ล่าสุดต้องขอเตือนบรรดาผู้ค้าออนไลน์ที่ค้าขายไม่ซื่อตรง เลิกได้เลิก เพราะตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษาประกาศจัดตั้ง “แผนกคดีซื้อขายออนไลน์” ในศาลแพ่งมีผลบังคับใช้แล้ว

ประกาศดังกล่าวระบุถึงเหตุผลการจัดตั้งแผนกคดีซื้อขายออนไลน์ โดยมีเป้าหมายจัดการข้อพิพาทให้ผู้บริโภค ที่นิยมซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ตามวิถีใหม่ให้สามารถเข้าถึงสิทธิฟ้องคดีด้วยตัวเอง อาจไม่จำเป็นต้องมีทนาย เพิ่มความสะดวกในการฟ้องคดี ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการประกอบธุรกิจทางออนไลน์อีกทางหนึ่ง ความว่า

ด้วยปัจจุบันการซื้อขายสินค้าหรือบริการบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นที่แพร่หลายและขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดข้อพิพาทตามมาเป็นจำนวนมาก แต่ช่องทางระงับข้อพิพาทที่มีอยู่ไม่เอื้อต่อการที่ผู้บริโภคจะเข้าถึงได้โดยสะดวก เป็นผลให้ผู้บริโภคจำนวนมากไม่ได้รับการเยียวยาความเสียหายจากการถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่สุจริต

จึงมีความจำเป็นต้องจัดตั้งแผนกคดีซื้อขายออนไลน์ขึ้นในศาลแพ่งให้เป็นระบบศาลอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ ซึ่งผู้ที่มีข้อพิพาทอันเกิดจากการบริโภควิถีใหม่ สามารถเข้าถึงศาลและใช้สิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีด้วยตนเองได้โดยสะดวก เพื่อระงับข้อพิพาทระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้อย่างเป็นธรรมและเป็นไปด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยยกระดับมาตรฐานการประกอบธุรกิจขายสินค้าหรือบริการบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของประเทศให้สามารถแข่งขันในระดับสากลได้อีกทางหนึ่ง

สำหรับประกาศดังกล่าว ประกอบด้วยสาระสำคัญ 9 ข้อ ดังนี้

ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมเรื่องการจัดตั้งแผนกคดีซื้อขายออนไลน์ในศาลแพ่ง”
ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ 3 ในประกาศนี้ “คดีซื้อขายออนไลน์” หมายความว่า คดีผู้บริโภคตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 3(1) ที่เกิดจากการซื้อขายสินค้าหรือบริการบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ข้อ 4 ให้จัดตั้งแผนกคดีซื้อขายออนไลน์ขึ้นในศาลแพ่งโดยให้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับคดีซื้อขายออนไลน์ดังต่อไปนี้
(1) คดีซื้อขายออนไลน์ที่เกิดขึ้นในเขตศาลแพ่ง
(2) คดีซื้อขายออนไลน์ที่ศาลแพ่งรับไว้พิจารณาพิพากษาตามมาตรา 16 วรรคสาม และมาตรา 19/1 แห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรม
การดำเนินคดีของแผนกคดีซื้อขายออนไลน์ให้ใช้ระบบศาลอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบในทุกขั้นตอนของกระบวนพิจารณา คดีใดไม่อาจดำเนินการดังกล่าวได้ ไม่ให้ถือว่าเป็นคดีของแผนกและให้ดำเนินกระบวนพิจารณาไปอย่างคดีปกติ              

ข้อ 5 การจัดตั้งแผนกตามข้อ 4 ไม่ห้ามโจทก์ที่จะใช้สิทธิฟ้องร้องอย่างคดีปกติ
ข้อ 6 ให้มีผู้พิพากษาหัวหน้าแผนกคดีซื้อขายออนไลน์ในศาลแพ่งเป็นผู้รับผิดชอบงานในแผนกหนึ่งคนและให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งจัดให้ผู้พิพากษาที่มีความรู้เชี่ยวชาญด้านคดีซื้อขายออนไลน์จำนวนตามที่เห็นสมควรเป็นผู้พิพากษาประจำแผนกมีหน้าที่รับผิดชอบในการพิจารณาพิพากษาคดีซื้อขายออนไลน์ ตลอดจนช่วยเหลือผู้พิพากษาหัวหน้าแผนกในการบริหารและดำเนินงานต่าง ๆ ของแผนกให้เป็นไปโดยเรียบร้อย          

ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่ราชการอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งอาจมอบหมายให้ผู้พิพากษาอื่นนอกจากวรรคหนึ่งเป็นองค์คณะในการพิจารณาพิพากษาคดีซื้อขายออนไลน์ก็ได้             

ข้อ 7 แผนกคดีซื้อขายออนไลน์ในศาลแพ่งจะเริ่มทำการเมื่อใด ให้เป็นไปตามประกาศของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่ง
คดีซื้อขายออนไลน์ซึ่งค้างพิจารณาอยู่ในแผนกคดีผู้บริโภคของศาลแพ่งในวันเปิดทำการแผนกคดีซื้อขายออนไลน์ให้แผนกคดีผู้บริโภคซึ่งคดีนั้นค้างพิจารณาอยู่ดำเนินการต่อไปจนเสร็จ              

ข้อ 8 ให้สำนักงานศาลยุติธรรมสนับสนุนด้านงบประมาณและการดำเนินการต่าง ๆ ที่จำเป็นแก่ศาลแพ่งเพื่อให้เปิดทำการแผนกคดีซื้อขายออนไลน์ได้ตามกำหนดเวลาที่ประกาศไว้และสามารถให้บริการแก่ผู้ที่มีอรรถคดีได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ       

ข้อ 9 ให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งรักษาการตามประกาศนี้

ท้ายนี้ คงต้องรอประกาศอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งถึงความชัดเจนที่จะเริ่มทำการในเรื่องที่นับเป็นความเดือดร้อน “อันดับต้น” ของผู้บริโภค ในยุคที่ต้องอาศัยการซื้อขายบนโลกออนไลน์ ไม่เพียงเพราะโรคระบาด แต่ด้วยการเข้ามาของเทคโนโลยีที่ทำให้การซื้อขายเกิดขึ้นง่าย รวดเร็ว และเป็นทิศทางตลาดของอนาคต.

ทีมข่าวอาชญากรรมรายงาน

[email protected]