คำสั่งฝ่ายบริหารล่าสุดของทรัมป์ ในการขุด “อุดมการณ์ที่สร้างความแตกแยก” ออกจากสถานที่ท่องเที่ยวและศูนย์วิจัยที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ ตามมาด้วยความพยายามหลายครั้งที่จะรักษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ รวมถึงการเทคโอเวอร์ศูนย์ศิลปะการแสดงอันทรงเกียรติของกรุงวอชิงตันอย่าง “ศูนย์เคนเนดี” แต่ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ทำให้บรรดานักวิจารณ์ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“มันคือการประกาสงคราม พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความเย่อหยิ่งและความน่ารังเกียจ จากการอ้างว่าพวกเขามีอำนาจและสิทธิที่จะบอกว่า ประวัติศาสตร์ที่แท้จริงคืออะไร และมันควรได้รับการจัดแสดง เขียน และสอนอย่างไร” นายเดวิด ไบลต์ จากมหาวิทยาลัยเยล ซึ่งเป็นหัวหน้าองค์กรนักประวัติศาสตร์อเมริกัน (โอเอเอช) กล่าว
อนึ่ง คำสั่งล่าสุดของทรัมป์ระบุถึงสวนสัตว์แห่งชาติของสหรัฐ ซึ่งดำเนินการโดยสถาบันสมิธโซเนียน ว่าอาจจำเป็นต้องได้รับการชำระล้างอุดมการณ์ที่ไม่เหมาะสม สร้างความแตกแยก หรือต่อต้านอเมริกา ยิ่งไปกว่านั้น ทรัมป์ยังกล่าวว่า พิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียนหลายแห่งสนับสนุน “อุดมการณ์ที่กัดกร่อน” และพยายามเขียนประวัติศาสตร์อเมริกันขึ้นใหม่ โดยเกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องเชื้อชาติและเพศ
อย่างไรก็ตาม นางมาร์กาเร็ต หวง ประธานของศูนย์กฎหมายความยากจนตอนใต้ (เอสพีแอลซี) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ติดตามความเกลียดชัง กล่าวหาว่า คำสั่งของทรัมป์เป็นความพยายามครั้งล่าสุด ในการลบประวัติศาสตร์ของสหรัฐ และปกปิดการเหยียดเชื้อชาติและอำนาจสูงสุดของคนผิวขาวด้วยความรักชาติ
สำหรับนักวิจารณ์อย่างหวง และไบลต์ การที่ทรัมป์พยายามเล่าประวัติศาสตร์อันสวยหรูของ “ความยิ่งใหญ่ของอเมริกา” ถือเป็นการสร้างความเสียหายต่อผู้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ในสหรัฐ ประเทศที่สร้างขึ้นจากค่านิยมต่าง ๆ รวมถึงเสรีภาพในการพูด แต่ประวัติศาสตร์กลับเต็มไปด้วยสงคราม ระบบทาส และการต่อสู้เพื่อสิทธิพลเรือน
ขณะเดียวกัน นักวิจารณ์คนอื่นกล่าวเสริมว่า การขยายอำนาจการควบคุมของทรัมป์ ซึ่งครอบคลุมสถาบันสมิธโซเนียน แสดงให้เห็นถึงการรุกล้ำความเป็นอิสระที่น่าตกตะลึง ต่อสถาบันที่มีอายุมากกว่า 175 ปี
ทั้งนี้ นายโรเบิร์ต แมคคอย ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐวอชิงตัน กล่าวว่า ความพยายามของทรัมป์ที่จะครอบงำทางวัฒนธรรมในสถาบันของรัฐบาลกลาง เป็นส่วนหนึ่งของการควบคุมในวงกว้าง ซึ่งเป็นรูปแบบที่สะท้อนถึงการวิจัยเกี่ยวกับวิธีการที่เผด็จการยึดอำนาจ
“มันไม่ใช่แค่สถาบันทางการเมืองและเศรษฐกิจ แต่ยังรวมถึงสถาบันที่ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความหมายและความเป็นส่วนหนึ่ง นั่นคือพวกเขาเป็นชาวอเมริกัน” แมคคอย กล่าวทิ้งท้าย.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : AFP