แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงทำให้เด็กผีต้องลุ้นกันชนิดปัสสาวะข้นเช่นเคยนะครับกว่าจะเปิดบ้านเชือด เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ลงได้สำเร็จ 1-0 จากประตูชัยในช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้ายของ ดร. มาร์คัส แรชฟอร์ด

            ชัยชนะเหนือขุนค้อนครั้งนี้มีความสำคัญอย่างมากเหมือนที่ ราล์ฟ รังนิก ว่าเอาไว้หลังเกมเพราะนอกจากจะทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ตะกายขึ้นมาอยู่ในท็อป 4 ได้เป็นหนแรกในรอบ 3 เดือนแล้ว มันยังน่าจะทำให้นักเตะอสูรแดงเรียกความมั่นใจกลับมาได้อีกอักโขจากการเก็บชัยชนะแบบติดต่อกันได้เป็นครั้งแรกในยุคของ “ลุงรัง”

            สำหรับรูปเกมที่ปรากฏออกมานั้น ต้องบอกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถคุมเกมเอาไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดตั้งแต่ต้นจนขุนค้อนแทบไม่มีโอกาสลุ้นประตูเลยตลอดทั้งเกม

            ทว่าปัญหาก็คือแม้จะคุมเกมได้ แต่เกมรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะเจาะแนวรับของ เวสต์แฮม ที่เล่นกันได้อย่างเป็นระบบระเบียบเข้าไปส่องประตูได้เช่นกัน โดยกว่าจะยิงเข้ากรอบหนแรกก็ต้องรอถึงช่วงต้นครึ่งหลัง จากจังหวะที่ เฟร็ด ได้หลุดเข้าไปกดด้วยซ้ายเน้น ๆ แต่ อัลฟง อเรโอลา ที่ลงประเดิมสนามให้ เดอะ แฮมเมอร์ส ในพรีเมียร์ลีกเป็นเกมแรกก็ยังพุ่งปัดทิ้งไปได้เสียอีก

            เกมนี้เป็นอีกครั้งที่ คริสเตียโน โรนัลโด ยังคงถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว และไม่ได้รับการสนับสนุนจากแผงมิดฟิลด์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด มากเท่าที่ควร ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใดเพราะในแดนกลางของ แมนฯ ยูไนเต็ด หากไม่นับ บรูโน แฟร์นันด์ส แล้ว ก็ไม่มีใครสามารถสร้างสรรค์เกมได้เลย

สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กับ เฟร็ด เต็มที่ก็เป็นได้แค่ลูกหาบที่นาน ๆ จะมีจังหวะเปิดบอลสวย ๆ หรือ คิลเลอร์พาสให้เห็นสักครั้ง

            ขณะที่ เมสัน กรีนวูด ก็ไม่ใช่ปีกธรรมชาติ และยังคงเอาแต่ก้มหน้าก้มตายิงประตูแบบไม่สนสี่สนแปดเหมือนเดิม

            อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้น่าจะบรรเทาเบาบางลงไปบ้าง เมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ ปอล ป็อกบา กลับมาประจำการในแผงมิดฟิลด์อีกครั้ง ซึ่งตามข่าวนั้น ชายป็อก ที่เจ็บต้นขา และพักยาวมาตั้งแต่เดือนพ.ย. น่าจะพร้อมคืนสนามหลังช่วงเบรกทีมชาติรอบนี้ โดยอาจจะได้กลับมาลงเคาะสนิมในเกมเอฟเอ คัพ รอบ 4 กับ มิดเดิลสโบรช์ ในช่วงต้นเดือนก.พ.

สำหรับสิ่งที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำได้ดีขึ้นอย่างชัดเจนในเกมนี้ก็คือเกมเพรสซิงที่ทำได้อย่างเป็นระบบ และพร้อมเพรียงจนสามารถแย่งบอลกลับคืนมาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระของแนวรับได้เยอะทีเดียว

            ขณะที่ รังนิก ก็แสดงให้เห็นการแก้เกมที่ยอดเยี่ยมอีกครั้ง เมื่อกล้า ๆ ถอดกองกลางอย่าง เฟร็ด กับ กรีนวูด ออกจากสนาม และเติมกองหน้าอย่าง อองโตนี มาร์กซิยาล กับ เอดินสัน คาวานี ลงมาในช่วงท้ายเกมจนช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูชัยในช่วง 30 วินาทีสุดท้ายของช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากการประสานงานของ 3 ตัวสำรองอย่าง หนูหมาก, เอดิ และแรชชี ที่ถูกส่งลงมาแทน เอลังกา ก่อนแล้ว

            ส่วนตำแหน่งยืนของ คาวานี ที่ดูเหมือนจะล้ำหน้าในจังหวะรับบอลมาจาก มาร์กซิยาล ก่อนจะตบเข้ากลางให้ แรชฟอร์ด ชาร์จเข้าไปตุงตาข่ายนั้น ทีมงาน VAR ของพรีเมียร์ลีก ตีเส้นให้ดูหลังจบเกมเรียบร้อยแล้วว่า ดาวยิงอรุกวัย ยืนอยู่ต่ำว่า อารอน เครสเวลล์ กองหลังตัวสุดท้ายของ เวสต์แฮม ดังนั้นประตูชัยของ แมนฯ ยูไนเต็ด จึงได้มาอย่างใสสะอาด และมันอาจจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้พวกเขาสามารถคว้าท็อป 4 มาครองได้สมใจนึกหลังจบฤดูกาลก็เป็นได้.

แท ยอน