เนื่องจากความเปียกชื้นของพื้นดินหรือขนที่เปียกฝนทำให้เกิดการสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย เมื่อสัตว์เลี้ยงเดินย่ำในน้ำ หรือไม่ได้เช็ดตัวให้แห้งหลังเปียกฝนก็อาจทำให้เกิดผื่นคัน ขนร่วง ผิวแดง หรือมีแผลลึกจากการเกา อาการเหล่านี้อาจดูเหมือนไม่รุนแรง แต่หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา ก็อาจลุกลามจนกลายเป็นแผลเรื้อรัง และทำให้สัตว์เลี้ยงเกิดความเครียดจากความไม่สบายตัวได้

โรคไข้ฉี่หนู (Leptospirosis) โรคไข้ฉี่หนู เป็นอีกหนึ่งโรคที่เจ้าของมักคาดไม่ถึงว่ามีโอกาสเกิดขึ้นกับสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะในสุนัข ซึ่งสามารถติดเชื้อจากการสัมผัสน้ำที่ปนเปื้อนปัสสาวะของหนู หรือดินโคลนในที่เปียกชื้น อาการเริ่มต้นอาจดูคล้ายไข้ทั่วไป เช่น ซึม เบื่ออาหาร อาเจียน แต่หากปล่อยไว้นาน โรคนี้อาจส่งผลถึงไตและตับ ทำให้เกิดภาวะไตวาย และอาจถึงแก่ชีวิตได้ ที่สำคัญคือโรคนี้สามารถติดต่อจากสัตว์มาสู่คนได้ด้วย

โรคพยาธิเม็ดเลือด เห็บและหมัด ชอบสภาพแวดล้อมที่ชื้นเย็น ทำให้พบได้มากในฤดูฝน เมื่อสัตว์เลี้ยงถูกเห็บกัดก็จะมีโอกาสติดเชื้อพยาธิเม็ดเลือด ซึ่งเป็นโรคอันตรายที่ส่งผลต่อระบบเลือด อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่ เหงือกซีด อ่อนแรง ซึม เบื่ออาหาร มีไข้สูง หรือบางกรณีอาจมีเลือดออกผิดปกติ หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที สัตว์เลี้ยงอาจเสียชีวิตได้

ท้องเสียและระบบทางเดินอาหารอักเสบ ฤดูฝนมักทำให้อาหารหรือขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงเกิดการเน่าเสียหรือปนเปื้อนได้ง่าย หากสัตว์เลี้ยงได้รับอาหารที่ไม่สะอาด หรือไปเลียสิ่งสกปรกตามพื้น เช่น น้ำขัง หรือขยะ ก็อาจเกิดอาการท้องเสีย อาเจียน หรือในบางกรณีอาจลุกลามถึงลำไส้อักเสบได้

โรคไข้หัดสุนัข (Canine Distemper) แม้จะไม่ใช่โรคที่เกิดจากฝนโดยตรง แต่ไข้หัดสุนัขมักระบาดในช่วงที่อากาศชื้น เนื่องจากไวรัสสามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้น โดยเฉพาะในที่แฉะหรือชื้นแฉะ เช่น บริเวณสนามหญ้า โรคนี้เป็นโรคไวรัสที่รุนแรงมาก อาการเริ่มต้นคล้ายไข้หวัด เช่น น้ำมูกไหล ไอ ซึม ต่อมามีอาการระบบประสาท เช่น ชัก เดินเซ และเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที

วิธีดูแลและป้องกันสัตว์เลี้ยงในฤดูฝน เพื่อให้สัตว์เลี้ยงของคุณปลอดภัยตลอดฤดูฝน เจ้าของควรให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ โดยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

1. หลีกเลี่ยงไม่ให้สัตว์เลี้ยงเปียกฝน หากต้องพาออกนอกบ้าน ควรใช้เสื้อกันฝนหรือพกร่ม และหากเปียกฝนแล้วต้องรีบเช็ดตัวให้แห้ง โดยเฉพาะบริเวณอุ้งเท้า ขาหนีบ และซอกหู ซึ่งเป็นจุดที่เชื้อรามักสะสม 2. รักษาความสะอาดที่อยู่อาศัย ทำความสะอาดกรง ที่นอน และภาชนะอาหารอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงความอับชื้น และระบายอากาศให้ดี เพราะสภาพแวดล้อมที่สะอาดคือเกราะป้องกันเชื้อโรคที่ดีที่สุด 3. ตรวจร่างกายและสุขภาพสัตว์เลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ หมั่นตรวจสอบสภาพผิวหนัง ขน อุ้งเท้า และพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยง หากพบความผิดปกติ เช่น เกาหนัก มีผื่นแดง หรือซึม ไม่ร่าเริง ควรพาไปพบสัตวแพทย์ทันที 4. ฉีดวัคซีนและป้องกันเห็บหมัดตามกำหนด โรคหลายชนิดสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน เช่น ไข้หัดสุนัขหรือไข้ฉี่หนู รวมถึงการใช้ยาป้องกันเห็บหมัดอย่างต่อเนื่องก็เป็นสิ่งจำเป็น 5. ระวังเรื่องอาหารและน้ำ ไม่ควรให้อาหารที่เก็บไว้นานหรือวางไว้กลางอากาศชื้น และควรเปลี่ยนน้ำดื่มทุกวัน เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราและแบคทีเรียในภาชนะ.

ทีมข่าววาไรตี้สัตว์เลี้ยง

คลิกอ่านบทความทั้งหมดได้ที่นี่