ก่อนหน้าที่จะย้ายไปดังเป็นพลุแตกกับ สปอร์ติง แทบไม่มีใครรู้จักชื่อของ โยเคเรสซึ่งถูก ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน คว้าตัวมาจาก ไอเอฟ บรอมมาโปจ์การ์นา สโมสรเล็กๆ ในสวีเดน เมื่อปี 2017 ก่อนจะถูกเขี่ยทิ้งให้ โคเวนทรี ในปี 2021 หลังแจ้งเกิดใน เอเม็กซ์ สเตเดียม ไม่สำเร็จ
การย้ายไปสวมเสื้อ “ช้างกระทืบโรง” คือหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญในอาชีพค้าแข้งของ โยเคเรส หลังกดไป 40 ประตูจากการลงเล่น 97 นัด จนทำให้ สปอร์ติง ตัดสินใจคว้าตัวไปล่าตาข่ายยังแดนฝอยทองในปี 2023

กับ สปอร์ติง ชื่อของ โยเคเรส เริ่มถูกพูดถึงมากขึ้น และได้รับการยกย่องว่า เป็นหนึ่งในดาวยิงที่อันตรายที่สุดในแวดวงลูกหนังยุโรป หลังกระหน่ำไปถึง 97 ประตูจากการลงเล่น 102 นัดรวมทุกรายการ
แน่นอนว่า เมื่อทำผลงานได้ดีถึงเพียงนี้ โยเคเรส ย่อมตกเป็นที่หมายปองของหลายสโมสร รวมทั้งตกเป็นข่าวโยงกับ 2 พี่เบิ้มของอังกฤษอย่าง อาร์เซนอล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มานานพักใหญ่
การยิงประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำกับ สปอร์ติง ซึ่งรวมไปถึงการทำ 6 ประตูจากการลงเล่น 8 นัดใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลที่แล้ว ทำให้ค่าตัวของ โยเคเรส พุ่งทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็วตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเมื่ออ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ดังอย่าง Transfermarkt ปัจจุบัน กองหน้าวัย 27 ปี ถูกประเมินค่าตัวเอาไว้สูงถึง 75 ล้านปอนด์

ขณะที่เมื่อย้อนหลังกลับไปในช่วงปลายปี 2017 โยเคเรส ย้ายจาก บรอมมาโปจ์การ์นา มาอยู่กับ ไบรท์ตัน ด้วยค่าตัวเพียง 450,000 ปอนด์เท่านั้น และถูกปล่อยไปให้ โคเวนทรี ในอีก 4 ปีถัดมาด้วยค่าตัวแค่ 830,000 ปอนด์
ค่าตัวของ โยเคเรส เริ่มพุ่งกระฉูดขึ้นหลังกดไป 18 ประตูในฤดูกาลแรกกับ โคเวนทรี และ กดไปอีก 22 ประตูในฤดูกาลถัดมา จนทำให้ค่าตัวขยับจาก 830,000 ปอนด์ ขึ้นไปสูงถึง 20 ล้านปอนด์ ตอนย้ายไปเล่นให้ สปอร์ติง และพุ่งขึ้นไปถึง 75 ล้านปอนด์ ในปัจจุบัน
จากกระแสข่าวที่ปรากฏออกมาเป็นเรื่องค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า โยเคเรส น่าจะโบกมืออำลา สปอร์ติง ในช่วงซัมเมอร์นี้ เมื่อเจ้าตัวประกาศว่า จะไม่ขอลงเล่นให้กับ ทีมดังของโปรตุเกส อีกต่อไป เนื่องจากไม่พอใจที่สโมสรไม่รักษาสัญญาลูกผู้ชายที่เคยตกลงเอาไว้ว่า จะปล่อยเขาออกจากทีมด้วยค่าตัว 59 ล้านปอนด์ หากยอมลงเล่นอยู่กับทีมต่อไปในฤดูกาลที่ผ่านมา แต่พอเอาเข้าจริงกลับตั้งราคาเอาไว้สูงถึง 68 ล้านปอนด์
อย่างไรก็ตาม เฟรเดริโก วารานดาส ประธานสโมสร สปอร์ติง ออกมาโต้ว่า ไม่เคยทำสัญญาลูกผู้ชายอะไรกับฝั่ง โยเคเรส ทั้งนั้น แต่เคยรับปากเอาไว้แค่ว่า จะปล่อยตัวออกไปต่ำกว่าค่าฉีกสัญญาจำนวน 84 ล้านปอนด์
นอกจากนี้ วารานดาส ยังเผยด้วยว่า ยังไม่มีทีมไหนยื่นข้อเสนอขอซื้อ โยเคเรส ไปร่วมทัพเลย ไม่ว่าจะเป็นในช่วงซัมเมอร์ที่แล้ว หรือ ในช่วงซัมเมอร์นี้
ปัจจุบันตัวเต็งที่มีโอกาสจะได้ตัว โยเคเรส ไปเสริมแนวรุกมากที่สุดคือ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มี รูเบน อโมริม เจ้านายเก่าของ กองหน้าทีมชาติสวีเดน คุมทัพอยู่
ส่วน อาร์เซนอล ลดระดับความสนใจในตัว เยอเคเรส ลงไปแล้ว และกำลังหันไปตามจีบ เบนยามิน เชชโก หัวหอกดาวรุ่งของ แอร์เบ ไลป์ซิก แทน

