เกมบิ๊กแมตช์ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จะมองในแง่หนึ่งต้องบอกว่าเป็นเกมที่สนุกตื่นเต้น คุ้มค่าสำหรับการเฝ้ารอของแฟนบอลทั้งหลาย

แต่หากมองกันในแง่ของผลการแข่งขัน ต้องบอกว่า “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ค่อนข้าง “น่าผิดหวัง” ที่ไม่ได้ 3 แต้ม…!!!

ก่อนเกมนัดนี้ ทีมของ เจอร์เกน คลอปป์ เจอปัญหาโควิด-19 พ่นพิษ โดยในการแถลงก่อนเกม กุนซือชาวเยอรมันบอกว่ามีนักเตะ 3 คนที่ติดโควิด โดย 2 ใน 3 คาดเดาได้ว่าเป็น อลิสซอน เบคเกอร์ กับ โรแบร์โต ฟีร์มิโน ที่ไม่ได้ลงซ้อมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

ส่วนอีกคนนั้น แฟน “หงส์แดง” ลุ้นกันว่าขอให้ไม่ใช่ตัวหลัก แต่สุดท้ายก่อนเกมมีการเฉลยว่าอีกหนึ่งคนที่โดนโควิดเล่นงานคือ โฌแอล มาทิป…

ตัวหลักเต็ม ๆ…!!!

ยิ่งไปกว่านั้น ตัวของ คลอปป์ โดนพิษโควิดเข้าไปด้วยอีกคน จนไม่สามารถลงคุมทีมข้างสนามได้ในเกมนี้ พูดโดยภาพรวมคือเกมนี้ ลิเวอร์พูล มาแบบไม่เต็มร้อย…

กระนั้น สาวก “หงส์แดง” หลายคนก็ยังคงมั่นใจ เพราะ “สิงห์สำอาง” เจ้าถิ่นก็กำลังอยู่ในช่วงที่ฟอร์มไม่เข้าฝัก แถมยังเจอทีเด็ดโรเมลู ลูกากู ที่ให้สัมภาษณ์เผาบ้านตัวเอง จนสุดท้ายเจ้าตัวถูก โธมัส ทูเคิล หั่นหลุดโผเกมนี้ไปเลย ไม่มีชื่อแม้กระทั่งบนม้านั่งสำรอง

เรียกง่าย ๆ ว่าสภาพทีมกะพร่องกะแพร่งไม่ต่างกัน…

เปิดเกมมาแค่นาทีแรกก็เกิดข้อถกเถียงกันแล้ว เมื่อ ซาดิโอ มาเน เข้าบอลใส่ เซซาร์ อัซปิลิกวยตา อย่างไม่มีเบรก แถมตั้งแขนใส่อีกต่างหาก โชคดีที่มันโดนท่อนแขน ถ้าเป็นศอก ดาวเตะทีมชาติเซเนกัล อาจทำสถิติโดนใบแดงเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ (แม้หลังเกม อัซปิลิกวยตา จะยืนยันว่ามันต้องเป็นใบแดงล้านเปอร์เซ็นต์ก็ตาม)

หลังจากนั้น “หงส์แดง” ยังหวิดจะโดนยิงก่อนเมื่อ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เตะสกัดไปติดบล็อก ทำให้ คริสเตียน พูลิซิช หลุดเดี่ยว แต่ได้มือขวาของ ควีมิน เคเลเฮอร์ ช่วยเ.ฟชีวิตเอาไว้ได้หวุดหวิด…!

แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาที เทรวอห์ ชาโลบาห์ กองหลังดาวรุ่งเจ้าถิ่น ก้มลงโหม่งสกัดไม่ดี บอลไปเข้าทาง มาเน ลากไปซัดไม่เหลือ…

เทรนต์ พลาด ลิเวอร์พูล รอด แต่ ชาโลบาห์ พลาด เชลซี โดนลงโทษทันที…!!!

