ที่สร้างความ”เสียหาย” และความ”สูญเสีย” กับคน”ต่างชาติ” ไม่เฉพาะ”คนไทย” ที่”ถูกหลอก” เข้าไปสู่”ขบวนการ” และมีคนที่”ถูกหลอก”จาก”แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์” ที่เป็น”คนไทย” ถึง 700,000 กว่าคดี เป็นเงิน”จำนวนมหาศาล”……ซึ่งกว่าที่จะมีการ”ตัดไฟฟ้า” ที่ส่งไป”ขาย”ให้”เอกชน” ในฝั่ง”ประเทศเมียนมา” ได้ ก็ทำเอา” รัฐบาล” การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ,กระทรวงมหาดไทย” และ”หน่วยงานความมั่นคง” ต้อง”เสียรางวัด” กัน”ระนาว” เพราะมีการ”โยนลูก”กันไปมา ว่าใครที่จะมี”หน้าที่” มี” อำนาจ” ในการ”สั่งตัดไฟฟ้า” ที่ส่งขายให้กับ” เอกชน” ใน”ประเทศเมียนมา” จนสุดท้ายต้องเป็นการ”ตัดสินใจ” ของ”สภาความมั่นคงแห่งชาติ” หรือ” สมช.”…..แต่ที่”เสียหายที่สุด” ในความ”ล่าช้า” ของการ”จัดการ” กับ”แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์” คือเรื่องที่” หน่วยงานความมั่นคงสาธารณะ” ของ”สาธารณรัฐประชาชนจีน” เข้ามามี”ส่วนร่วม” หรือ”ส่วนบังคับ” ให้”รัฐบาลไทย” ต้อง”จัดการ” กับ”แก็งค์คอลเซ็นเตอร์” ที่ตั้งอยู่”รอบทิศทาง” ของ”ประเทศเพื่อนบ้าน” ใน”แนวชายแดน” ทั้งฝั่ง”เมียนมา, กัมพูชา” และ “สปป ลาว ถึงหาก” รัฐบาลจีน” ไม่เข้ามา”ร่วมมือ” หรือ”บีบบังคับ” การ”ตัดไฟฟ้า” อาจจะยังไม่เกิดขึ้น ก็เป็นได้
@และที่”เสียหาย” คือการที่” รัฐมนตรี” ของ”รัฐบาลจีน” บ่นดังๆให้”เข้าหู” ของ”คนไทย” ทั้งประเทศ คือ” ทำไมเจ้าหน้าที่ไทย” จึง”เพิกเฉย” กับปัญหาของ”แก็งค์คอลเซ็นเตอร์” ที่เกิดขึ้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่”ขายขี้หน้า” ไปทั่วโลก จากความ”ไม่เอาไหน” ของ”หน่วยงาน” ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง”รัฐบาล” โดย “ข้อเท็จจริง” ไม่ใช่ หน่วยงาน” ที่มี”หน้าที่” ในการ”จัดการ”กับ”แก็งค์คอลเซ็อนเตอร์” ไม่มี”ข้อมูล” ของ”แก็งค์คอลเซ็นเตอร์” ที่เป็น” อาชญากรข้ามชาติ” ที่ต้องรอ”ข้อมูล” จาก” รัฐบาลจีน” เพราะ “ข้อมูล”ของ”แก็งค์คอลเซ็นเตอร์” หน่วยงานของ”รัฐบาลไทย” มาอยู่”ในมือ” จากการ ให้”ข้อมูล” จาก” หน่วยข่าวกรองสหรัฐอเมริกา” รวมทั้ง”สหรัฐอเมริกา” มีการ”เสริมเขี้ยวเล็บ” ในด้าน”เครื่องมือเครื่องใช้” ให้กับ” หน่วยงาน” ที่มี”หน้าที่โดยตรง”ในการ”จัดการ” กับ”แก็งค์คอลเซ็นเตอร์” มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่”หน่วยงาน” เหล่านั้น ทำงานแบบ” เลี้ยงไข้” เป็นการ” เลี้ยงเป็ด” ไว้”กินไข่” ที่ทำให้การ”จัดการ”กับ”แก็งค์คอลเซ็นเตอร์” ของ”หน่วยงาน”ของ”รัฐบาลไทย” ทำแล้วไม่”สำเร็จ” …….
@แต่ “คนไทย” ก็อย่า”หลงดีใจ” ว่าการ” ตัดไฟฟ้า” การที่”การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค” ไม่”ขายไฟฟ้า” ให้กับ เมืองต่างๆ ที่เป็นที่ตั้งของ”แก็งค์คอลเซ็นเตอร์” ใน”แนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้านแล้ว จะทำให้”แก็งค์คอลเซ็นเตอร์” หมดไป และการ”หลอกลวง” คนไทยจะ”ยุติ” เพราะ ยังมี”ไฟฟ้า”จาก”สปป.ลาว” ที่พร้อมจะขายให้กับ”เมืองชายแดนเหล่านี้” หรือการไม่”ส่งน้ำมัน” ให้กับ”เมืองชายแดน”ที่เป็นที่ตั้งของ”แก็งค์คอลเซ็นเตอร์” ก็ ทำได้ไม่นาน เพราะเป็นการค้า”เอกชน” ของทั้ง”สองฝั่ง” และการทำให้”เมืองเหล่านี้”มีการ”ขาดแคลนน้ำมัน” ก็สร้าง”ผลกระทบ” ให้กับ”ประชาชน” ที่ไม่ใช่ผู้ที่อยู่ใน”ขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ”……การ”ตัดไฟฟ้า” การไม่”ส่งน้ำมัน” เป็น”มาตรการ” ส่วนหนึ่งของ”รัฐบาลไทย” ในการจะให้”แก็งค์คอลเซ็นเตอร์” ได้รับ”ผลกระทบ” แต่หน่วยงานที่”สำคัญ” อย่าง” กสทช.” เป็นอีกหน่วยงาน”สำคัญ” ที่ต้อง ดำเนินการในการ”ควบคุมการส่ง”สัญญาญ” โทรศัพท์ ไปให้กับ”แก็งค์คอลเซ็นเตอร์” ที่อยู่ในฝั่งของ”เมืองชายแดน”ของ”เพื่อนบ้าน” สังเกตได้ตั้ง” ต้นจนจบ” จะพบว่า” กสทช.” ขาดความ”กระตือรือล้น” ในเรื่องการ”ควบคุมสัญญาณโทรศัพท์” การ”ควบคม”ซิมโทรศัพท์” ซึ่งเป็นของ “เอกชน” เพียง 2 -3 บริษัท มี”ซิม” เป็นล้านๆ”ซิม” ที่กลายเป็น”ซิม” ที่อยู่”นอกเหนือ” จาก”ควบคุม” นี่คือข้อ”บกพร่อง” ของ” กสทช.” ในการปล่อยให้”เอกชน” ที่เป็น” เจ้าของซิม” ทำในสิ่งที่เรียกว่า”ผิดกฎหมาย” ละไม่มีการ”ดำเนินการ”อะไรกับ”เอกชนเจ้าของ”ซิม” ดังกล่าว….. แต่ถึงอย่างไร การที่”รัฐบาล” ทำการ”งดจ่ายไฟฟ้า” ให้กับ” เมืองชายอแดน” ของ”ประเทศเพื่อนบ้าน” ที่เป็นที่ตั้งของ”แก็งค์คอลเซ็นเตอร์” ก็ยังดีกว่า”ไม่ได้ทำอะไร” อย่างน้อย ก็ยังมี”เสียงเชียร์” ของ”ประชาชน” ให้ได้ยินอยู่บ้าง หลังจากมีแต่”ก้อนอิฐ” ที่ถึง”เขวี้ยงใส่” ทั้ง”แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี” และหน่วยงานอื่นๆที่มี”หน้าที่” แต่ไม่”รับผิดชอบ” กับเรื่องที่เกิดขึ้น……