เพราะอะไรหลายทีมจึงอยากได้ตัว โยเคเรส
สถิติในการถล่มประตูของ โยเคเรส สามารถตอบคำถามนี้ได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนำผลงานของเขาไปเทียบกับกองหน้าคนอื่นใน 7 ลีกระดับหัวแถวของยุโรป
ค่าเฉลี่ย 1.25 ประตูต่อ 90 นาทีของ เยอเคเรส สูงกว่ากองหน้าทุกคนในทั้ง 7 ลีก และยังเป็นกองหน้าที่ได้สัมผัสบอลในกรอบเขตโทษคู่แข่งมากที่สุดถึง 10.50 ครั้งต่อเกมอีกต่างหาก โดยมีโอกาสล่อเป้าเฉลี่ย 4.46 ครั้งต่อเกม
สำหรับกรณีที่ โยเคเรส ลงเอยกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ต้องบอกว่า นี่คือการอัพเกรดครั้งใหญ่ในตำแหน่งหมายเลข 9 เมื่อเทียบกับ ราสมุส ฮอยลุนด์ ที่รั้งอันดับบ๊วยในพรีเมียร์ลีก เมื่อว่ากันถึงการสัมผัสบอลในกรอบเขตโทษคู่แข่ง และโอกาสยิงประตูต่อเกม

อย่างไรก็ตาม ยังมีคำถามว่า โยเคเรส จะยังสามารถทำผลงานได้อย่างร้อนแรงเช่นนี้หรือไม่ เมื่อย้ายไปเล่นในลีกระดับหัวแถวอย่างพรีเมียร์ลีก
แม้ หัวหอกเลือดสวีดิช จะเคยพิสูจน์ตัวเองมาแล้วว่า สามารถเอาตัวรอดในอังกฤษได้จากฟอร์มที่ยอดเยี่ยมกับ โคเวนทรี แต่นั่นเป็นเพียงการเล่นในระดับ แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งยังห่างไกลกับ พรีเมียร์ลีก ราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว
ดังนั้นถ้า แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจลงทุนกับ โยเคเรส ที่ค่าตัวมีโอกาสจะพุ่งขึ้นไปสูงเฉียด 80 ล้านปอนด์จริง พวกเขาก็จะต้องพิจารณาให้จงหนักเพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกับเมื่อครั้งที่ไปคว้า ฮอยลุนด์ มาจาก อตาลันตา ด้วยราคา 72 ล้านปอนด์ หรือ ไปคว้า อันโตนี มาจาก อาแจ็กซ์ ด้วยค่าตัวแพงเกินจริงถึง 85 ล้านปอนด์
ทว่าสิ่งที่ทำให้ อสูรแดง พอจะอุ่นใจได้บ้างก็คือพวกเขามีกุนซือชื่อ รูเบน อโมริม ซึ่งเคยร่วมงานกับ โยเคเรส มาก่อน และรู้ดีกว่าใครว่า จะสามารถดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดออกมาจากกองหน้ารายนี้ได้อย่างไร.
แท ยอน