ราวครึ่งทางของครึ่งแรก “หงส์แดง” ขึ้นนำ 2-0 จากลูกยิงมุมแคบของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แถมยังมีโอกาสอีกมากมาย ถึงนาทีนั้น เหล่า “เดอะ ค็อป” ย่อมเชื่อมั่นว่า 3 แต้มคงไม่หลุดมือ

แต่พอเกมเดินทางมาถึงท้ายครึ่งแรก ประตู “ผีจับยัด” ชนิดยิงเสร็จส่งชื่อประกวดประตูยอดเยี่ยมแห่งปีได้เลยของ มาเตโอ โตวาซิช ในนาทีที่ 42 ทำให้เจ้าถิ่นหลับมาสู่เกม แมถมันยังมาในช่วงเวลาสำคัญยิ่ง

และในช่วงทดเจ็บ พูลิซิช แก้ตัวด้วยการหลุดไปยิงแสกหน้า เคเลเฮอร์ แบบเฉียบขาด ทำให้จบครึ่งแรก เกมกลับมาเสมอกันหน้าตาเฉย…!!!

เกมครึ่งหลัง ทั้ง 2 ทีมต่างเปิดเกมบุกใส่กัน เพราะต่างฝ่ายต่างไม่อยากได้แค่แต้มเดียว ทำให้รูปเกมตื่นเต้นตลอดทั้งเกม แต่สุดท้ายกลับไม่มีประตูเพิ่ม และสิ่งที่ทั้ง 2 ทีมไม่อยากให้เกิดขึ้นก็เกิดขึ้น คือต่างฝ่ายต่างได้แค่แต้มเดียว

สำหรับ เชลซี พวกเขาตามหลัง แมนฯ ซิตี จ่าฝูง เพิ่มเป็น 10 แต้มแล้ว ขณะที่ “หงส์แดง” นั้น 11 คะแนนที่ตามหลัง “เรือใบสีฟ้า” ดูเป็นงานที่ยากเย็นขึ้นเป็นลำดับหากจะหวังแซง แม้จะยังมีเกมตกค้างในมือ 1 นัด…

แต่สิ่งสำคัญคือหลังจากนี้ ทีมจะไม่มี 2 กำลังหลักในแนวรุกทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน รวมไปถึง นาบี เกอิตา ที่ต้องไปรับใช้ชาติในศึกแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ ร่วมเดือน

แต้มห่างขนาดนี้ ไล่ตามธรรมดาแบบตัวครบ ๆ ก็ยากอยู่แล้ว ยิ่งมาเสียตัวหลักไปอีกร่วมเดือนแบบนี้ แฟน “หงส์แดง” ถึงไม่อยากถอดใจแต่ต้องยอมรับว่ามันแทบไม่ต่างกับการเข็นครกขึ้นภูเขาไปแล้ว…

สำหรับ “เดอะ ค็อป” นาทีนี้ สิ่งที่ทำได้ คงได้แค่แช่ง แมนฯ ซิตี ให้สะดุดอย่าเพิ่งทำแต้มถ่างช่องว่างเพิ่มนช่วงนี้

หรือไม่ก็อาจต้องช่วยกันแช่งให้ อียิปต์, เซเนกัล รวมถึง กินี ตกรอบแรกให้หมด ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป…!!!

///////////////////////////////////

สถิติน่าสนใจเกม “สิงห์สำอาง-หงส์แดง”

  • โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงประตูใส่ เชลซี ในเกมลีกเป็นลูกที่ 4 ทำให้เจ้าตัวครองสถิติเป็นอดีตนักเตะ “สิงห์สำอาง” ที่ยิงประตูทีมเก่าในเกมลีกได้มากที่สุด เท่ากับ เควิน เดอ บรอยน์ มิดฟิลด์ แมนเชสเตอร์ ซิตี
  • 2 ประตูในช่วงท้ายครึ่งแรกของ เชลซี เกิดขึ้นในเวลาห่างกันแค่ 245 วินาทีเท่านั้น
  • ซาดิโอ มาเน ทำฟาวล์ เซซาร์ อัซปิลิกวยตา จนโดนใบเหลืองตั้งแต่ 15 วินาทีแรกของเกม ถือเป็นสถิติโดนใบเหลืองเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก

เครดิตภาพ : AP, REUTERS