@”แก็งค์คอลเซ็นเตอร์” อาจจะได้รับ”ผลสะเทือน” จากการ”ปฏิบัติการ” จาก”รัฐบาลไทย” และจาก”รัฐบาลจีน” ที่เข้ามาเพื่อ”จัดการ”กับ”พลเมือง”ของเขา ในครั้งนี้” ไม่มากก็น้อย” แต่ด้วยการเป็น” อาชญากรรมข้ามชาติ” ขนาดใหญ่ ย่อมที่จะไม่”หยุดนิ่ง” และ”ยุติ” การ “ดำเนินการ เพียงต่อมาอาจจะมีการ”พัฒนารูปแบบ” และมีการใช้”พื้นที่” ชายแดนด้านอื่นๆ และใช้”เครื่องมือ” ที่”ก้าวล้ำ” ในเรื่องของ”เทคโนโลยี” ในการ”ก่ออาชญากรรม” เพื่อ “หลีกหนี”การ”ปราบปราม” ของ” เจ้าหน้าที่ ดังนั้น” หน่วยงาน” ที่ต้อง”รับผิดชอบ” กับ”อาชญากรรมข้ามชาติ” ใน”รูปแบบ”ของ”แก็งค์คอลเซ็นเตอร์” และอื่นๆ ต้องมีการการ”พัฒนาองค์กร” ให้มีความ”ทันสมัย” และต้อง”ก้าวนำหน้า” แก็งค์อาชญากรรมข้ามชาติ” อย่างน้อย”หนึ่งก้าว” จึงจะ “ป้องกัน” ความ”เสียหาย” ของ”ประชาชน”ที่เกิดจาก”แก็งอาชญากรรมข้ามชาติ”ได้……ที่สำคัญ หลังการที่”รัฐบาลจีน” เข้าไป”กวาดล้าง บรรดาพลเมืองของประเทศจีน วันนี้ได้มีการ”หลบหนี” มา”หลบซ่อน” ใน”ประเทศไทย” โดยความ”ร่วมมือ” ของ”ขบวนการค้ามนุษย์ของไทย” ไปแล้วจำนวนเท่าไหร่ เมื่อเข้ามาแล้ว วันนี้”จีนเทา” มีการ”กระจายตัว”ไปยัง เมืองไหน ภูมิภาคไหน ของ”ประเทศไทย” บ้าง เพื่อใช้เป็น”ฐาน” ในการ”ก่ออาชญากรรม” ใน”รูปแบบ” ต่างๆ สุดท้าย ปัญหาของ”จีนเทา” ยังไม่มีความ”ร้ายแรง” เท่ากับ”ไทยเทา” และ”เจ้าหน้าที่เทา” ที่เป็นผู้อยู่”เบื้องหลัง”ในการให้การ”สนับสนุน” และเป็น”นอมินี” เพื่อการ”แบ่งปันผลประโยชน์” ถ้า”รัฐบาล” ต้องการที่เห็น”ขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ” และ”แก็งค์คอลเซ็นเตอร์” หมดไปจาก” แนวชายแดน” ประเทศเพื่อนบ้าน และใน”ประเทศไทย” ต้อง “ทำลาย”ขบวนการไทยเทา” และ”ข้าราชการเทา” ภายในประเทศให้หมดไปเสียก่อน จึงจะได้ผล……
@กลับมาดูเรื่อง”เศรษฐกิจ” ภายในประเทศบ้าง ซึ่งวันนี้ยัง”หนักหนาสาหัส” เห็นได้จาก” หนี้ครัวเรือน”ของ”ประชาชน” ที่”สาหัสสากรรจ์” จริงๆ “บ้านถูกยึด, รถยนต์ไม่มีปัญหาผ่อน” คนจำนวนมากเข้าร่วมโครงการ”คุณสู้ เราช่วย” เพื่อเป็นการ”หาทางออก” ซึ่งก็เป็น”ทางออกชั่วคราว” เพราะหาก”เศรษฐกิจ”ของ”ประเทศไม่ฟื้นตัว” ถึงจะ”สู้จะช่วย” อย่างไร ก็ต้องถึงวันที่”ไปไม่รอด” อยู่ดี ที่สำคัญ” รัฐบาล” มีการ”แจกเงิน” ให้กับ”ประชาชน” คนละ 10,000 บาท ไปแล้ว “สองรอบ” ก็ยังไม่ได้ช่วย”กระตุ้นเศรษฐกิจ” ของประเทศให้ดีขึ้น และ ข่าวว่าจะ”แจกเฟสที่สาม”ไม่เกินเดือน เมษายน ที่จะถึงนี้ เป็นการ”แจกเงิน” ใน” เทศกาลสงกรานต์” หรือ”ปีใหม่ไทย” ที่มีผู้สงสัยว่าเป็นการ”แจกเพื่อคะแนนเสียง” ของ”พรรคเพื่อไทย” หรือเป็นการแจกเพื่อ”กระตุ้นเศรษฐกิจ” เพราะที่ แจกมาแล้วสองรอบ ยังไม่”ตอบโจทย์” ของการ”กระตุ้นเศรษฐกิจ” ให้เกิดการ”กระเตื้อง” แต่อย่างใด และต้องถาม” รัฐบาล” ของ” แพทองธาร ชินวัตร” ว่า หลังการแจกเงิน 10,000 บาท ใน เฟสที่สาม แล้ว “รัฐบาล” ยังมี”ของเล่น” อะไร ในการที่จะ”กระตุ้นเศรษฐกิจ” ของประเทศอีกหรือไม่……
@ส่วนการเดินทางไปเยือน”สาธารณรัฐประชาชนจีน” เพื่อการ”สนทนาความเมือง” เรื่อง”เศรษฐกิจ” กับ”สี จิ้นผิ้ง” ผู้นำ”หมายเลขหนึ่ง”ของ”สาธารณรัฐประชาชนจีน” ก็ยังหวังอะไรไม่ได้ว่าจะมี”ข่าวดี” เพราะวันนี้”เศรษฐกิจ”ของ”จีน” ก็อยู่ในช่วง”ขาลง” ที่ต้องใช้”นโยบาย” ในการ”ระบายสินค้า” ที่”ผลิตได้” ใน”ประเทศจีน” ส่งมา”ตีตลาด”ของ”ประเทศไทย” และ”กลุ่มอาเซียน” และที่สำคัญ”วันนี้”รัฐบาลจีน” ยัง”คาใจ” ในเรื่องของ”มุสลิมอุยกูร์” จำนวน 48 คน ที่”รัฐบาลจีน” ต้องการให้เราส่ง”ชาวอุยกูร์” ให้กับ”ประเทศจีน แต่”รัฐบาลไทย” ไม่สามารถทำตามที่”รัฐบาลจีน” ต้องการ เพราะมีเสียง”คัดค้าน” จาก”องค์กรสิทธิมนุษย์ชน” ทั่วโลก โดยเฉพาะ”สหรัฐอเมริกา” ที่มีการ”ยื่นคำขาด” ว่าหาก”รัฐบาลไทย” ส่ง”ชาวอุยกูร์” ให้กับ”รัฐบาลจีน” ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา ต้องมี”ปัญหา” ดังนั้น จึงยังหวังที่จะให้”รัฐบาลจีน” ให้ความ”ช่วยเหลือ” เพื่อ”ฟื้นเศรษฐกิจไทย” ยังไม่ใช่”เรื่องง่าย”……
@ส่วนการที่”ทักษิณ ชินวัตร “ อดีต”นายกรัฐมนตรี” เดินทางไปยัง”มาเลเซีย” เพื่อ”พบปะ”กับ”อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรี ของ”มาเลเซีย” ที่ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ผู้เป็น”ลูกสาว” บอกกับ”ผู้สื่อข่าว” ว่า เป็นการ”เจรจาหารือ” ในเรื่อง”เศรษฐกิจ”ของ”อาเซียน” และเรื่องปัญหาการสู้รบใน”เมียนมา” ก็ยังมองไม่เห็นว่า” มาเลเซีย” จะมีส่วนในการ”ฟื้นตัว” ของ”เศรษฐกิจ”ของ”ประเทศไทย” ตรงไหน เพราะ”มาเลเซีย” ถือว่า”ไทย” เป็น”คู่แข่ง” ด้าน”เศรษฐกิจ”ของเขา และวันนี้”เศรษฐกิจ” ของ” มาเลเซีย” ก็ไม่สู้ดี รัฐบาล ต้องมีการ”ขึ้นราคาน้ำมันเชื้อเพลิง”ถึง 50 % ยอมให้”ประชาชน”เดือดร้อนทั้งประเทศ เพื่อ”พยุง” สถานะของ”การเงินการคลัง”….ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา”ทักษิณ ชินวัตร” อดีต “นายกรัฐมนตรี” เดินทางไปยัง”มาเลเซีย” พบกับ” อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรี มาเลเซีย ในฐานะของ”ที่ปรึกษาประธานอาเซียน” เนื่องจากปี 2568 “ประเทศมาเลเซีย ทำหน้าที่”ประธานกลุ่มประเทศอาเซียน” ข่าวที่”สื่อสาร” จาก”ฝั่งมาเลเซีย” คือการ”สนทนาหารือ” ในเรื่อง”เศรษฐกิจสังคม”ของประเทศในกลุ่มอาเซียน และความไม่สงบในประเทศเมียนมา แต่ เชื่อเถอะ เรื่อง สำคัญ ที่”ทักษิณ ชินวัตร” ต้องการที่”แก้มือ” มากที่สุดคือเรื่องของการ” ดับไฟใต้” โดยขอความ”ร่วมมือ” จาก” อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย เพราะปัญหาของ”ไฟใต้” นั้นแม้ว่า”ต้นตอ” หรือ”รากเหง้า” ของปัญหาเป็นเรื่องที่”เกิดในพื้นที่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้” แต่” ฐานที่มั่น” ของ”ขบวนการแบ่งแยกดินแดน” ทุกขบวนการไม่ว่าจะเป็น” บีอาร์เอ็น” หรือ”พูโล” ต่าง”เจริญเติบโต” อยู่ในประเทศมาเลเซีย ถ้า มาเลเซีย ให้ความ”ร่วมมือ” หรือ”สั่งห้าม”ให้”บีอาร์เอ็น” หยุดการ”ก่อการร้าย” ในพื้นที่ของ”สามจังหวัด และ สี่อำเภอของ จ.สงขลา” หากไม่ทำตาม “บีอาร์เอ็น” ก็จะอยู่ใน”ประเทศมาเลเซีย” ไม่ได้ การ”ก่อการร้าย” ในพื้นที่ของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ก็จะ”เบาบาง” และ “เจ้าหน้าที่รัฐ” ก็จะ”จัดการ” กับ”แนวร่วม” และ”กองกำลังติดอาวุธ” ได้ไม่ยาก ซึ่งก็ต้องติดตามดูว่า” ทักษิณ ชินวัตร” จะใช้” กลยุทธ” อะไร ในการ”โน้มน้าว” ให้”อันวาร์ อิมราฮิม” เห็นด้วย และให้ความ”ร่วมมือ” ให้”บีอาร์เอ็น” หยุดการ”ก่อการร้าย” และ”ยุติ” แนวคิด” ในการ”แบ่งแยกดินแดน” ซึ่งหากถึง”ขั้นตอนนั้น” เชื่อว่า” รัฐบาล” ต้องออก”กฎหมายนิระโทษกรรม” ให้” คนใน”ขบวนการบีอาร์เอ็น” พ้นผิด และเดินทางกลับมายัง” ภูมิลำเนา” ในพื้นที่ของ”สามจังหวัดชายแดนภาคใต้”…..
@แต่ สุดท้าย อาจจะเป็นเพียง”ฝันลมๆแล้ง” ของ”ทักษิณ ชินวัตร” ในการขอความ”ร่วมมือ” จาก”อันวาร์ อิมราฮิม” นายกรัฐมนตรีของ”มาเลเซีย” เพราะเป็นเรื่อง”ไม่ง่าย” ที่”อันวาร์ อิมราฮิม” จะ”สั่งการ”ให้” มุขมนตรีรัฐกลันตัน” และ”พรรคพาส” ที่เป็น”พรรคการเมืองฝ่ายค้าน” ที่”ไม่ลงรอย” กับ” รัฐบาลกลาง” ของ”มาเลเซีย” ทำตามที่” อันวาร์ อิบราฮิม” ต้องการ เพราะ ทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา เมื่อ”นายกรัฐมนตรี” ของ”ประเทศไทย” หรือ” ขุนทหาร” มีการ”หารือ”เพื่อขอ”ความเห็น” จาก” นายกรัฐมนตรี” ของ”มาเลเซีย” สิ่งที่”ผู้นำมาเลเซีย” ให้คำแนะนำกลับมาคือให้ “รัฐบาลไทย” ตั้ง “สามจังหวัดชายแดนภาคใต้” เป็นเขตปกครองพิเศษ” หรือ”เขตปกครองตนเอง” ซึ่งเป็นเรื่องที่”ทำไม่ได้” เพราะนอกจากขัด”รัฐธรรมนูญ”แล้ว”คนไทยส่วนใหญ่” ก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้”สามจังหวัดชายแดนภาคใต้” เป็น”เขตปกครองพิเศษ” หรือ”เขตปกครองตนเอง”……และ”ทางออก” อีกทางของ”ทักษิณ ชิวัตร” และ”อันวาร์ อิมราฮิม” นายกรัฐมนตรีของ”มาเลเซีย” ในการ”แก้ปัญหาของ”ไฟใต้” คือการ”ขับเคลื่อน”ให้เกิดเวทีการ”เจรจาสันติภาพ” อีกครั้ง หลังจาก”ชะงักงัน” มาเป็นเวลานาน ซึ่งการ”ขับเคลื่อน” เวทีการ”เจรจาสันติภาพ” เป็นการ”ซื้อเวลา” ของทั้งฝ่าย” บีอาร์เอ็น” และ”ฝ่ายไทย” ในการที่จะเป็น”ข้ออ้าง” ในการ”แสวงหาทางออก”ซึ่งจะ”สำเร็จ” หรือ”ล้มเหลว” เป็นเรื่อง”ภายภาคหน้า” แต่”มาเลเซีย” ก็”ตีกิน” ในฐานะของ”ผู้อำนวยความสะดวก” ที่ สามารถ”บังคับวิถี” ให้ทั้ง” บีอาร์เอ็น” และ” รัฐบาลไทย” ต้องเดินไปตาม”กรอบของการเจรจา”……และการ”เจรจาสันติภาพ” ครั้งใหม่ที่หากจะเกิดขึ้น นอกจากจะมี”บีอาร์เอ็น” เป็น”คู่เจรจา” แล้ว ยังจะมี”พูโล” หรือ”ขบวนการ”แบ่งแยกดินแดน” อื่นๆ ร่วมด้วยหรือไม่ เพราะสิ่งที่เห็น”ชัดเจน” คือการเกิด”กองกำลังติดอาวุธ” ของ” ขบวนการแบ่งแยกดินแดนพูโล” เกิดขึ้น และ “ปฏิบัติการ” ด้วยการ”ก่อการร้าย” เพื่อที่”แสดงตัวตน” และขอ”ร่วมวง” ในการ”เจรจาสันติภาพ”ด้วย การมี”ขบวนการแบ่งแยกดินแดน”ขบวนการอื่นๆ เข้าร่วม”เวทีการเจรจา” แม้ว่า”บีอาร์เอ็น” จะไม่”ยินยอม” แต่ถ้า”มาเลเซีย” ทำการ”บีบบังคับ” เชื่อว่า”บีอาร์เอ็น” ยังต้องทำตาม และก็จะเป็นการ” เจรจากันไป” และ”ก่อเหตุในพื้นที่กันไป” แบบที่เป็นมาแล้วในรอบ 21 ปี ซึ่งเป็นการวิธีการ”แก้ปัญหาโดยไม่ได้แก้” และผู้ที่”แฮ้ปปี้” ก็คือ”ฝ่ายความมั่นคง” ของ”รัฐไทย” เพราะหมายถึง”งบประมาณ” ทั้งที่ใช้ในการ”ขับเคลื่อนการเจรจา” และ”งบประมาณ” ที่ต้องใช้ในการ” รักษาความไม่สงบ” ในพื้นที่ของ”สามจังหวัดชายแดนภาคใต้…..
