“กะละแม” ขนมพื้นบ้านคนนครพนมที่แม้ได้รับความนิยมในพื้นที่ แต่กลับไม่สามารถก้าวสู่ระดับประเทศและระดับสากลได้ อย่างไรก็ตามวันนี้ขนมโบราณชนิดนี้ได้ถูกพลิกโฉมใหม่จนเกิดโมเดลน่าสนใจ ที่วันนี้คอลัมน์นี้มีกรณีศึกษามาฝากกัน

ทั้งนี้ กับรายละเอียดเรื่องนี้ ซึ่งวันนี้คอลัมน์นี้หยิบยกมาสะท้อนต่อนั้นเป็นส่วนหนึ่งจากรายงานผลความสำเร็จของโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการตลอดสายโซ่ผลิตภัณฑ์กะละแมโบราณนครพนม ภายใต้การสนับสนุนจาก กองทุน ววน. และ บพท. ที่จับขนมพื้นบ้านมาต่อยอดพัฒนาจนเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพมากขึ้น โดย ผศ.ดร.คมศักดิ์ หารไชย คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม ในฐานะหัวหน้าโครงการเล่าว่าหัวใจของโครงการนี้ คือทำให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นเห็นศักยภาพและโอกาสที่จะพัฒนาสินค้าให้ก้าวสู่ตลาดที่กว้างขึ้น ซึ่งกะละแมของนครพนมมีโอกาสที่จะยกระดับได้ หากนำกลยุทธ์ทางธุรกิจมาใช้ จึงเป็นที่มาของการจัดตั้งโครงการนี้ขึ้น โดยปีแรก ปัญหาหลักของกะละแมนครพนมนั้น ไม่ได้มีแค่เรื่องตลาดแต่เกี่ยวข้องกับการผลิต วัตถุดิบ อีกทั้งยังผู้ประกอบการท้องถิ่นด้วยกันยังขาดการเชื่อมโยงกัน จึงขาดพลังที่จะขยายตลาด โครงการจึงเข้ามาช่วยสร้างความเข้าใจและกำหนดเป้าหมายให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ พร้อมกับเสริมเรื่อง Brand DNAเข้าไปเพื่อเน้นจุดแข็งผลิตภัณฑ์และอัตลักษณ์ของพื้นที่เข้าไป เพื่อสะท้อนคุณค่าของกะละแมออกมาให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ขณะที่ในปีที่สอง ได้มีการยกระดับโดยเริ่มจากการแก้ปัญหาด้านคุณภาพสินค้า เช่น อายุเก็บรักษาที่สั้น และเนื้อสัมผัสที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการขยายตลาดด้วยการนำมาพัฒนาปรับปรุงจนได้เนื้อสัมผัสซึ่งคงความเหนียวนุ่มไว้ได้นานขึ้น ทำให้ขายตลาดที่กว้างขึ้นได้

นอกจากนี้ยังแก้ปัญหาอย่างเรื่องของวัตถุดิบหลัก เช่น ใบตอง ที่นำมาใช้ห่อกะละแม ซึ่งที่ผ่านมาต้องนำเข้าจากนอกพื้นที่ ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น จึงส่งเสริมให้มีการปลูกกล้วยตานีในพื้นที่ จ.นครพนม เพื่อลดการพึ่งพาวัตถุดิบจากภายนอก และสร้างความมั่นคงในห่วงโซ่การผลิต ส่งผลให้เกิดชุมชนผู้ปลูกกล้วยตานีขึ้นมาคู่ขนานกับชุมชนทำขนมกะละแม และนอกจากนั้นยังทำการพัฒนาแบรนด์กะละแม โดยแบ่งออกเป็น 3 แบรนด์ย่อย ซึ่งแต่ละแบรนด์จะมีอัตลักษณ์ที่แตกต่างกัน ได้แก่ 1.กะละแมทูลใจ มุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรม เช่น กะละแมรสขาวเม่า ไอศกรีมกะละแม 2.ตุ๊กตากะละแมโบราณ มุ่งเน้นการสร้างพันธมิตร เช่นกับร้านกาแฟ ร้านขนมหวาน ธุรกิจอาหาร เพื่อขยายช่องทางการจำหน่าย 3.ครูน้อยกะละแมกะทิสด มุ่งเน้นให้เป็นแบรนด์ต้นตำรับ เพื่อให้เป็นศูนย์เรียนรู้ ตลอดจนผลักดันให้เกิดสมาคมการค้าผู้ประกอบการกะละแมโบราณนครพนมขึ้นเพื่อเป็นกลไกบริหารจัดการเกี่ยวกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ การขยายตลาด และช่วยพัฒนาผู้ประกอบการอย่างเป็นระบบ ซึ่งผลดำเนินงานที่ผ่านมาได้ส่งผลทำให้ผู้ประกอบการกะละแมกับที่เกี่ยวข้องมีรายได้เพิ่มขึ้น 15-20% รวมทั้งยังเกิดอาชีพใหม่ในท้องถิ่น เช่น นักรวบรวมใบตองอีกด้วย และนี่เป็น “โมเดลธุรกิจชุมชน” ที่เอสเอ็มอีในสาขาเดียวกัน หรือสาขาอื่น ๆ นำไปเป็นกรณีศึกษาเพื่อปรับใช้ได้.
ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ [email protected]