ย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 50 ปีก่อน ในปี ค.ศ. 1973 มีหนังสยองขวัญเรื่องหนึ่งออกฉายในชื่อว่า The Exorcist และได้กลายเป็นหนังคลาสสิกระดับตำนานหลังจากนั้น
The Exorcist หรือในชื่อไทยว่า ‘หมอผีเอ็กซอร์ซิสต์’ เป็นเรื่องราวของเด็กสาวที่โดน “ผีเข้า” และเป็นผีที่แสนร้ายกาจ ชนิดที่ว่ากว่าทั้งครอบครัวและบาทหลวงที่มาปราบผีจะทำสำเร็จ ก็ต้องผจญกับอิทธิฤทธิ์ที่น่าหวาดผวาต่าง ๆ นานาของเจ้าผีร้าย
สำหรับคนที่ไม่เชื่อเรื่องผีสาง เรื่องราวบนแผ่นฟิล์มที่ดูเหลือเชื่อ แต่รู้หรือไม่ว่า หนังเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เพียงแต่เป็นเรื่องของเด็กชายชาวอเมริกันวัย 14 ปี ณ เวลานั้น ไม่ใช่เด็กสาว โดยมีนิตยสารอเมริกันฉบับหนึ่งตั้งชื่อสมมุติให้เขาว่า “โรนัลด์ โด”
ที่น่าสนใจกว่านั้นคือหนูน้อยโรนัลด์โดน “ผีเข้า” และต้องผ่านพิธีไล่ผีถึงสองช่วง โดยช่วงแรกเกิดขึ้นที่เมืองคอทเทจซิจี รัฐแมริแลนด์ ส่วนช่วงที่ 2 เกิดที่เมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี
ต่อมาภายหลังจึงมีการเปิดเผยชื่อจริงของเขาว่าคือ โรนัลด์ เอ็ดวิน ฮังเคเลอร์ และเขาเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว ก่อนหน้าวันครบรอบวันเกิดวัย 68 ปีของเขาเพียงวันเดียว ด้วยอาการของโรคหลอดเลือดสมองที่บ้านของเขาในเมืองแมรีออตส์วิลล์ รัฐแมริแลนด์
ชีวิตของโรนัลด์น่าสนใจไม่น้อย หลังจากผ่านพิธีไล่ผีนับครั้งไม่ถ้วน เขาก็เติบโต ร่ำเรียนจนจบ ได้งานเป็นวิศวกรในองค์การนาซา และได้ร่วมงานในโครงการส่งยานอพอลโลสู่ดวงจันทร์ในช่วงทศวรรษที่ 60 รวมทั้งยังเป็นเจ้าของสิทธิบัตรเทคโนโลยีซึ่งช่วยให้แผ่นชิ้นส่วนของกระสวยอวกาศสามารถทนความร้อนที่สูงมาก ๆ ได้
เพื่อนหญิงวัย 29 ปีของโรนัลด์ซึ่งขอสงวนนามของเธอไว้ กล่าวว่า โรนัลด์จะหงุดหงิดมากเวลาที่เพื่อนของเขาที่นาซารู้ว่าเขาเป็นเจ้าของเรื่องราวในหนังเรื่อง The Exorcist
ในวันฮัลโลวีน พวกเขาจะต้องออกจากบ้าน เพราะโรนัลด์มักจะคิดว่าอาจมีคนมาที่บ้านของเขา รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนและไม่ยอมให้เขาอยู่อย่างสงบ เธอยังเสริมว่าเขามักเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลา และไม่ค่อยมีความสุขนัก

ฮังเคเลอร์เกษียณจากงานของเขาที่นาซาในปี 2544 หลังจากทำงานที่นั่นมาเกือบ 40 ปี
ฮังเคเลอร์ เกิดในครอบครัวชนชั้นกลางเมื่อปี 2478 ที่เมืองคอทเทจซิตี เขาเริ่มเจอประสบการณ์เหนือธรรมชาติตั้งแต่อายุ 14 ปี ในรูปของเสียงเคาะและเสียงขีดข่วนผนังห้องนอนของเขา