@ส่วน”สถานการณ์” ในพื้นที่ หลังการ”วิสามัญฆาตกรรม”กองกำลังติดอาวุธของ”บีอาร์เอ็น” ที่ ต.ห้วยกระทิง อ.กรงปีนัง จ.ยะลา วันนี้ “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ต้อง”ระมัดระวัง” ในการ”เอาคืน” ของ”กองกำลังติดอาวุธ” ของ”บีอาร์เอ็น”ในพื้นที่ เพราะเรื่องที่”บีอาร์เอ็น” จะ”สูญเสีย” ฝ่ายเดียวไม่มี เพียงแต่ยังไม่ทราบ”วัน ว. เวลา น. ที่”บีอาร์เอ็น” จะ”ลงมือก่อเหตุ” เท่านั้น ยิ่งงาน”การข่าว” ยัง”มืดบอด” การ”ระวังป้องกัน” ก็ยิ่งเหมือน”ตาบอดคลำช้าง” กำลัง”ทหาร”เต็มพื้นที่ แต่ไม่รู้ว่า”บีอาร์เอ็น” จะ”ก่อเหตุ” ตรงไหน “เจ้าหน้าที่รัฐ จึง”เหนื่อย” และ”เครียด”…..และ ยิ่งใกล้”เดือนรอมฎอน” ซึ่งน่าจะเป็นวันที่ 2 มีนาคม 2568 ซึ่งเป็นที่”รู้กัน” ว่าใน”เดือนรอมฎอน” จะเป็น”ห้วงเวลา” ของการ”ก่อการร้าย” ของ” แนวร่วม” และ”กองกำลังติดอาวุธ” ในพื้นที่ เพราะถูก”บ่มเพาะ” จาก”อุสตาซ” ให้เชื่อในทางที่ผิดๆว่าการ”ก่อเหตุร้าย” หรือการ”สังหารศัตรู” ใน”เดือนรอมฎอน” ผู้ก่อเหตุจะ”ได้บุญ 10 เท่า” โดยเฉพาะใน”7 วันก่อนเข้ารอมฎอน” จะเป็น”ห้วงเวลา” ของการ”ก่อเหตุ” วันนี้จึงเป็น”งานหนัก” ของ” พล.ท.ไพศาล หนูสังข์” แม่ทัพภาคที่ 4 และ “ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ในการ”สั่งการ” ให้”เจ้าหน้าที่รัฐ” ต้องป้องกันเหตุร้าย อย่าให้เกิดขึ้น หรือถ้าจะเกิด ก็อย่าให้เกิดใน”หัวเมืองเศรษฐกิจ” ทั้งหมดคือเรื่องของ”ไฟใต้”ที่ยังมองไม่เห็นหนทางของการ”มอดดับ” ……
@ที่สำคัญ ก่อนถึงเดือน”รอมฎอน” กองกำลังก่อวินาศกรรมของบีอาร์เอ็น” ได้ใช้วิธีการแบบเดิมๆ” นั้นคือนำ”ระเบิดแสวงเครื่อง” ใน”ติดตั้ง” ในรถยนต์ส่วนของ” เจ้าหน้าที่ตำรวจ” ที่ อ.ศรีสาคร และ รถยนต์ของ”ปลัดอำเภอยี่งงอ” ในขณะที่ เจ้าของรถยนต์” นำไปจอดที่บ้านพัก นอกสถานที่ราชการ และ”รถทั้งสองคัน” ก็กลายเป็น”คาร์บอมบ์” เกิด”ระเบิด” ในขณะที่จอดอยู่หน้า”สภ.ศรีสาคร และหน้า”กองร้อยกองอาสารักษาดินแดน” ของที่ว่าการอำเภอยี่งอ จ.นราธิวาส …… แม้ว่าทั้งสองเหตุการณ์ จะไม่มี”คนเจ็บ” และ”คนตาย” มีแต่”ทรัพย์สิน” ที่เสียหายจาก” แรงระเบิด” แต่ก็กลายเป็นการ”สร้างสถานการณ์”ที่เกิดความ”ปั่นป่วน” กับ” เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ต้องขับรถยนต์”กลับบ้าน” และมา”ปฏิบัติหน้า” ยัง “สถานที่ราชการ” ต่างๆ เพราะไม่รู้ว่า จะมี”แนวร่วม” ของ”บีอาร์เอ็น” นำระเบิดแสวงเครื่อง” ไปติดไว้”ใต้ท้องรถเมื่อไหร่” และ “สถานที่ราชการ” ก็ต้องมีการ”รื้อฟื้น” การ”ป้องกัน”รถราม้าช้าง” ที่เป็นของ”เจ้าหน้าที่” ที่ขับมาจอดในสถานที่ราชการ เพราะไม่รู้ว่าคันไหนจะมี”ระเบิดแสวงเครื่อง” ติดอยู่ใต้ท้องรถ……วิธีการที่”แนวร่วม” นำมาใช้ ไม่ใช่”เรื่องใหม่” เพราะเป็นเรื่องที่” แนวร่วม” เคยใช้เมื่อปี 47 – 50 มี “เจ้าหน้าที่” ที่ตก”เป็นเหยื่อ” เสียชีวิต และ”พิกลพิการ” ขาขาด และบาดเจ็บ ไป หลายราย และ วันนี้”วิธีนี้” ก็ถูกนำกลับมาใช้กลายเป็น”ปีศาจ” ที่ตามมา”หลอกหลอน” เจ้าหน้าที่ และ สถานที่ราชการ อีกครั้งหนึ่ง ก็จะเห็นว่า “ยุทธวิธี” ของ”บีอาร์เอ็น” ไม่มีอะไรที่ใหม่ แต่”ยุทธวิธีเก่าๆ” ก็ยังได้ผล ในการสร้างความ”สูญเสีย” และความ”ปั่นป่วน” ที่เกิดขึ้นกับ”พื้นที่ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้”…..
@ในขณะที่”ภาคประชาชน” และ”ภาคประชาสังคม” ที่เป็น”ปีกทางการเมือง”ของ”บีอาร์เอ็น” ก็ “เร่งเร้า” ให้” รัฐบาล” ของ” เพื่อไทย”ที่มี”แพทองธาร ชินวัตร” เป็น”นายกรัฐมนตรี” และ”ภูมิธรรม เวชยชัย” เป็น”รองนายกฝ่ายความมั่นคง” และเป็น”เสนาบดีกระทรวงกลาโหม” เร่งดำเนินการ”สานต่อ” เวทีการ”เจรจาสันติภาพ” กับ”ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น” เพราะเห็นว่าการ”ก่อเหตุที่รุนแรง” ขึ้นทุกขณะ เมื่อไม่มีเวทีในการ”พูดคุย” หรือ”เจรจา” ระหว่าง” รัฐบาล” กับ” บีอาร์เอ็น” โดยเชื่อว่า” การ”พูดคุย” หรือ” เจรจาสันติภาพ” คือ”ทางออก” ของการ”ลดความรุนแรง”แต่ในอีก”ฝั่งหนึ่ง” ของผู้ที่”ไม่เห็นด้วย” กับการไป”ตั้งโต๊ะเจรจา” รอบใหม่ เห็นว่าถ้ามีการ”เจรจา” แล้ว แต่ยังมี”สถานการณ์” ของความ”สูญเสีย” แบบ”พูดไปฆ่าไป” เจ้าหน้าที่ตายไป ประชาชนตายไป อย่างที่ผ่านมา ซึ่งมีการ”เจรจา”กันมาแล้ว 12 -13 ปี ก็”ป่วยการ” ที่จะ”เจรจา” ซึ่งสุดท้ายแล้ว การที่จะ”เดินหน้า” เพื่อการ”เจรจาสันติภาพ” จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เชื่อเถอะ “เฮียอ้วน” หรือ” สหายใหญ่” ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และ “เสนาบดีกระทรวงกลาโหม” ต้องฟังจาก”ทักษิณ ชินวัตร” เท่านั้น……ที่สำคัญ “รัฐบาลมาเลเซีย” มีการสั่งเข้มงวด”ชายแดน”ทั้งที่ติดกับ”ประเทศไทย” และที่ติดกับ” ประเทศสิงคโปร์” โดยมีการให้”หน่วยงานความมั่นคง”เป็นหน่วยงานเดียวในการ”ซีลแนวชายแดน” และ”ตรวจสอบ”การ”เข้าออก” ของ”คนทั้งสองประเทศ” และจะมี”จุดตรวจ”จำนวน 144 จุด นี่คือเรื่องของ”รัฐบาลมาเลเซีย” ที่เกี่ยงกับเรื่อง”ความมั่นคงภายใน”ของประเทศเขา ที่อาจจะส่ง”ผลกระทบ” กับ” ประชาชน” ใน”จังหวัดชายแดนภาคใต้…..
