เช้าวันหนึ่ง ณ บ้านเลขที่ 79 หมู่ 12 ต.กระสัง อ.เมืองบุรีรัมย์ นางพอน บวรรัมย์ แม่เฒ่าวัย 73 ปี นั่งกอดรูปลูกชาย นายนาราช บวรรัมย์ อายุ 48 ปี ซึ่งป่วยจิตเวชที่เพิ่งจากไปด้วยอุบัติเหตุอย่างไม่มีวันกลับ ปากก็ได้แต่พร่ำพูด “ขอให้ลูกไปสวรรค์นะ หมดกรรมหมดเวรแล้ว ไปดีนะลูกนะ ขอให้เกิดมาชาติใหม่เป็นคนดี สมบูรณ์ สมประกอบนะ”

ก่อนที่แม่เฒ่าจะเหม่อมองไปอย่างไร้จุดหมาย เหตุการณ์วันนั้นนางพอนยังจำได้ดี และไม่คิดว่าการนั่งกินข้าวเย็นกับลูกชายช่วงค่ำวันที่ 2 พ.ย. จะเป็นมื้อสุดท้าย..

หลังกินข้าวเสร็จ “นาราช” ก็จะออกจากบ้านไปเดินตามท้องถนนเหมือนเช่นทุกวัน แม่จะห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ใครห้ามก็จะโกรธจนแม่และพี่น้องก็ต้องปล่อยตามใจเขา หลังนาราชออกจากบ้านไปไม่นาน ก็มีชาวบ้านวิ่งมาบอกว่า นาราช ถูกรถชน!!

เหตุเกิดบนถนนสาย นางรอง-บุรีรัมย์ บริเวณหน้าโรงเรียนกระสัง ฝั่งขาเข้าเมืองบุรีรัมย์ ร่างไร้ลมหายใจของนาราชนอนจมกองเลือดอยู่บนถนน ห่างไปไม่ไกลพบรถเก๋งฮอนด้า สีขาว กระจกหน้ารถฝั่งซ้ายมีรอยแตกร้าว

นางสาวนิด (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี คนขับรถ ตกใจสุดขีดนั่งช็อกอยู่ริมข้างทาง เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยปฐมพยาบาลเพราะเธอมีอาการจะเป็นลม หลังสงบสติอารมณ์ได้ เจ้าตัวให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า หนูขับรถมาจาก จ.ตราด มาถึงสี่แยกกระสัง จะเข้าตัวเมืองบุรีรัมย์เพื่อกลับบ้านที่ จ.ร้อยเอ็ด เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุหนูขับมาฝั่งเลนขวาสุดซึ่งเป็นทางโค้งและมืด

จังหวะนั้นเขาวิ่งข้ามถนนมาจากอีกฝั่งตัดหน้ารถ ทำให้เบรกไม่ทันจึงชนเข้าอย่างจัง ร่างเขากระเด็นขึ้นมากระแทกกับกระจกหน้ารถก่อนที่จะตกลงไปบนถนนเสียชีวิตคาที่ หนูตกใจมากรีบประคองรถจอดชิดซ้ายแล้วรีบมาดูพบว่าขาเสียชีวิตแล้ว เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วมาก จนหนูแทบทำอะไรไม่ถูก

นางอ่อนน้อม คะเรรัมย์ อายุ 39 ปี น้องสาวของนาราช หลังรู้ข่าวอุบัติเหตุรีบวิ่งมาดูศพพี่ชาย แล้วหันไปเห็นคนขับรถเก๋งที่ชนซึ่งอยู่ในอาการตกใจนั่งร้องไห้อยู่ จึงเดินเข้าไปปลอบใจ “ไม่เป็นไรนะ ญาติพี่น้องทำใจไว้แล้วว่าสักวันต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้!! พี่ชายหนูเป็นผู้ป่วยจิตเวช ชอบเดินไปตามถนนและข้ามถนนเป็นประจำ เคยถูกรถชนมาแล้ว 3-4 ครั้ง แต่ก็รอดทุกครั้งจนมาเกิดเหตุสลดครั้งนี้”

