คืนวันเสาร์ที่ 20 พ.ย. น่าจะเป็นค่ำคืนที่เหล่า “เดอะ ค็อป” แฮปปี้กันถ้วนหน้า…

ก่อนเกมเปิดแอนฟิลด์ รับมือ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล หลายคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเกมนี้มีความสำคัญมาก ๆ กับเส้นทางลุ้นแชมป์ของ “หงส์แดง” ในซีซั่นนี้ …

ค่าที่ลูกทีมของ เจอร์เกน คลอปป์ ไม่ชนะในลีกมา 2 เกมติดก่อนเบรกทีมชาติ (เสมอ ไบรท์ตัน และแพ้ เวสต์แฮม) ขณะที่ “ปืนใหญ่” ของ มิเกล อาร์เตตา แรงเหลือใจ ไม่แพ้ในลีกมา 8 นัดติด โดยชนะไปถึง 6 เกม

บวกกับสภาพทีมของ ลิเวอร์พูล ที่มีอาการบาดเจ็บของนักเตะเล่นงานพอท้วม ๆ ทั้ง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่เจ็บมาจากทีมชาติ รวมถึง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่เร่งเรียกความฟิตแล้วแต่ดีที่สุดได้แค่ออกสตาร์ตบนม้านั่งสำรอง ขณะที่สำรอง 9 คนที่ถูกใส่ชื่อมาในเกมนี้ มีนักเตะที่มีสถานะเป็น “ดาวรุ่ง” ถึง 4 คน!

หลายคนจึงมองว่าเกมนี้ “ไม่ง่าย”…

ยิ่งผลจากเกมในคู่ทุ่มครึ่ง “สิงห์สำอาง” เชลซี โชว์ฟอร์มสุดแกร่งบุกทุบ เลสเตอร์ ซิตี ยับคาบ้าน โกยแต้มหนีห่างเป็น 7 คะแนน ความกดดันยิ่งเพิ่มเป็นเท่าทวีคูณ…

และสิ่งนั้นก็แสดงให้เห็นในช่วงต้นเกม เมื่อรูปเกมของ “หงส์แดง” ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นอย่างที่ เจอร์เกน คลอปป์ ต้องการ

แต่สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ ลิเวอร์พูล เริ่มกลับมาตั้งลำได้ คือการมี ติอาโก อัลคันทารา ที่เกมนี้ได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริง ดาวเตะทีมชาติสเปนที่เพิ่งหายเจ็บกลับมารายนี้ ทำให้เกมในแดนกลางของ “หงส์แดง” ค่อย ๆ นิ่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เขาครองบอลและถ่ายบอลให้เพื่อน ๆ ด้วยความแม่นยำ ทำให้ทีมไม่เสียการครองบอลง่าย ๆ และรูปเกมที่ตื้อ ๆ กันก็เริ่มเป็นของเจ้าถิ่นมากขึ้นเรื่อย ๆ จน อารอน แรมส์เดล นายทวารทีมเยือนต้องงัดลีลาซูเปอร์เซฟมาโชว์ให้เห็นกันเป็นระยะ

เกมยิ่งมาเพิ่มองศาความเดือดยิ่งขึ้นเมื่อ มิเกล อาร์เตตา กับ เจอร์เกน คลอปป์ หวิดจะเปิดศึก 10 ไฟต์ 10 กันที่ริมเส้น จนโดนใบเหลืองทั้งคู่ ซึ่งดูเหมือนจะทำให้สมาธิของทีมเยือนแตกซ่านนิด ๆ จนกระทั่งในที่สุด “หงส์แดง” มาได้ประตูนำ 1-0 จากลูกตั้งแต่ และเป็น เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดฟรีคิกเข้าศีรษะ ซาดิโอ มาเน โขกลงพื้นตุงตาข่าย กระนั้น ภาพรวมในครึ่งแรกก็ยังถือว่า “ปืนใหญ่” มาสู้ได้ดี

แต่พอเริ่มครึ่งหลัง รูปเกมเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อ คลอปป์ งัดไม้ตายอย่าง “เกเกน เพรสซิง” มาเล่นงานทีมเยือนด้วยการบีบสูงตั้งแต่แดนหน้า เล่นเอาพวก “ปืนใหญ่” ถึงกับปั่นป่วนรัญจวนจิต ตั้งเกมขึ้นหน้าไม่ได้

ตามสถิตินั้น ก่อนที่ “หงส์แดง” จะได้ประตูที่ 2 จากการที่ นูโน ตาวาเรส โดนเพรสซิงจนตกใจจ่ายกลับเข้าไปหน้าเขตโทษตัวเอง จนโดน ดีโอโก โชตา ฉกแล้วลากเข้าไปยิงจ่อ ๆ นั้น เจ้าถิ่นบีบสูงจนแย่งบอลในพื้นที่สุดท้ายหน้าเขตโทษของ อาร์เซนอล ได้ถึง 8 ครั้ง!

เรียกว่าบีบละเอียดจนหน้าเขียวหน้าแดงกันเลยทีเดียว…!

หลังจากนั้น กระบวนท่าที่ อาร์เซนอล เตรียมมาก็มีอันพังครืน เกมเป็นของ ลิเวอร์พูล ทั้งหมด ก่อนจะมาได้เพิ่มอีก 2 ประตูจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่กลับมายิงได้อีกครั้งหลังปืนฝืดไปตั้งแต่แฮตทริกใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด และปิดท้ายด้วยผลงานของ ทาคูมิ มินามิโนะ ที่ชาร์จจ่อ ๆ เข้าไปในสัมผัสแรกที่เจ้าตัวโดนบอล

จากที่คิดว่าจะเป็นเกมยาก กลายเป็นชนะสบายเหลือเชื่อ และที่บอกตั้งแต่แรกว่ามันคงทำให้ “เดอะ ค็อป” ทุกหมู่เหล่าแฮปปี้ เพราะนี่ตือชัยชนะที่สวยงาม และทำให้ทีมยังคง “เกาะติด” ไม่ให้ เชลซี ทำแต้มหนีห่างออกไป…

และบางครั้ง สิ่งที่ทำให้ “เด็กหงส์” แฮปปี้ยิ่งกว่าชัยชนะเหนือ “ปืนใหญ่” อาจเป็นผลงานของ สตีเวน เจอร์ราร์ด อดีตตำนานผู้เป็นที่รัก ซึ่งประเดิมคุม แอสตัน วิลลา คว้าชัยเหนือ ไบรท์ตัน 2-0

หรือบางที อาจรวมถึงผลการแข่งขันที่วิคาเรจ โรด ในเกมก่อนหน้าช่วง 4 ทุ่มด้วย

เรียกว่างานนี้แฮปปี้กัน 3 เด้งเลยทีเดียว…!