@มาดูเรื่องของ”การเมืองท้องถิ่น” การเลือกตั้ง” นายก อบจ.” และ” ส.อบจ.” จบแล้ว คนที่”ชนะ” ก็ต้องไป”หาทางหาเงินหาทอง” เพื่อ”ใช้หนี้” ที่ต้อง”ใช้เงิน” เป็นจำนวนมาก ในการ”หาเสียง” หลายจังหวัดมีการ”นายก อบจ.ต้องใช้เงินกว่า 400 ล้านส่วน “ส.อบจ.” มีค่าใช้จ่ายคนละ 2 -5 ล้าน นี่คือ”รายจ่าย” ของ”ผู้ชนะ” ส่วนผู้ที่”ปราชัย” ก็มี”รายจ่าย” ที่อาจจะ”น้อยกว่า” แต่ตกอยู่ในสถานะที่”หนักกว่า” เพราะไม่มี”ช่องทาง” ในการ”หาเงิน” ที่สำคัญ การเลือกตั้งครั้งนี้ มีการ”ร้องเรียน” ในเรื่องการ”ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง” ทั้งในเรื่อง”ข้อห้าม” ทั้งในเรื่อง”ซื้อเสียง” และอื่นๆ เป็น จำนวนมาก โดยเฉพาะที่ “สงขลา” ซึ่งมีเรื่อง”ร้องเรียน” หลายเรื่อง และข่าวว่า”บางเรื่อง” กกต.สงขลา” เห็นว่าเป็น”เผือกร้อน” ได้รีบส่งให้” กกต.กลาง” เป็นผู้”ลงดาบ” แล้ว ก็ต้องรอต่อไปว่า “กกต.กลาง” จะใช้เวลา กี่วัน กี่เดือน กี่ปี จึงจะมีการ”ตัดสิน” เพราะ”กลยุทธ”หนึ่งของผู้ที่”ถูกฟ้อง” คือการ”วิ่งเต้น” ดึงเรื่องไว้ให้ “ช้าที่สุด” โดยการ”ยอมจ่าย”ให้กับผู้มี”บารมี” ในการ”วิ่งเต้น”……อีกเรื่อง ที่เป็น”ข้อสังเกต” ในการ “เลือกตั้ง” อบจ.สงขลา” คือการ”โนโหวต” เกือบ 100,000 ใบ และใน “สามจังหวัดชายแดนภาคใต้” ก็มีทั้งการลงคะแนนที่”ไม่เลือกใคร” และ “จำนวนบัตรเสีย” ที่มีเป็น จำนวนมาก เรื่องนี้บอกอะไรกับ”ฝ่ายการเมือง” หรือเป็นเพียงเรื่องที่”ฝ่ายการเมือง” และ”พรรคการเมือง” ปล่อยให้”ผ่านไป” กับ”สายลมแสงแดด” เพราะไม่เห็นถึง”ความสำคัญ”……
@จบจาก” เรื่องการเลือก”นายก อบจ.” ก็เป็นเรื่องการเลือกตั้งระดับ”เทศบาล” ซึ่ง ขณะนี้”ปี่กลองทางการเมือง” ดังขึ้นแล้ว หลายคน”เดินหน้าเสียง” มาแล้วหลายเดือน หลายคนที่เป็น”นายกเทศบาล” เพิ่งประกาศให้ประชาชนรับรู้ว่าจะ”ป้องกันเก้าอี้นายกเทศบาล” ต่อไป เช่น “พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี”นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่” ที่ ประกาศตัวพร้อม”แข่งขัน” กับ”ผู้สมัครทุกคน” เพื่อให้เป็น”ทางเลือก” ของ”ประชาชน” ผู้มีสิทธิ์ในการ”ลงคะแนน” สำหรับ”เทศบาลนครหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีผู้สมัครที่ประกาศตัวไปก่อนหน้านี้คือ”ณรงค์พร ณ พัทลุง” หรือ” ปลัดแป้น” และ” พ.อ.พิเศษ สุชาติ จันทรโชติกุล” ส่วนผู้สมัครอื่นๆ โดยเฉพาะจาก”พรรคส้ม” ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่แค่การเปิดตัวของ”สามขุนศึก” ที่จะขึ้น”เวทีลุยไถ” ก็สร้าง”สีสัน” และความ”สนใจ” ให้ประชาชนในเขต”เทศบาลนครหาดใหญ่”แล้ว….เรื่องของ”หาดใหญ่” ที่”คนหาดใหญ่” อยากเห็นการ”แก้ปัญหา” นอกจากเรื่อง”ขยะมูลฝอย” ที่ “เทศบาลนครหาดใหญ่” ยังไม่มีที่”กำจัดขยะ” ที่เป็นของตนเองแล้ว ยังมีเรื่อง”รถติดเป็นอันดับหนึ่ง”ของประเทศ ที่ทุกคนสนใจอยากได้เห็นถึง”วิสัยทัศน์” ของผู้อาสามาเป็น” ผู้บริหารเทศบาลแห่งนี้” เพราะเป็นความ”เดือดร้อน” ของคนที่อยู่ในเขตเทศบาล”ต้องแบกรับ”……
@เรื่องของ”แรงงานต่างชาติ” ที่เข้ามา”แย่งงานคนไทย” ยิ่งนานวัน”ยิ่งเดินชัด” และยิ่ง”เดือดร้อน” ล่าสุด”คนใน”จังหวัดปัตตานี”ไม่ทนอีกต่อไป ลุกขึ้น”ประท้วง” ขับไล่ “แรงงานเมียนมา” ที่เข้ามา”แย่งอาชีพ” ทั้ง”เป็นนายทุน” และเป็น”แรงงาน” ที่”สะพานปลาปัตตานี” และหาก”ปล่อยไว้” ไม่มีการแก้ไข อนาคตอาจจะมีการ”ฆ่ากันตาย”เกิดขึ้น เช่นเดียวกับที่”เทศบาลหาดใหญ่” จ.สงขลา วันนี้”หลายอาชีพ” ที่สงวนไว้สำหรับ”คนไทย” เช่น”นวดแผนโบราญ” กลายเป็น”ธุรกิจของเมียนมา” และ”หมอนวด” ก็เป็น”ชาวเมียนมา” นอกจาก”แย่งชีพ” ยังมีการ”ตัดราคา”สร้างความ”เดือดร้อน” ให้กับเจ้าของ”ธุรกิจไทย” และ”หมอนวดไทย”ที่อาจจะต้อง”ม้วนเสื่อกลับบ้าน” อีกเรื่องที่มีการ”ร้องเรียน”จาก”ผู้ประกอบการท่องเที่ยว” เรื่องของการที่”ขนส่งจังหวัด” ปล่อยให้มีการนำ”รถยนต์ป้ายดำ” มาใช้ในการ”แย่งนักท่องเที่ยว” จากผู้ประกอบการ”รับจ้าง” และเรื่อง”สุดท้าย” จาก”นักธุรกิจ พ่อค้า แม่ค้า” คือเรื่องการ”ตีเส้นขาว-แดง” ที่ มากเกินไป และกลายเป็น”เส้นทาง” การ”ทำมาหากิน” ของ” ตำรวจจราจร” ด้วยการ”ล็อกล้อ” โดยเฉพาะ”รถยนต์” ของ”นักท่องเที่ยวต่างชาติ” ที่อาจจะไม่”เข้าใจ” เรื่อง”กฎหมายไทย” และกลายเป็นการ”ทำลายการท่องเที่ยว” ทางอ้อม เพราะเมื่อ นักท่องเที่ยว”จอดรถ” แล้วถูก”ล็อกล้อ” และ”ถูก”เสียค่าปรับ” ก็ อาจจะ ไม่เข้ามา”ซื้อสินค้า-กินอาหาร” ใน “เขตเทศบาล” ทั้งหมดคือเรื่องที่” พ.ต.อ.ภูมิ บาลทิพย์” ผกก.สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ต้องเร่งแก้ปัญหา อย่าคิดแค่”เงินค่าปรับ” ที่ได้รับจากผู้ที่ทำผิด”กฎหมายจราจร”…….แล้วพบกันใหม่ในวันศุกร์หน้า สวัสดีครับ
————————————————————-
ไชยยงค์ มณีพิลึก
/////////////////////////////////////////////////////

