ภายหลังจากชุดตรวจหาเชื้อโควิดฯ ชุดตรวจเร็ว  (Antigen Test Kit) หรือ ชุดตรวจ ATK ได้กลับมามีราคาแพงอีกครั้ง จนกลายเป็นภาระให้กับประชาชน รวมถึงหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่จำเป็นต้องใช้ ตามมาตรการ ’องค์กรปลอดโควิด“ (Covid-free setting) เพราะถือเป็นอีกช่องทางในการช่วยลดการแพร่กระจายโควิด-19 โดยเฉพาะ เชื้อกลายพันธุ์โอมิครอน ที่สามารถแพร่ระบาดได้ง่ายกว่าปกติ

จากการสำรวจของ องค์กรผู้บริโภค พบว่า ตอนนี้ยังมี ชุดตรวจ ATK ที่ไม่มีคุณภาพจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดจำนวนมาก เช่นเดียวกับราคาชุดตรวจที่ขยับสูงขึ้น แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้น คือการทำความเข้าใจ และวางระบบการจัดจำหน่ายของภาครัฐ จะต้องให้ประชาชนทั่วประเทศมีชุดตรวจในราคาถูกลง และเหมาะสมซื้อหามาใช้ได้อย่างทั่วถึงนั้น

สมชาย กระจ่างแสง

ห่วงใช้ชุดตรวจฯผิดวัตถุประสงค์

ทีมข่าว 1/4 Special Report ได้สัมภาษณ์ นายสมชาย กระจ่างแสง อนุกรรมการด้านบริการสุขภาพ สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า สถานการณ์ชุดตรวจ ATK ในท้องตลาดตอนนี้มีตั้งแต่ราคา 100-200 บาท แต่คุณภาพของชุดตรวจมีทั้งที่ผ่าน อย. และไม่ผ่าน แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงตอนนี้คือ ความจำเป็นที่ต้องใช้ผลตรวจเพื่อยืนยันในการเข้าถึงสิ่งต่าง ๆ เช่น เด็กจะไปโรงเรียนได้ต้องมีผลตรวจ ATK หรือบางที่ทำงานจะต้องมีผลตรวจเพื่อยืนยัน สิ่งนี้ทำให้มีคนที่ต้องตรวจ ATK กันเยอะและบ่อยมากขึ้น ที่สำคัญและน่าห่วงคือ การตรวจโดยไม่จำเป็น ขณะเดียวกันการต้องมีผลตรวจก็เป็นเหมือนการละเมิดสิทธิของบุคคล เพราะถ้าในครอบ ครัวที่ยากจน หากมีลูก 2 คน และจะต้องตรวจATK ก่อนไปโรงเรียน ด้วยราคาของชุดตรวจที่อยู่ชุดละ 150 บาท หมาย ความว่าครอบครัวจะต้องนำค่าแรงที่น้อยนิดมาจ่ายกับเรื่องพวกนี้

“การต้องตรวจ ATK เพื่อได้เข้าถึงสิทธิอะไรบางอย่าง เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังและน่าเป็นห่วงอย่างมาก เพราะถ้าครอบครัวที่ยากจน ไม่มีเงินซื้อชุดตรวจ เขาจะไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานได้ จะต่างจากครอบครัวที่มีฐานะปานกลางไปจนถึงสูง ที่มีเงิน       พอจ่ายเพื่อซื้อชุดตรวจ ซึ่งในประเทศไทยมีคนจนที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ

ขณะเดียวกันคนทำงานบางแห่งหรือหลายบริษัทห้างร้านตอนนี้ต่างก็ต้องแบกภาระรับค่าชุดตรวจที่ต้องใช้เงินซื้อชุดตรวจ ATK มาเตรียมไว้กลายเป็นภาระใหญ่ ทั้งของนายจ้าง และลูกจ้างที่ต้องซื้อเอง หากไม่มีผลตรวจก็ไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ เช่น พนักงานในศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ต้องตรวจอาทิตย์ละครั้ง สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการใช้ชุดตรวจที่ยังผิดวัตถุประสงค์ เพราะเป้าหมายของชุดตรวจ ATK เพื่อตรวจคนที่มี “ความเสี่ยงสูง” แต่ถ้าเรามาตรวจกันทุกคนก็จะทำให้สิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น เพราะบางคนตรวจไปแล้วก็ไม่เจอ ดังนั้นชุดตรวจควรจะใช้กับคนที่มีความเสี่ยงสัมผัสกับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง หมายความว่า เราได้พูดคุยและใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อในระยะใกล้กว่า 2 เมตร โดยไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งถ้าคนที่เข้าเกณฑ์ความเสี่ยงนี้ จะต้องใช้ชุดตรวจ ATK

