บทสรุปบรรทัดเดียวของ อาร์เซนอล หลังจากแพ้คาบ้านต่อ ลิเวอร์พูล 0-2 ตกรอบรองชนะเลิศ คาราบาว คัพ เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาก็คือ…
“สู้ไม่ได้”
ถึงเจ็บปวดสำหรับแฟนปืนใหญ่แต่มันก็คือความจริง
แม้ว่าอาร์เซนอลอาจเริ่มต้นได้ดีกว่า และหากลูกยิงฟรีคิกช่วงต้นเกมของลากาเซตต์ไม่ชนคานแต่มุดเข้าประตูไป กระนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่า ลิเวอร์พูล สมควรเข้าชิงชนะเลิศ
และอาร์เซนอลยังห่างชั้นกับทีมระดับหัวแถวอยู่หลายขุม
อย่างที่บอกว่าอาร์เซนอลเริ่มต้นดี พวกเขาพยายามไล่เพรสซิ่งกดดันลิเวอร์พูลตั้งแต่ออกสตาร์ต แต่ปัญหาก็เกิดเมื่อพลาดเสียประตู หลังจากนั้นฟอร์มการเล่นก็หล่นหายไปดื้อๆ ยิ่งครึ่งหลังนี่แทบไม่มีโอกาส ซึ่งนี่คือปัญหาอย่างหนึ่งของอาร์เตตาที่ต้องทำให้ทีมมีโมเมนตั้มการเล่นที่ต่อเนื่องไม่ว่าสกอร์ตอนนั้นเป็นอย่างไรก็ตาม
รูปแบบการเล่นนี่เป็นอีกความแตกต่างที่สำคัญ แม้ 11 คนเท่ากัน แต่ผมกลับรู้สึกว่าลิเวอร์พูลเล่นเหมือนมีผู้เล่นมากกว่า
ไม่ว่ารับหรือรุก พวกเขายืนใกล้กัน ขยับขึ้นลงกันเป็นแผง ไม่ว่ามีบอลหรือไม่ แต่ทุกคนช่วยกันไล่
แนวริมเส้นของอาร์เซนอลโดนปิดสนิท บูกาโย ซากา เมื่อได้บอลจะไม่เจอผู้เล่นชุดสีเหลืองแค่คนเดียว แต่จะมีอีกหลายคนที่ตามดูแลใกล้ชิด เช่นเดียวกับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี แต่มาร์ติเนลลี ทำได้ดีกว่า ทั้งเลี้ยง ทั้งมุด ทั้งเปิดบอล หาพื้นที่
รวมๆ ก็คือลิเวอร์พูลมีรูปแบบการเล่น และเข้าอกเข้าใจในเกมดีกันมากๆ ชนิดที่ อาร์เซนอล สู้ไม่ได้
หากจะมีข้อให้อาร์เตตาแก้ตัวอยู่บ้าง ก็เป็นปัญหานักเตะบาดเจ็บและติดโทษแบน ซึ่งเรื่องบาดเจ็บบางทีอาจซวยไม่ว่ากัน แต่กับปัญหาลูกทีมโดนแบนนี่ไม่ใช่
ในยุคอาร์เตตา อาร์เซนอลโดนใบแดงมากที่สุด 14 ใบ ทิ้งห่างอันดับ 2 เซาแธมป์ตันถึง 6 ใบ
ขนาดเกมนี้โธมัส ปาร์เตย์ เพิ่งบินกลับมา ฟาวล์ 2 ครั้ง เจอใบแดงไปอีก และส่งผลให้นัดต่อไปกับเบิร์นลีย์วันอาทิตย์นี้จะอดลงเล่น เช่นเดียวกับ กรานิต ชากา ที่โดนใบแดงเกมแรก
ก็ไม่รู้ว่าใจคอจะรับใบแดงกันทุกนัดหรือไง
ดังนั้นก็ต้องติวเข้มกันหน่อยเรื่องสติ เรื่องอารมณ์ ไม่ทำฟาวล์โฉ่งฉ่างที่รอดยากในยุคVAR
รูปแบบการเล่นต้องแก้ สถิติใบเหลืองใบแดงก็ต้องเพลาๆ ลงบ้าง และที่สำคัญสุดท้ายคือการเซ็นสัญญานักเตะที่ดีกว่านี้เข้ามา โดยเฉพาะตัวจบสกอร์ที่เฉียบคม
ลากาเซตต์ อาจขยันช่วยทีมได้มาก แต่ประสิทธิภาพการทำประตูนั้นดร็อปไปนานแล้ว ไหนจะ โอบาเมยอง ที่ทั้งฟอร์มฝืดและโดนตัดออกจากทีมเรื่องวินัย
ความสำคัญลำดับแรกคือซื้อกองหน้าที่ไว้ใจได้เข้ามา เพราะมันเปล่าประโยชน์แน่ๆ ไม่ว่าต่อให้เล่นดีขนาดไหน แต่กองหน้าโยนโอกาสทิ้งขว้างไปเสียหมด
ดูซาน วลาโฮวิช อาจเป็นคำตอบสุดท้าย แฟนปืนใหญ่ได้รู้กันก่อนสิ้นเดือนว่าดีลนี้เราจะปิดการซื้อได้สำเร็จหรือไม่
