เหลืออีกเพียงครึ่งเดือน!!! เทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ กำลังคืบคลานเข้ามาให้คนไทยทั้งประเทศได้ร่วมสัมผัสความสุข ความสนุกที่ห่างหายไปนานถึง 2 ปี

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น…ต้องอยู่บนเงื่อนไขที่ว่า “โอไมครอน” ไม่เข้ามาอาละวาดในไทยซ้ำรอย “เดลต้า” เหมือนที่ผ่านมา จนทำให้ประเทศไทยต้องตกอยู่ในภาวะ “ซึมลึก” ทั้งในเรื่องของชีวิตความเป็นอยู่ ทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจ

เอาเป็นว่า ณ เวลานี้ หากทุกคนร่วมกันดูแลตัวเอง ตามมาตรการสาธารณสุข “แบบครอบจักรวาล” อย่างเคร่งครัด ก็น่าจะทำให้ทุกคน “มีโอกาส” ได้ร่วมฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ อย่างมีความสุขกันอีกครั้ง

เฉกเช่นเดียวกับ…มาตรการชะโลมหัวจิตหัวใจคนไทยหรือเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทย อย่าง “ช้อปดีมีคืน” ที่ล่าสุดขุนคลัง “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” ได้ออกมาบอกว่า กระทรวงการคลังเตรียมให้ของขวัญปีใหม่กับคนไทย

ด้วยเพราะต้องการ รักษาโมเมนตัมของเศรษฐกิจไม่ให้สะดุด โดยเฉพาะเรื่องของการใช้จ่าย ที่แม้คนส่วนใหญ่อาจหมดแรง แต่ต้องยอมรับว่าในช่วงเทศกาล การจับจ่ายใช้สอยย่อมมีมากขึ้นอยู่แล้ว

ที่สำคัญ ประเภทผู้ที่มีกำลัง หรือมีเงิน ก็มีอยู่จำนวนไม่น้อย เมื่อเข้าสู่เทศกาล ก็ยิ่งเป็นโอกาสเหมาะที่ต้องพยายามทำให้คนเหล่านี้ใช้จ่ายเงินให้มากขึ้น ด้วยการนำเรื่องของ “ภาษี” มากระตุ้น ส่วนจะเป็นโครงการใด มีชื่อว่าอะไร ขอให้รอกันหน่อย

ที่ผ่านมาโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ที่ให้ใช้จ่ายได้สูงสุด 60,000 บาท แล้วได้รับคูปองส่วนลด หรือ e-voucher มูลค่าสูงสุด ไม่เกิน 7,000 บาท และนำคูปองมาใช้จ่ายได้สูงสุดไม่เกินวันละ 10,000 บาท ผ่าน G-wallet บนแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง ดูจะไม่เร้าใจคนไทยนัก เพราะยุ่งยากหลายขั้นหลายตอน จึงทำให้ไม่บรรลุเป้าหมาย

ล่าสุดมีผู้ใช้สิทธิเพียง 91,842 คน จากผู้ได้รับกว่า 4.9 แสนราย มียอดใช้จ่ายรวม 3,664 ล้านบาท มีมูลค่าการใช้จ่ายที่นำมาคำนวณสิทธิ e-Voucher 3,027 ล้านบาท และคิดเป็นมูลค่าสะสม e-Voucher ทั้งสิ้นกว่า 348.8 ล้านบาท มูลค่าการใช้จ่ายสะสมส่วน e-Voucher 191 ล้านบาท

อย่าลืมว่า… คนไทยต่างคุ้นเคยกับการได้รับการลดหย่อนภาษี จากการซื้อสินค้า อย่างมาตรการช้อปดีมีคืน หรือช้อปช่วยชาติ คือจ่ายเงินไปกับการซื้อสินค้า และนำใบเสร็จมาเป็นหลักฐานในการขอลดหย่อนภาษีในแต่ละปี

แม้เอาเข้าจริง!! ใช่ว่า…จะจ่ายเงินซื้อของไป 50,000 บาท แล้วสามารถลดภาษีได้ทั้ง 50,000 บาทก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่ามาตรการนี้ “โดนใจ” คนไทยทั้งประเทศไม่น้อยเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ภาคเอกชนต่างเรียกร้องในทุกโอกาส ขอให้รัฐบาลฟื้นชีพ “ช้อปดีมีคืน” ขึ้นมาอีกครั้ง!! เพื่อปลุกเศรษฐกิจให้ต่อเนื่อง รวมทั้งขอให้เพิ่มวงเงินลดหย่อนให้มากขึ้น เพื่อให้มีผลหรือมีอิมแพคต่อระบบเศรษฐกิจ

อย่าง “สมาคมผู้ค้าปลีกไทย” ได้ยื่นหนังสือถึงรัฐบาลไปตั้งแต่เดือน ก.ค.64 เพื่อขอให้พิจารณานำโครงการนี้กลับมาใช้อีกครั้งในช่วงโค้งสุดท้ายของปี เพราะคำนวณแล้วจะทำให้มีเงินสะพัดได้ไม่น้อยกว่า 3-4 แสนล้านบาท

ที่สำคัญ!!ยังทำให้ตัวเลขจีดีพี หรือเศรษฐกิจของประเทศเติบโตได้ถึงระดับ 0.7-1% และยังเกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างมหาศาล โดยใช้งบประมาณไม่มากหรือเพียงแค่ 15,000-20,000 ล้านบาท

หากพิจารณากันแล้ว การเจียดเงินงบประมาณใส่เข้าไปในโครงการ เทียบกับการทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้นั้น น่าจะคุ้มค่าและส่งผลดีต่อภาพรวมของประเทศมากกว่า

มาย้อนดูกันหน่อยว่าที่ผ่านมา ช้อปดีมีคืน ให้อะไรกันบ้าง? อย่างแรก ให้นำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าและบริการไม่เกินคนละ 30,000 บาท มาหักลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งแต่ละคนได้สิทธิไม่เหมือนกันเพราะต้องขึ้นอยู่กับฐานรายได้ของแต่ละคน

แต่!!ใครที่ใช้สิทธิคนละครึ่งไปแล้ว ก็อด!! เช่นเดียวกับบัตรคนจน อด!! เหมือนกัน

ส่วนสินค้าและบริการ ที่นำมาหักลดหย่อนได้ ก็เป็นประเภทสินค้าและบริการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม สินค้าโอทอป ที่จดทะเบียนถูกต้องเรียบร้อย หนังสือทั้งแบบเล่มและอีบุ๊ก การดำเนินการของรัฐบาลในรอบนี้ อาจไม่ทันใจภาคเอกชนนัก เพราะต้องคำนึงถึงสารพัดเหตุผล ที่สำคัญคงไม่ต้องการเสียกระสุน…แล้วได้นกเพียงแค่ตัวเดียว!! ตามสไตล์รัฐแน่ ๆ

ดังนั้น!! คนไทยทั้งประเทศ ต้องอดใจรอกันสักนิดว่า…ของขวัญปีใหม่ของบิ๊กตู่จะเร้าใจ โดนใจ คนไทยทั้งประเทศสมกับการรอคอยแค่ไหน? โดยเฉพาะคนละครึ่งเฟส 4 ที่เป็นขวัญใจมหาชน ไม่น้อยกว่าช้อปดีมีคืน เช่นกัน!!

……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”