สำหรับการป้องกันเราได้รณรงค์ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย ที่เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะการตรวจ ATK ไม่ใช่การป้องกัน โดยส่วนตัวเชื่อว่า มีหลายคนไปติดเชื้อโควิดฯมาจากระหว่างการตรวจ ตัวอย่างเช่น ในการประชุมของคนกลุ่มหนึ่ง มีการตกลงว่า ก่อนเข้าห้องประชุมจะต้องตรวจATK แต่ในระหว่างที่ตรวจต้องถอดหน้ากากอนามัย ช่วงเวลานี้อาจทำให้มีการเสี่ยงติดเชื้อได้ หรือหากมีการตรวจแล้วไม่พบเชื้อ จะมีผู้ร่วมประชุมบางคนถอดหน้ากากอนามัยออกในระหว่างการประชุม เพราะรู้สึกสบายใจที่ทุกคนไม่มีเชื้อ ทั้งที่จริงชุดตรวจจะพบเชื้อได้ เมื่อคนนั้นติดเชื้อมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 วัน

เร่งกระจายชุดตรวจฯราคาถูกให้ทั่วถึง

อนุกรรมการฯ สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวต่อว่า โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน แม้มีการติดเชื้อง่าย แต่การป้องกันยังคงต้องเหมือนเดิม ตอนนี้น่าเป็นห่วงว่า การใช้ชุดตรวจ ATK ที่ผิดวัตถุประสงค์ เนื่องจากเราใช้กันแบบหว่านแห เพราะต่อให้มีการจัดการของภาครัฐในด้านการจำหน่ายราคาชุดตรวจที่ถูกลง แต่มีเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ  รัฐควรจะมีการช่วยเหลือในบางจุด เช่น ในโรงเรียนของพื้นที่การแพร่ระบาด จะต้องมาตรวจสอบว่ามีการแพร่เชื้อของนักเรียนในชั้นไหน และนำผู้คนรอบข้างของนักเรียนคนนั้นมาตรวจ ATK ซึ่งหากพบเชื้อจะต้องทำการรักษาทันที

การจำหน่ายชุดตรวจ ATK ในราคา 35 บาท ของภาครัฐถือว่าเป็นราคาที่ยอมรับได้ แต่ปัญหาตอนนี้คือ ชุดตรวจในราคานี้ยังไม่มีการจำหน่ายที่แพร่หลาย และครอบคลุมกับความต้องการของประชาชนจริง ๆ เพราะตอนนี้จากการตรวจสอบในตลาดพบชุดตรวจยังมีราคา 100 บาทขึ้นไปแทบทั้งสิ้น ชุดตรวจที่ผ่านการจำหน่ายขององค์การเภสัช ที่มีราคาถูก หากมีการจำหน่ายในร้านยาทั่วไปได้จะทำให้ประชาชนเข้าถึงสินค้าที่ราคาถูกและมีคุณภาพ ดังนั้นหน่วยงานรัฐจะต้องมีแนวทางที่จะจำหน่ายโดยตรงกับร้านยา เพื่อลดปัญหาชุดตรวจราคาแพงได้อย่างดีขึ้น เพราะชุดตรวจในท้องตลาดตอนนี้หลายยี่ห้อไม่ผ่าน อย. ทำให้ผลตรวจมีการผิดพลาดสูง

หากมีการวางมาตรการและกำหนดราคาที่เหมาะสมควร อยู่ที่ชุดละ 35–40 บาท แต่ภาครัฐจะต้องเข้ามาจัดการและจำหน่ายชุดตรวจในราคาที่ถูกลงให้กับร้านขายยาต่าง ๆ ซึ่งช่วงราคาดังกล่าวเราได้ทดลองซื้อมาจากหน่วยงานรัฐ และพบว่าเป็นราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพของชุดตรวจ หรือกระจายชุดตรวจ ATK ในราคาที่ถูกผ่านโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่ทำงานประสานกับศูนย์สุขภาพชุมชน ที่จะคอยเฝ้าระวังคนที่มีความเสี่ยงในชุมชน และหากค้นพบว่ามีความเสี่ยง จะมีการนำชุดตรวจมาให้ตรวจผ่านบุคลากรทางการแพทย์ท้องถิ่น หรือให้ประชาชนนำชุดตรวจไปตรวจเองที่บ้าน จะทำให้มีการเพิ่มช่องทางการตรวจในชุมชนได้ง่ายขึ้น

“อยากเน้นย้ำว่า การตรวจ ATK ไม่ใช่การป้องกัน เพราะหลายคนตรวจแล้วไม่พบเชื้อก็ละเลยจากการเว้นระยะห่างและผู้คน แต่ยังชุมนุมกันโดยไม่ใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งเราจะต้องระมัดระวัง และรอเวลาให้โควิดเป็นเพียงโรคประจำถิ่น ที่จะไม่มีผลร้ายแรงมากเหมือนเช่นตอนนี้”.