แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปย้ำแค้น บียาร์รีล ได้ถึงถิ่น 2-0 พร้อมตบเท้าผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ ในฐานะแชมป์กลุ่ม F ซึ่งก็ต้องชมกุนซือขัดตาทัพอย่าง ไมเคิล คาร์ริค ว่า พาทีมทำผลงานได้ตามเป้าหมายทุกประการ

            เกมนี้ คาร์ริค ที่ขยับขึ้นมากุมบังเหียน “ผีแดง” แทน โอเล กุนนาร์ โซลชา ที่เพิ่งโดนเด้งตกเก้าอี้ไปนั้น ปรับทัพจากเกมแพ้ วัตฟอร์ด 1-4 ถึง 4 ตำแหน่ง โดย อเล็กซ์ เตลลิส ได้ลงมาแทน ลุค ชอว์ ที่บาดเจ็บ ขณะที่ ดอนนี ฟาน เดอ เบ็ค ได้ออกสตาร์ตแทน บรูโน แฟร์นันด์ส, เฟร็ด ลงมาแทน เนมานยา มาติช และ อองโตนี มาร์กซิยาล ได้เริ่มต้นเกมก่อน มาร์คัส แรชฟอร์ด

            เริ่มเกม แมนฯ ยูไนเต็ด แสดงเจตนาให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ต้องการมาเอาแค่ผลเสมอ เมื่อ คาร์ริค สั่งลูกทีมถอยลงไปรับต่ำ โดยฟูลแบ๊กทั้ง 2 ข้างแทบไม่ขยับขึ้นสูง รวมไปถึงมิดฟิลด์คู่กลางอย่าง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ และ เฟร็ด ด้วย

            กระนั้นแม้จะเน้นรับเต็มตัว แต่หลังบ้านของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังคงมีช่องโหว่เพียบ โดยเฉพาะพื้นที่หน้ากรอบเขตโทษที่คู่หู “แม็คเฟร็ด” มีปัญหาในการคุมพื้นที่มาตลอด และเกือบจะเสียประตูอย่างน้อย 2 ครั้งจากการส่องของ มานู ตริเกรอส ที่ยิงไปติดเซฟของ ดาบิด เด เคอา ทั้ง 2 ครั้ง

            ส่วนแนวรุกอย่าง มาร์กซิยาล, คริสเตียโน โรนัลโด และ เจดอน ซานโช รวมไปถึง ฟาน เดอ เบ็ค ที่ดับสนิทในบทบาทหมายเลข 10 นั้น แทบจะถูกตัดออกจากเกมไปเลย

            จุดเปลี่ยนที่ทำให้เกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มจะดีขึ้นอย่างชัดเจนก็คือการที่ คาร์ริค ตัดสินใจส่ง แฟร์นันด์ส และ แรชฟอร์ด ลงมาแทน ฟาน เดอ เบ็ค และ มาร์กซิยาล พร้อมสั่งให้ลูกทีมขยับขึ้นไปเพรสในแดนบนมากขึ้น

การแก้ลำของ คาร์ริค ได้ผลชะงัดนัก เมื่อ เคโรนิโม รูยี นายทวารเจ้าถิ่น โดนแข้งผีแดงบีบเข้าใส่จนต้องรีบออกบอลให้ เอเตียน กาปู บริเวณหน้ากรอบเขตโทษของตัวเองโดยไม่ทันดูว่า มี เฟร็ด ที่บีบเข้ามาด้านหลังจนทำให้บอลกระฉอกไปถึง โรนัลโด ที่โชว์วิญญาณเพชฌฆาตกระดกบอลข้ามศีรษะนายด่านชาวอาร์เจนไตน์ เข้าไปเป็นประตูขึ้นำ 1-0 ให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในนาทีที่ 78

หลังเสียประตู “เรือดำน้ำเหลือง” ก็เปิดหน้าแลกเต็มที่ แต่นอกจากจะตีเสมอไม่ได้แล้ว ยังโดน แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นงานด้วยจังหวะสวนกลับ และซัดประตูตอกฝาโลงเป็น 2-0 จากลูกยิงสุดสวยของ ซานโช ในนาทีที่ 90 อีกต่างหาก

ชัยชนะเหนือ บียาร์รีล ครั้งนี้นับเป็นการฉุดให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายได้อีกครั้ง หลังจากทำผลงานได้อย่างย่ำแย่มาตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่คว้าชัยได้แค่เกมเดียวจาก 7 นัดหลังสุด แถมยังแพ้ไปถึง 4 จาก 5 นัดหลัง

อย่างไรก็ตาม คาร์ริค และลูกทีมดูจะมีเวลาให้ฉลองชัยชนะไม่มากนักเพราะยังมีงานหนักรออยู่ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ นั่นคือการบุกไปเยือน เชลซี ทีมจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ที่เพิ่งโชว์ฟอร์มโหดด้วยการเปิดบ้านถล่ม ยูเวนตุส 4-0 ในคืนเดียวกัน ซึ่งน่าติดตามเหลือเกินว่า คาร์ริค จะยังสามารถพา แมนฯ ยูไนเต็ด เอาตัวรอดกลับออกมาจากถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้อีกหรือไม่ หากยังได้อยู่คุมทีมต่อไปจนถึงวันอาทิตย์.

แท ยอน