ผลเสมอแบบไร้สกอร์ที่แอนฟิลด์ของอาร์เซนอล ในรอบรองชนะเลิศ คาราบาว คัพ นัดแรก เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์สำหรับผม และแฟนปืนใหญ่ท่านอื่นๆ น่าจะเช่นเดียวกัน

เพราะลิเวอร์พูลแม้จะขาดโม ซาลาห์ ซาดิโอ มาเน แต่ตำแหน่งอื่นค่อนข้างเต็มสูบ

ต่างจากอาร์เซนอลที่ขาดเยอะกว่า เอาแค่ไปถ้วยแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ ก็ 4 คนเข้าไปแล้ว ไหนจะ กรานิต ชากา ที่ติดโควิด แต่ที่ลงมาได้ก็ถือว่าเร็วเหลือเชื่อ เพราะน่าจะแทบไม่ได้ซ้อมด้วยซ้ำ และก่อนเกมนี้ มาร์ติน โอเดการ์ด ก็ติดโควิดเพิ่มไปอีกคน

มิดฟิลด์คู่กลางใช้ ชาก้า กับ แซมบี โลก็องกา ซึ่งมันก็เหลืออยู่เท่านี้แหละ ในขณะที่ชาร์ลี ปาติโน ขาดประสบการณ์อย่างเห็นได้จากเกมเอฟเอ คัพ ที่แพ้ ฟอเรสต์ 0-1

เล่นนอกบ้านว่าหนัก สภาพทีมก็ว่าแย่ แต่ชากาทำให้มันแย่ขึ้นไปอีกที่ดันเสียใบแดงไปตั้งแต่กลางครึ่งแรก

วินาทีนั้นเชื่อว่าแฟนบอลอาร์เซนอลส่วนใหญ่กุมขมับ คิดว่าชิ*หายแล้วแน่นอน

แต่ที่ไหนได้อาร์เซนอลรวมใจ ผมต้องใช้คำว่ารวมใจเพราะทุกคนสู้ได้ดีจริงๆ แม้สถานการณ์ทุกอย่างเป็นรองก็ตาม

เกมนี้ลิเวอร์พูลครองบอล 78% อาร์เซนอล 22%

โอกาสยิงลิเวอร์พูล 17 ครั้ง อาร์เซนอล 3 ครั้ง

แต่ไม่น่าเชื่อว่าจำนวนยิงตรงกรอบนั้น 1 ครั้งเท่ากัน

ดังนั้นผลเสมอ 0-0 เช่นนี้ดูยังไงก็ต้องดีสำหรับอาร์เซนอล นัดหน้ากลับไปวัดกันที่เอมิเรตส์ สเตเดียม เท่ากับว่าอาร์เซนอลยังมีความหวังเต็มกระเป๋าที่จะเข้าชิงชนะเลิศ

นอกจากนี้มันอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังเกมต่อๆ ไปด้วย

เนื่องจากก่อนเกมนี้ต้องบอกว่าอาร์เซนอลแพ้ฟอเรสต์แบบหมดสภาพ แต่การไปเสมอลิเวอร์พูลดูเหมือนว่าทีมกำลังกลับเข้าร่องเข้ารอยอีกครั้ง

หลายคนตำหนิชากา แต่ผมมองว่าใบแดงแบบนี้ก็ต้องน่าเห็นใจชาก้าด้วย ถ้าเขาปล่อยโชตาหลุดไปก็โดนด่าอยู่ดี เผลอๆ ก็อาจเสียประตูด้วยซ้ำ การหวดสกัดบอลจึงเป็นทางเลือกที่ผมคิดว่าถูกต้องที่สุด ณ ตอนนั้น ยังดีกว่าโดนใบแดงแบบโง่ๆ ที่ไปย่ำใส่คนอื่น ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นก็สมควรด่าจริงๆ

นัดต่อไปวันอาทิตย์นี้ อาร์เซนอล ทำศึกลอนดอน ดาร์บี กับสเปอร์ส ซึ่งก็เป็นอีกครั้งที่สภาพทีมลำบากสุดๆ

อาร์เตตา บอกว่าอาจจะขาดนักเตะ 11-12 คน จึงเป็นไปได้ด้วยซ้ำว่าเกมนี้อาจจะเลื่อนออกไป

ผมก็ว่าหากเลื่อนไปก่อนก็น่าจะดีกว่า