จาก “โค้ชหนึ่ง” หนึ่งฤทัย สระทองเวียน ที่พาไปฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2 ครั้ง ก่อนลาออกพร้อม “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ หลังจบฟุตบอลโลก 2019 มาถึง “โค้ชก้าง” นฤพล แก่นสน


ล่าสุด เปลี่ยนไปใช้โค้ชต่างชาติ มิโยะ โอกาโมโตะ ชาวญี่ปุ่น ที่เป็นผู้ช่วยโค้ชทีมชาติญี่ปุ่นหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ชุดแชมป์โลกในปี 2018


ภารกิจคือ สู่โควตาฟุตบอลหญิงโลก สมัย 3 ติดกัน เริ่มต้นรอบคัดเลือกชิงแชมป์เอเชีย ร่วมกลุ่มกับ มาเลเซีย กับ ปาเลสไตน์ ในเดือน ก.ย.นี้

นับจากเดินทางมาไทย ตอนนี้ โค้ชมิโยะ ได้เริ่มงานกันแล้ว เพื่อเดินหน้าล่าฝัน


กุนซือวัย 43 ปี กล่าวถึงช่วงเวลาที่ได้สัมผัสนักเตะหญิงไทย “ฉันรู้สึกว่าทุกคนมีความเข้าใจ ทัศนคติ ความพยายาม ในฐานะตัวแทนทีมชาติไทย”


“แน่นอน การเข้ามาของโค้ชญี่ปุ่นก็จะมีวิธีการหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงจากเดิมค่อนข้างมาก อย่างเรื่องระเบียบวินัย แต่ผู้เล่นทุกคนมีการปรับตัวได้ดี เข้าใจจุดประสงค์ของทีม และมีความคิดในเชิงบวก”


จากสไตล์ญี่ปุ่น มาสู่แบบไทยๆ แม้ทำการบ้านมาพอสมควร แต่สิ่งที่ มิโยะ ประหลาดใจ คือการเก็บตัวระยะยาว ของทีมชาติ

“ฉันไม่ทราบว่าก่อนทัวร์นาเมนต์ต้องมีการเข้าแคมป์ที่มีระยะเวลาติดต่อกันหลายเดือน แต่การได้เก็บตัวระยะยาวก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะมีเวลาในการเตรียมทีม สามารถทำให้การเป็นทีมเวิร์กได้ดียิ่งขึ้น”

ความมุ่งมั่นทุ่มเท จริงใจ เล่นเต็ม 100% คือสิ่งที่ มิโยะ ชื่นชมแข้งชบาแก้ว ส่วนการไปเทียบกับนักเตะญี่ปุ่น ที่เป็นเบอร์ต้นของโลกนั้น มิโยะ บอกว่า ไทยมีสมรรถภาพร่างกายที่ดี ขณะที่ญี่ปุ่นเมื่อพิจารณาจากสมรรถภาพทางร่างกายที่คิดว่าเป็นจุดด้อย จึงใช้การฝึกฝนและเล่นฟุตบอลให้มากขึ้นช่วยได้

“นักเตะไทยมีจุดเด่นที่สภาพร่างกาย ส่วนที่ญี่ปุ่น จะใช้การฝึกฝนกับฟุตบอลมาช่วย ดังนั้นจึงคิดว่าผู้เล่นชาวไทยจะเก่งขึ้นได้ ถ้ามีทัศนคติในการคิดที่ดี”

ชบาแก้ว จากรุ่นสู่รุ่น มีการวิเคราะห์กันว่า โกลเดนเจเนอเรชั่น กำลังผ่านพ้นไป ส่วนคลื่นลูกใหม่ ตามหลังมาห่างเกิน จนเกิดช่องว่าง แต่ โค้ชมิโยะ เชื่อว่า ไม่มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษ เพราะต้องการให้ผู้เล่นรุ่นใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์ เรียนรู้จากผู้เล่นรุ่นเก๋า ศึกษาความเป็นมืออาชีพ และกระตุ้นซึ่งกันและกัน

“อายุนักเตะไม่สำคัญ หากมีความตระหนัก ความมุ่งมั่น และสภาพร่างกายที่พร้อมในฐานะนักกีฬาทีมชาติ หรือแม้แต่คนที่ยังไม่ติดทีมชาติ ขอบอกว่าทุกคนมีโอกาส ขอให้ทำให้เต็มที่”

ถึงเวลานี้ กุนซือสาวซามูไร เรียกนักเตะซ้อมไปหลายครั้งแล้ว ซึ่งนอกจากชุดที่เข้าสู่ทีม ยังมีดาวดังที่อยู่ต่างชาติ ที่เธอกำลังจับตามอง ไม่ใช่แค่ “มิรันดา” สุชาวดี นิลธำรงค์ หรือ ทิฟฟานี ดารุณี สอนเผ่า

“ไม่แค่ มิรันดา หรือ ทิฟฟานี ยังรวมถึงต้องติดตามผู้เล่นอื่นๆ ที่เล่นต่างประเทศ และในประเทศด้วย แต่ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในสโมสรของแต่ละคนที่แตกต่างกัน ดังนั้นต้องมีการติดต่อและประชุมกัน เกี่ยวกับเวลาและกำหนดการ”

“มีการรวบรวมข้อมูล การติดตามผู้เล่นที่มีข้อมูลอยู่ แต่นั้นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง ซึ่งอยากจะมุ่งเน้นไปที่ผู้เล่นที่แข็งแกร่ง สภาพร่างกายความพร้อมที่ดีเท่านั้น”

กับบันไดฝันสู่ฟุตบอลโลกสมัย 3 มิโยะ กล่าวว่า เธอจะยังไม่มองข้ามขั้น ตอนนี้ด่านแรกคือ มาเลเซีย และ ปาเลสไตน์ ที่ต้องพยายามคว้าแชมป์กลุ่ม เพื่อเข้ารอบสุดท้ายที่อินเดียให้ได้


เมื่อถามถึงเรื่องอื่นนอกจากฟุตบอล กับราว 3 เดือนครึ่ง ที่ มิโยะ มาอยู่ที่ไทย เธอยอมรับว่าไม่ค่อยได้ไปทำอะไรมากนัก เพราะบางจังหวะกิจกรรมต่างๆ ติดขัด เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19  และต้องขอบคุณสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ที่คอยช่วยเหลือสนับสนุนทำให้การทำงานราบรื่น

“สถานการณ์โคโรนาทำให้มีข้อจำกัดในการออกไปข้างนอก และมีการเก็บตัวที่มีระยะยาว ทำให้ยังไม่ได้ไปที่ต่างๆ มากนัก ถ้ามีเวลา หรือไม่มีข้อจำกัดใดๆก็อยากไปที่ต่างๆ และเรียนรู้วัฒนธรรมไทยให้มากขึ้น” มิโยะ กล่าว

นับเป็นย่างก้าวใหม่ของ ชบาแก้ว ไปสู่สไตล์ซามูไรเป็นครั้งแรก

ต่างที่ ต่างคน ต่างที่มา อาจต้องปรับตัวกันบ้าง แต่ระยะเวลาในการ “รันอิน” ก็มีค่อนข้างนาน ดังนั้นเมื่อถึงศึกชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก เราคงเห็น ชบาแก้วเวอร์ชั่นที่ต่างออกไป

แต่จะไปได้สวยหรือไม่ ไปไกลขนาดไหน ต้องติดตาม.


*** วุฒินล บุญวานิช ***