ผู้ชายหลายคน อาจเคยมีประสบการณ์ของการ มีเลือดปนในน้ำอสุจ หนึ่งครั้งหรือเป็นครั้งคราว ปัญหาดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้ทุกวัย บางครั้งอาจมองเห็นเลือดในน้ำอสุจิตลอดสองสามเดือนหรือมากกว่านั้น ซึ่งปริมาณของเลือดในน้ำอสุจิแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาเหตุ ผู้ป่วยอาจสังเกตเห็นเป็นหยดเลือดหรือสายของเลือดในน้ำอสุจิหรือดูน้ำอสุจิเหมือนเป็นเลือด แม้ว่าอาการดังกล่าวนี้จะเป็นไม่นาน การมีเลือดปนออกมากับน้ำอสุจินั้น เป็นอาการที่ทำให้ผู้ป่วยตกใจกลัวและกังวลเป็นอย่างมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นโรคที่ร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยชายอายุน้อยกว่า 40 ปี

การทดสอบสาเหตุการมีเลือดปนกับน้ำอสุจิ มีหลายวิธีและควรได้รับคำแนะนำสำหรับการรักษาจากแพทย์โดยส่วนใหญ่ไม่ค่อยทราบสาเหตุการมีเลือดปนในน้ำอสุจิ ผู้ป่วยส่วนหนึ่งเมื่อได้รับการวินิจฉัยเลือดในน้ำอสุจิ มักจะเกิดจากการบาดเจ็บหรือการติดเชื้อ การมีเลือดปนน้ำอสุจิอาจเกิดจากสภาวะที่มีผลต่อระบบทางเดินปัสสาวะผู้ชาย ได้แก่กระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ ลูกอัณฑะ ท่อเก็บเชื้ออสุจิ ท่อนำอสุจิจากลูกอัณฑะ ถุงพักน้ำอสุจิ (seminal vesicles) และต่อมลูกหมากการบาดเจ็บโดยตรง มีหลายสาเหตุที่สามารถทำให้หลอดเลือดเสียหายหรือถูกทำลายไปตลอดเส้นทางของน้ำเชื้อหรือทางเดินปัสสาวะไปถึงท่อปัสสาวะ หลอดเลือดอาจแตกหรือฉีกขาดแล้วมีเลือดรั่วไหลในการหลั่งน้ำอสุจิ หรือการปัสสาวะ โดยสาเหตุที่เป็นไปได้ของการมีเลือดปนกับน้ำอสุจิได้แก่ นิ่วของกระเพาะปัสสาวะ ผู้ป่วยไม่ได้ร่วมเพศเป็นเวลานาน

อาการเป็นหลังการตรวจตัดชิ้นเนื้อต่อมลูกหมาก ผู้ป่วยมากกว่าร้อยละ 80 ที่ได้รับการตัดชิ้นเนื้อต่อมลูกหมาก อาจมีเลือดปนกับน้ำอสุจิประมาณสามถึงสี่สัปดาห์หลังการผ่าตัด การบาดเจ็บของลูกอัณฑะ เช่นเดียวกันหลังการผ่าตัดทำหมันโดยตัดท่อนำอสุจิอาจทำให้มีเลือดปนกับน้ำอสุจิประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังการผ่าตัด

นอกจากนี้อาจพบจากการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ได้แก่ โรคหนองใน มีอาการของท่อนำอสุจิอักเสบ โรคต่อมลูกหมากอักเสบ ท่อปัสสาวะอักเสบ ส่วนสิ่งที่เป็นสาเหตุทางการแพทย์อื่น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะพบได้ในผู้สูงอายุมากกว่า ได้แก่ ก้อนเนื้องอกในกระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะหรือต่อมลูกหมากเช่นถุงน้ำหรือติ่งเนื้อที่ยื่นออกมา มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ โรคเลือดออกไม่หยุดหรือฮีโมฟีเลีย มะเร็งต่อมลูกหมาก ต่อมลูกหมากโต เกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติ รับประทานยาละลายลิ่มเลือด ฉะนั้นอย่าตกใจเกินกว่าเหตุ ปรึกษาแพทย์ทางเดินปัสสาวะจะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง.

—————————
ดร.อุ๋มอิ๋ม