หลังเกิดเหตุเศร้าสลด ญาติได้นำศพของ นาราช มาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดจำปาทอง บ้านกระสัง ต.กระสัง

“แม่เฒ่า” น้ำตาคลอเคาะโลงศพเรียกหาลูก “ขอให้ลูกไปสู่สุคติ” ระหว่างที่นั่งรอพิธีสวดศพ แม่เฒ่าได้เล่าความหลังว่า

ลูกชายเป็นคนอาภัพ ตอนเด็กเขาเรียนเก่ง แต่พอ 9 ขวบ เขาเกิดเป็นโรคลมชัก อาการแย่ไปเรื่อยๆ สุดท้ายกลายเป็นคนเสียสติ แต่เขาไม่เป็นคนดุร้าย ไม่ทำร้ายใคร ทุกคนที่เจอหน้ามักจะเอาอาหารให้เขากินตลอด เคยบอกไม่ให้เขาออกนอกบ้านแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเข้าใจถึงคนสติไม่สมประกอบ ว่าทำอะไรลงไปอาจจะไม่รู้ตัว

แม่เฒ่า กล่าวอีกว่า “ถึงจะเสียใจที่สูญเสียลูกชายมากแค่ไหน แต่ก็เห็นใจสงสารฝ่ายคนที่ขับรถชนและเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็คงไม่ได้ตั้งใจ เป็นใครก็หลบไม่ทัน แม่ไม่ติดใจเอาเรื่อง รวมถึงไม่เรียกร้องอะไรกับคนชน ซึ่งก็แล้วแต่เขาจะเมตตาช่วยเหลือ”

นางสมจิตร บวรรัมย์ อายุ 59 ปี ผู้เป็นน้า เล่าว่า นาราชเป็นเด็กเรียนเก่งแต่มาป่วยก่อน ทำให้หมดอนาคตไปเลย เสียใจกับทั้งสองฝ่ายที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น โดยเมื่อ 3 วันก่อนจะเกิดเหตุร้าย มีอีกามาส่งเสียงร้องทั่วบริเวณรอบบ้าน 3 วันติดกัน เหมือนจะมีลางบอกเหตุแต่ก็ไม่ได้คิดมาก สุดท้ายแล้วคนในบ้านก็มาเสียชีวิต

หลังพิธีฌาปนกิจศพ นาราช เป็นที่เรียบร้อย แม่เฒ่า ก็ยังคงต้องใช้ชีวิตตามปกติ ดูแลสามีที่ป่วยติดเตียง พอจะว่างก็อดที่จะคิดถึงลูกชายไม่ได้ แต่ก็ต้องทำใจคิดว่าชาตินี้เขาเกิดมาไม่สมประกอบ ตอนนี้เขาหมดเวรหมดกรรมแล้ว คงจะได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดี!!

“แม่เฒ่า” กล่าวว่า ลูกชายไปดีแล้ว สงสารก็แต่คนขับ แม่ไม่ติดใจเรื่องที่เกิดขึ้น คิดว่าเป็นเวรเป็นกรรม เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจ เขาก็ดีมาก วันงานศพพาพ่อแม่และครอบครัวมาร่วมงาน และช่วยทำบุญ 4,000 บาท หลังงานศพก็ยังช่วยเหลืออีก 30,000 บาท ตอนนี้ก็ยังคงเหลือเงินประกันของ พ.ร.บ.ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ

“เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นเคราะห์กรรมของเราและเคราะห์กรรมของเขาด้วย ยิ่งนานวันก็ยิ่งคิดถึงลูก ไม่มีวี่แววลูกชายจะมาหาเลย มีแต่คนอื่นมาเล่าว่าฝันถึง แต่เขาไม่ได้มาหาแม่เลย”

คอลัมน์ : นิยายชีวิต โดย : อสงไขย
เรื่องและภาพโดย : วันชัย ผิวอร่าม จ.บุรีรัมย์
แนะนำเรื่องราวชีวิตดั่งนิยาย หรือสอบถามได้ที่ [email protected]

[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” เพิ่มเติมได้ที่นี่..