อวยพรตรุษจีน. ยู่สิน จินตภากร ประธานองค์กรเชื้อสายจีน จังหวัดยะลาและคณะกรรมการ เข้าอวยพรตรุษจีน พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ณ ห้องรับรอง ศอ.บต. อ.เมือง จ.ยะลา

ตรวจที่เกิดเหตุ. พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผอ,กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ลงพื้นที่ ตรวจสอบการก่อเหตุ คาร์บอมบ์ ที่หน้า สภ.ศรีสาคร จ,นราธิวาส โดยมี หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รายงานสถานการณ์ ให้รับทราบ

มอบประกาศ, พ.ต.ท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. มอบหมายให้ นพ.สมหมาย บุญเกลี้ยง ผู้ช่วยเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานปิดและมอบประกาศนียบัตรให้กับผู้เข้ารับการอบรมกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ“หลักสูตรพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ของรัฐด้านเทคโนโลยีดิจิทัลยุคใหม่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568” รุ่นที่ 2 . ณ โรงแรมเซาท์เทิร์นวิว ปัตตานี อ.ปัตตานี จ.ปัตตานี

บอกบุญ. จิรวิทย์ แซ่เจ็ง , ฟุ๊เฉิน แซ่เหลียง และ วราภรณ์ ศิวดำรงพงศ์ เป็นตัวแทนคณะกรรมการมูลนิธิแม่กอเหนี่ยวจังหวัดยะลา และคณะฮวาอิง ออกเดินโต่ยจี๊ (บอกบุญ) งานประเพณีแห่พระลุย ประจำปี 2568 ถนนรวมมิตร ถึง สี่แยกไฟแดงศูนย์เยาวชน เขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา

ดร. กมล รอดคล้าย สมาชิกวุฒิสภา จากจังหวัดสงขลา ประธานกรรมาธิการการศึกษา การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย เเละนวัตกรรม วุฒิสภา เป็นประธานในพิธีปัจฉิมนิเทศ และมอบโล่พร้อมเข็มเกียรติยศ แก่นักเรียนที่จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา ณ หอประชุม 100 ปีโรงเรียนมหาวชิราวุธเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568

เยียวยา. นิพนธ์ ชายใหญ่ ผช.เลขาธิการ ศอ,บต. ลงพื้นที่ ต.ตะเสะ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง เพื่อให้กำลังใจ และนำเงิน 500,000 บาท เพื่อเยียวยา ครอบครัว จสต. ปัทพงศ์ เสียมไหม ตำรวจ สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี ที่เสียชีวิตจากระเบิดแสวงเครื่อง ในขณะปฏิบัติหน้าที่

ลงพื้นที่. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ,พล.อ.เอกรัตน์ ช้างแก้ว ปธ.คณะที่ปรึกษากองทัพบก , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผช.ผบ.ตร./ผบ.ศปก.ตร.สน., พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9/รอง ผบ.ศปก.ตร.สน.(1), พล.ต.ต.วรวิทย์ ญาณจินดา ผบก.สปพ.ร่วมเดินทาง ปฏิบัติภารกิจ ตรวจเยี่ยม ประชาชน เจ้าหน้าที่ ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ณ รพ.ปัตตานี

มอบข้าวกล่อง. รุ่งกานต์ สิริรัตน์เรืองสุข รองปลัด อบจ,ยะลา ลงพื้นที่ ส่งเจ้าหน้าที่ในสังกัด อบจ.ยะลา พร้อมมอบข้าวกล่องให้ เจ้าหน้าที่ทหาร พลขับ เฮลิคอปเตอร์ ที่ใช้ในการขนส่งหีบบัตรเลือกตั้ง องค์การบริหารปกครองท้องถิ่น ในเขตพื้นที่ อ.บันนังสตา ณ ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี

ลงพื้นที่. นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา เข้าร่วมโครงการ พัฒนา เรียนรู้ศาสตร์พระราชา ซึ่งเป็นกิจกรรมรายวิชาศาสตร์พระราชา ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมี ผศ.ศิริชัย นามบุรี รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎ พร้อมคณะผู้บริหารลงพื้นที่ให้กำลังใจ ณ ศูนย์เรียนรู้แม่ลาน มหาวิทยาลัยราชภัฎ จ.ปัตตานี