สาธุคุณลูเธอร์ ชูลซ์ ซึ่งเป็นบาทหลวงประจำครอบครัวฮังเคเลอร์ เคยเขียนจดหมายแจ้งไปยังห้องแล็บด้านปรจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยดุ๊ค เมื่อปี 2492 โดยเล่าถึงการพบเห็น “เก้าอี้ที่ขยับได้โดยมีฮังเคเลอร์นั่งอยู่บนนั้น และดีดเขาออกไป เตียงของเขาสั่นทุกครั้งที่เขานอนบนนั้น” นอกจากนี้ยังรายงานว่าพื้นห้องของที่บ้านฮังเคเลอร์มีรอยลากของเฟอร์นิเจอร์ที่มีน้ำหนักมาก รวมถึงภาพของพระเยซูเจ้าบนผนังที่สั่นระรัวทุกครั้งที่ฮังเคเลอร์เดินผ่าน
สุดท้ายครอบครัวฮังเคเลอร์ก็ได้รับการช่วยเหลือจากบาทหลวงนิกายเยซูอิต ชื่อว่าวิลเลียม บาวเดิร์น ซึ่งมาทำพิธีไล่ผีให้ฮังเคเลอร์ถึง 20 ครั้งในเวลา 3 เดือน ช่วงปี 2492 และมีพยานรู้เห็นหลายสิบคน
คุณพ่อบาวเดิร์นได้บันทึกเหตุการณ์ระหว่างทำพิธีไล่ผีไว้หลายช่วง เขาเล่าถึงเสียงแกรกกรากที่มีจังหวะเหมือนทหารเดินทัพ ของที่ระลึกถึงนักบุญมาร์กาเร็ต แมรี กระเด็นตกลงพื้น กุญแจสลักเปิดออกเองโดยไม่มีใครแตะต้อง
ฮังเคเลอร์ย้ายมาอยู่ที่เมืองเซนต์หลุยส์เพื่อรับการทำพิธีไล่ผี หลังจากที่มีตัวอักษรสีแดงเป็นคำว่า “หลุยส์” ปรากฏขึ้นที่บริเวณซี่โครงของเด็กชาย และคำว่า “วันเสาร์” บนบริเวณสะโพก นอกจากนี้ยังข้อความ “สื่อสาร” อื่น ๆ ที่ปรากฏบนร่างของฮังเคเลอร์อีกหลายครั้ง
ฮังเคเลอร์ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลในเซนต์หลุยส์เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2492 ต่อมาในอีก 1 เดือนให้หลังก็มีรายงานว่า ฮังเคเลอร์มีพฤติกรรมอาละวาด ใช้ความรุนแรง กรีดร้องและขว้างปาสิ่งของ รวมถึงแช่งด่าเป็นภาษาละติน ในขณะที่บาทหลวงทำพิธีไล่ผี
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ลงบทความในวันที่ 20 สิงหาคม 2492 โดยระบุว่าในที่สุด ทางศาสนจักรคาทอลิกก็แจ้งว่าฮังเคเลอร์เป็นอิสระจากผีร้ายที่สิงอยู่ในตัวเขาแล้ว
ก่อนการเสียชีวิตของเขาไม่นาน จู่ ๆ ก็มีบาทหลวงคาทอลิกมาที่บ้านของฮังเคเลอร์ และทำพิธีสวดมนต์ให้เขาเป็นครั้งสุดท้าย
“ฉันไม่รู้เลยว่าคุณพ่อบาทหลวงรู้ได้ยังไงว่าต้องมา แต่ท่านช่วยส่ง ‘รอน’ ไปสู่สวรรค์ ตอนนี้ ‘รอน’ คงอยู่ในสวรรค์กับพระผู้เป็นเจ้า” เพื่อนหญิงของเขากล่าวกับหนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์.
แหล่งข้อมูล
https://news.yahoo.com/boy-whose-case-inspired-exorcist-190605649.html
เครดิตภาพ : Getty Images