เป็นช่วงที่เจอมรสุมสารพัดปัญหารุมหนักกว่าใครในตอนนี้ ทั้งปมร้อนเรื่อง “ถือหุ้นบริษัทเอกชน“ และ ”ถุงยังชีพ“ แปะสติ๊กเกอร์ที่มีชื่อและภาพตัวเอง กลายเป็นเป้าถูกโจมตี ในช่วงมีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) จึงกลายเป็นตำบลกระสุนตกถูกเขย่าเก้าอี้ใน“รัฐบาลแพทองธาร“ วิบากกรรมในครั้งนี้ และจะส่งผลกระทบอย่างไร “คอลัมน์ตรวจการบ้าน” จึงต้องมาสนทนากับ “เสธ.หิ” ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษารมว.พลังงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรครทสช. มาวิเคราะห์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเหตุใด
โดย เสธหิ. เปิดประเด็นว่า หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน พุ่งเป้าไปที่นายพีระพันธุ์ เรื่องถุงยังชีพเป็นเรื่องของทางทีมงานมาจัดการเรื่องนี้ถ้าบอกว่านายพีระพันธุ์ เป็นคนให้ติดหรือเป็นคนให้ทำวันนั้นลงพื้นที่ 9 จุด 3 จังหวัดจังหวัดชุมพรและจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไม่มีเรื่องนี้พวกนี้เลย แต่มีที่จังหวัดนครศรีธรรมราชทำจุดเดียว ตรงนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับนายพีระพันธุ์ด้วย เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกันไม่รู้เรื่อง
“วันนี้นักร้อง ร้องหมดเป้าอยู่ที่นายพีระพันธุ์ถามว่าที่ร้องเรียนทั้งหมดไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต แม้แต่เรื่องเดียว แต่การร้องมันเป็นเรื่องของเทคนิค เปรียบเหมือนคนเราถ้าเป็นนักมวยต่อยกันคะแนนคุณไม่ชนะเขา คุณน็อคเขาไม่ได้ คุณจะเล่นเทคนิค เล่นฟาวล์อย่างเดียว นักกีฬาประเภทนี้มีเยอะ คือฝีมือสู้ไม่ได้จะจับแพ้ฟาวล์อย่างเดียว”
@ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประเมินกันว่ามีความพยายามต้องการเขี่ยนายพีระพันธุ์ ให้พ้นเก้าอี้รัฐมนตรี และพรรครทสช.พ้นจากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่
“ก็ใช่” วันนี้ความพยายามที่จะให้ออกจากตำแหน่งเพื่อไม่ให้กฎหมายไฟฟ้า กฎหมายน้ำมัน และกฎหมายพลังงานคลอดออกมาให้มีเสถียรภาพมากขึ้น ในการควบคุมราคา สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับนายพีระพันธุ์ ผมไม่รู้ว่าเป็นความพยายามของคนกลุ่มไหน ใครทำ ผมไม่รู้ แต่มีคำกล่าวไว้ว่าเป็นกลุ่มทุนพลังงาน ผมว่าแบบนี้อย่าไปกล่าวหา แต่ถ้ามีจริงอย่างที่พวกเราสงสัย คนที่ควบคุมได้ขนาดนี้ต้องมีอิทธิพลสูงมากใช้คำว่ามาเฟียอาจจะได้ แต่ท่านพูดกับผมว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่หวั่นไหว และไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่งหากจะต้องออกจากตำแหน่งไปมันน่าเสียดายที่อะไรหลายหลายอย่างที่กำลังทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนที่กำลังจะเห็นผลในระยะยาว ตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจทำสิ่งเหล่านี้ท่านรู้อยู่แล้วว่าต้องมีปัญหา และมีผลกระทบตามมามากมายก็ต้องเผชิญและยอมรับให้ได้ ตอนทำเรื่องโซล่าเซลล์ไม่ค่อยมีแรงต้าน แต่พอแตะเรื่องไฟฟ้า สังเกตไหมข่าวออกมาโจมตีสารพัดกระบวนการเหล่านี้มีมาก่อนเรื่องถุงยังชีพ
@ อาจจะมีหนอนบ่อนไส้ภายในพรรค ที่คอยเลื่อยขาเก้าอี้อยู่เบื้องหลังในการโจมตีหัวหน้าพรรคหรือไม่
หนอนบ่อนไส้ในพรรคเราอย่ามาระแวงกันเองเลย ผมบอกได้เลยว่าไม่มี เป็นความรู้สึกของแต่ละคน ทุกวันนี้พรรคยังสามารถทำงานให้ประเทศชาติได้ดี และการตอบรับดีจากประชาชนดี เห็นได้จากที่ผมลงพื้นที่ก็ได้รับการตอบรับดี ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้พรรคแตกแยกหรืออะไร และผมคิดว่าใครที่พยายามจะทำก็ไม่สัมฤทธิ์ผลด้วย แต่ผมดูเวลานี้ก็ไม่มีอะไร
ยืนยันว่าสส.ทั้ง 36 คนของพรรครทสช.ยังเหนียวแน่นอยู่ ยังไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ธรรมชาติของสส. ผมบอกให้เลยยังไม่ถึงเวลา ตอนนั้นค่อยมาดูกัน ตอนนี้ยังดูไม่ได้ เพราะสส.เขาอยู่ในพรรคเราต้องให้เกียรติเขา ต้องเข้าใจซึ่งกันและกัน ทุกคนมีเกียรติจะไปตอบแทนกันไม่ได้ แต่ธรรมชาติของเขา ยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะตัดสินใจ เราตอบแทนเขาไม่ได้
@ ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าพรรครทสช.หลายคนมองว่าพรรคแตกออกเป็น 2 ขั้ว ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกัน มีบางส่วนที่ไม่พอใจหัวหน้าพรรค
ถามว่าทุกพรรคการเมือง การแตกแยกทางความคิดมันต้องมี เพราะเป็นพรรคการเมือง ตามระบอบประชาธิปไตย เราไม่ใช่พรรคนาซี ฉะนั้นการแตกแยกทางความคิดเป็นเรื่องธรรมชาติ ก็มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยภายในพรรค สลับหมุนเวียนกันไป แต่ไม่ใช่ว่าคนใดคนหนึ่งจะไปสุดโต่ง ไม่มี ธรรมชาติทางการเมืองในพรรคเราต้องเข้าใจว่ามีทั้งรักกันบ้าง เกลียดกันบ้าง แต่ก็จะอยู่กันได้ เพราะยังไม่ถึงเวลา หากใครที่อยากจะร่วมอุดมการณ์นี้ก็เดินเส้นทางนี้ต่อ แต่ถ้าถึงเวลาใครมองว่าอุดมการณ์นี้ไม่ตรงกับตัวเอง ก็ต้องไป เราต้องให้เกียรติเขาความคิดเขาเปลี่ยนแปลงได้ แต่เวลานี้ยังไม่เห็นว่ามีอะไรที่เปลี่ยนแปลง ยังมีความเห็นที่เป็นไปในทางเดียวกันอยู่
@ ถูกมองว่าเป็นพรรคของกลุ่มทุนพลังงานหนุนหลัง แต่ช่วงหลังแตกคอ เพราะนายพีระพันธุ์ ไม่เชื่อฟังใช่หรือไม่
เราเคยบอกว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ นายทุนคือ “ประชาชน” แต่ถ้ามันมีอย่างนั้นจริงๆ ประชาชนต้องมาช่วยสนับสนุน “นายพีระพันธุ์” เพราะไม่ได้เอาผลประโยชน์ประเทศชาติไปตอบแทนพวกพ้อง “นายพีระพันธุ์” คิดถึงประชาชนเป็นหลัก ฉะนั้นต้องอยู่ที่ประชาชนว่า จะเมตตาอย่างไรมากหรือน้อย แต่ผมกลับมองว่าเป็นสิ่งที่ดีที่นายพีระพันธุ์ได้พิสูจน์จุดยืนตัวเองว่าการตอบแทนพวกพ้องเอาผลประโยชน์ประเทศชาติตอบแทนไม่ได้
@ ตอนนี้ความสัมพันธ์กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรียังเหนียวแน่นอยู่ไหม
วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นองคมนตรีไปแล้ว อยู่เหนือการเมือง และพล.อ.ประยุทธ์ สนับสนุนทุกพรรคที่ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนสนับสนุนหมด คงไม่มีพรรคไหนเป็นพิเศษ แน่นอนว่าอุดมการณ์ของพรรคยังเหมือนเดิมอันดับหนึ่ง มีความจงรักภักดีต่อสถาบัน ฉะนั้นหากจะมาพรรคเราต้องเข้าใจอุดมการณ์ตรงจุดนี้ รวมถึงอุดมการณ์เพื่อประเทศชาติและประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราได้ทำให้เห็นและเป็นที่ประจักษ์แล้ว ยิ่งพอมีข่าวว่าแตกคอกับกลุ่มทุนจะเห็นเลยว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ รักษาผลประโยชน์ของประชาชนไว้เป็นอันดับหนึ่งและหัวหน้าพรรคได้ทำให้เห็นแล้วว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติเอาไปตอบแทนให้ใครไม่ได้
@ การเลือกตั้งครั้งหน้ายังจะเห็นพรรครทสช. เดินอยู่ในสนามการเมืองหรือไม่
แน่นอนตราบใดที่พรรคยังคงอยู่ แต่ไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคลทุกอย่างต้องหมุนเวียนเปลี่ยนไป ส่วนอุดมการณ์ของพรรคยังเหมือนเดิม ก็ยังคงต้องเดินอยู่ในสนามการเมือง เพื่อเป็นตัวเลือกให้พี่น้องประชาชนต่อไป ซึ่งพรรคจะอยู่หรือไม่ประชาชนจะเป็นคนตอบ ถ้าวันนั้นประชาชนบอกว่าไม่ต้องการแล้ว พรรคก็อาจจะไม่มี แต่ถ้าประชาชนยังต้องการอยู่ ผมเชื่อว่าพรรคยังคงต้องอยู่ที่จะรับใช้พี่น้องประชาชนต่อไป