กวาดล้าง. พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผบก.ภ.จว.ตรัง พร้อมด้วย รอง ผบก.ภ.จว.ตรัง ผกก.สส.ภ.จว.ตรัง หน.สภ.ในสังกัด ภ.จว.ตรัง และ พ.ต.จีรศักดิ์ ลั่นเต้ง หัวหน้าฝ่ายการข่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดตรัง (ทหาร) ร่วมกันแถลงข่าว การปฏิบัติประจำเดือน มกราคม 2568 ผลระดมกวาดล้างอาชญากรรม การจับกุมอาวุธปืน และระดมจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จับตามหมายจับ จับกุมความผิดซึ่งหน้าในคดีต่างๆ ได้ของกลางเป็นจำนวนมาก

ป้องกันทุจริต. บัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผอ.ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง มอบหมาย ยุทธนา วิมลเมือง หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันการทุจริตและคณะ พร้อมทั้งชมรมตรังต้านโกง ลงพื้นที่ติดตามมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับรถบรรทุกน้ำหนักเกิน สถานีตรวจสอบน้ำหนักตรัง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง

ฟุตบอลสานสัมพันธ์. โอฬาร บิลสัน ปลัดจังหวัดยะลา เปิดการแข่งขันฟุตบอลสานสัมพันธ์ ” สิงห์ผยอง กองอาสารักษาดินแดน 2568″ ซึ่งเป็นกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่ และสมาชิก อส. เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากองอาสารักษาดินแดน 10 กุมภาพันธ์ ของทุกปี โดยมี นายอำเภอเมืองยะลา , นายอำเภอกาบัง ผู้แทนนายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ , ผบ.หน่วยกำลังทหาร ตำรวจ กองร้อยฯ อส.อำเภอ ทุกอำเภอ กองร้อยฯ อส.จ.ยะลา และกองร้อยฯ อส.ท่าสาป ณ สนามกีฬาฟุตบอลสเตเดียม อ,เมือง จ.ยะลา

แสดงความยินดี. เอกชัย แก้วรัตนะ นายอำเภอเทพา จ. สงขลา พร้อมทีมงาน เข้าร่วมแสดงความยินดีกับ นาวาวี หะยีเด ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งเป็น นายกเทศมนตรีตำบลเทศบาลตำบลเทพา ณ สำนักงานเทศบาลตำบลเทพา ถนนประธานสุขา ต.เทพา อ.เทพา จ.สงขลา

วิทยากร. นัทธมน กลั่นศิริ หัวหน้าฝ่ายแผนงานและงบประมาณ รักษาการกองยุทธศาสตร์และงบประมาณ เทศบาลตำบลรือเสาะ ได้รับเกียรติจาก กศน.รือเสาะ เป็นวิทยากร โครงการอบรมให้ความรู้การปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและกฎหมายที่เกี่ยวข้องในชีวิตประจำวัน นักศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ระดับอำเภอรือเสาะ ณ อาาคารอเนกประสงค์ห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส

เข้าพบ. วันสุกรี แวมามะ นายอำเภอเมืองปัตตานี พร้อมด้วย นันทรัตน์ บัวแย้ม ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานความมั่นคง และจ่าอากาศเอกณัฐวุฒ คชสิงหรา ปลัดอำเภอ เข้าพบ พล.ต.ชาคริต อุจะรัตน รอง ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (2) เพื่อพบปะ พูดคุย และปรึกษาข้อราชการการขับเคลื่อนภารกิจศูนย์ปฏิบัติการอำเภอ (ศปก.อ.) ตามนโยบายของแม่ทัพภาคที่ 4 ณ ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี

ต้อนรับ. อำพล พงศ์สุวรรณ ผวจ.ยะลา พร้อมด้วย พงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา สุนิสา อยู่หนูสิงห์ วัฒนธรรม จังหวัดยะลา กิจจา ไวชมภู ท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดยะลา อาหมัด ฟาห์มี บิน อาหมัด ซาร์กาวี กงสุลใหญ่มาเลเซีย จังหวัดสงขลา นางสาวดินา มาร์ตินา กงสุลฝ่ายเศรษฐกิจ ประเทศอินโดนีเซีย จังหวัดสงขลา ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงาน Melayu Day @ Yala ประจำปี 2568 (ครั้งที่ 10) ซึ่งทางเทศบาลนครยะลา ร่วมกับสถานกงสุลใหญ่มาเลเซีย จังหวัดสงขลา สถานกงสุลอินโดนีเซีย จังหวัดสงขลา สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดยะลา และจังหวัดยะลา กำหนดจัดขึ้น ณ สนามโรงพิธีช้างเผือก เทศบาลนครยะลา

แสดงเจตจำนง. โดมเดช ขุนกลับ นายก อบต.บ่อแดง พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร รองปลัด อบต.บ่อแดง หัวหน้าส่วนทุกกอง พนักงานส่วนตำบล พนักงานจ้างทุกท่าน เข้าร่วมโครงการแสดงเจตจำนง “ซื่อสัตย์สุจริตในการบริหารงาน” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตจำนง ทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริตของผู้บริหารรวมถึงเพื่อเป็นการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมให้ผู้บริหาร สมาชิกสภา อบต.บ่อแดง พนักงานในสังกัด อบต.บ่อแดง ณ ที่ทำการ อบต.บ่อแดง อ.สทิงพระ จ.สงขลา

เตรียมความพร้อม. ประถม มุสิกรักษ์ เกษตรจังหวัดสงขลาพัฒนาที่ดินสงขลาเกษตรอำเภอสทิงพระผู้เชี่ยวด้านเกษตรอบจ.สงขลาได้ร่วมประชุมกับเจ้าหน้าหน่วยต่างๆเพื่อเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆเพื่อต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯชึ่งจะตรวจเยี่ยมกลุ่มมะพร้าวแปลงใหญ่ของอำเภอสทิงพระ ซึ่งทางเกษตรได้เลือกเอาสวนมะพร้าวของผู้ใหญ่เอ็ม ซึ่งสวนอยู่ที่ ต.ชุมพล. อ.สทิงพระ จ.สงขลา

แสดงสินค้า. ประวัติ แดงบรรจง รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เป็นประธานเปิดงานการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น/ผลิตภัณฑ์ชุมชน”Co-OpMarket Fair พลังสหกรณ์ขับเคลื่อนสินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่น By สหกรณ์การเกษตรสทิงพระ ณ สหกรณ์การเกษตรสทิงจำกัด อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา