ภายหลังจากที่ “บิ๊กเอ” ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ได้รับความไว้วางใจจากสมาชิก โหวตให้เป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ คนใหม่
วันนี้ เรามาทำความรู้จัก “ประธานโอลิมปิคไทย” คนที่ 8 ในประวัติศาสตร์ และเป็นประมุขบ้านอัมพวัน ที่เป็น “พลเรือน” คนแรก ในรอบถึง 60 ปี คนนี้กันหน่อย
ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ เกิดเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2507 อายุ 59 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์จาก University of Pennsylvania สหรัฐอเมริกา และต่อมาจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจาก University of California at Los Angeles (UCLA) สหรัฐอเมริกา

เกี่ยวกับวงการกีฬา คุณพิมล มีบทบาทสำคัญหลายด้าน โดยเฉพาะในกีฬาเทควันโด ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย มานานถึง 7 สมัย
และยังเป็นรองประธานสหพันธ์เทควันโดโลก อีกด้วย จากการทุ่มเทและเต็มที่ในการพัฒนาและส่งเสริมกีฬาชนิดนี้ จนได้รับความไว้วางใจในระดับนานาชาติ
ผลงานที่โดดเด่นของ “บิ๊กเอ” ในขณะที่ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมเทควันโดฯ คือการทำให้จอมเทตะไทย ได้เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ ถึง 2 สมัย จาก “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จนส่งให้ พาณิภัค มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นแรงบันดาลใจให้เด็กรุ่นใหม่ที่อยากเล่นเทควันโดมากมาย
“น้องเทนนิส” คว้าเหรียญทอง เทควันโด รุ่น 49 กก.หญิง 2 สมัยซ้อน ในโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ส่วนโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่รีโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล นั้นได้รับเหรียญทองแดง
นอกจากนี้ พิมล ยังได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและร่วมมือกับองค์กรเทควันโดนานาชาติ รวมถึงการร่วมมือกับสหพันธ์เทควันโดโลก (World Taekwondo)

ทำให้ช่วยเพิ่มโอกาสแก่กับนักกีฬาไทย ในการเข้าร่วมการแข่งขันระดับโลกและเพิ่มประสบการณ์ในระดับนานาชาติ
ในบทบาททางการเมือง “บิ๊กเอ” เคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สังกัดพรรคไทยรักไทย และเคยเป็นรองโฆษกพรรค ทั้งยังเคยได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกีฬาของรัฐบาล ซึ่งช่วยผลักดันนโยบายต่าง ๆ เพื่อพัฒนากีฬาของประเทศ
ผศ.พิมล ถือว่าเป็นนักการเมืองหนุ่มมาแรง หลังจากติดตาม ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ทำให้ตัวเขาได้บ่มเพาะวิชาความรู้ทั้งที่เรียนมา และการถ่ายถอดงานทางการเมือง
เขาร่วมงานการเมืองเคียงข้าง ดร.สมคิด มานานหลายปี หลังจากช่วงรัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ผศ.พิมล ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยซึ่งถูกยุบในคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549

ต่อมาในปี พ.ศ. 2555 ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานที่ปรึกษานโยบายด้านกีฬาของพรรค
หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2566 เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งเป็นกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ
หลังจากได้รับตำแหน่งประธานโอลิมปิคฯ คุณพิมล ได้ประกาศนโยบายสำคัญหลายประการ เช่น การปรับเพิ่มเบี้ยเลี้ยงและเงินรางวัลให้นักกีฬาทีมชาติไทย ซึ่งไม่ได้รับการปรับเพิ่มมาเป็นเวลานานกว่า 15 ปี
รวมถึงการผลักดันเพิ่มเงินรางวัลเหรียญทอง ในซีเกมส์ เป็น 500,000 บาท จากเดิมที่ 300,000 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานของเอเชียนเกมส์
จากบทบาท ดีกรี ความรู้ความสามารถ และผลงานมากมายที่ได้สร้างมา ถือว่าเราได้คนหนุ่ม (ใหญ่) ไฟแรง ที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม เหมาะสมกับตำแหน่ง
ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ “บิ๊กเอ” และคณะกรรมการบริหารฯ ชุดใหม่ เดินหน้าทำงานและพัฒนาวงการกีฬาให้เจริญก้าวหน้าต่อไป.